การปฏิรูปการเรียนรู้ ความเห็นของคุณสุภาวดี หาญเมธี
วันที่ ๑ เม.ย. ๕๖ มีการประชุมเรื่อง กระบวนทรรศน์ใหม่ทางการศึกษา ที่ สสค. ผู้เชิญหารือคือ ศ. นพ. ประเวศ วะสี และคุณเพ็ญพรรณ จิตตะเสนีย์ แห่ง สสส. เป้าหมายใหญ่ เพื่อเปลี่ยนสังคมไทยจากสังคมอำนาจ เป็นสังคมเรียนรู้ ผู้ได้รับเชิญเข้าร่วมหารือ ที่สามารถมาร่วมได้ท่านหนึ่งคือ คุณสุภาวดี หาญเมธี ประธานกลุ่มบริษัทรักลูก และประธานโรงเรียนเพลินพัฒนา
ท่านได้เขียนเอกสารให้ความเห็นมา ๖ ข้อ และนำเสนอต่อที่ประชุมจับใจผมมาก ท่านบอกว่าจะเขียนบทความทำหนังสือกระบวนทรรศน์ใหม่ทางการศึกษา ที่ ศ. นพ. ประเวศ แนะนำให้ สสส. และ สสค. จัดพิมพ์เผยแพร่ แต่ผมเห็นว่า สาระที่ท่านเขียนและอธิบายน่าจะมีการเผยแพร่ให้กว้างขวางหลายทาง จึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่ทาง บล็อก นี้
๖ ข้อสำคัญของการปฏิรูปการเรียนรู้ ได้แก่
1. กระจายอำนาจ
2. ปรับเปลี่ยนกระบวนการเรียนรู้
3. เนื้อหาความรู้ เรียนรู้โดยบูรณาการกับทักษะ
4. เปลี่ยนแปลงครู
5. ระบบ
6. ทรัพยากร
กระจายอำนาจ
· เปลี่ยนพื้นฐานปรัชญาการศึกษาไทย จาก “ไม่ไว้ใจคน” ไปสู่ความเชื่อมั่นว่า “ทุกคนพัฒนาสังคมให้ดีได้” จากระบบปิดความคิดเป็นระบบเปิด ยอมรับความแตกต่าง ท้าทายให้ครูกล้าคิด ให้คนกล้าคิด
· ส่วนกลางกำหนดแกนความรู้หลักเท่านั้น และกำหนดแนวทางการประเมิน เปิดโอกาสให้แต่ละพื้นที่กำหยดแนวทางของตนเองได้
· เปิดพื้นที่เพื่อพัฒนาการศึกษาหลากหลายแนวทาง ไม่รวบอำนาจไว้ที่แนวทางเดียว รวมทั้งเปิดทางแก่การศึกษาทางเลือก
ปรับเปลี่ยนกระบวนการเรียนรู้
· ส่งเสริมศักยภาพที่มีตามธรรมชาติ (Natural Potentials) 8ส อันได้แก่ สงสัย สังเกต สัมผัส สืบค้น สังเคราะห์ สร้างสรรค์ สรุปผล และนำเสนอ เด็กทุกคนมีศักยภาพทั้ง ๘ เมื่อกระตุ้นจะงอกงาม ต้องมีวิธีกระตุ้นตามระดับพัฒนาการ
· พัฒนาการเด็ก ไม่สอนอ่านเขียนเรียนหนักในระดับอนุบาล (ซึ่งเป็นการบั่นทอนสมอง) ให้เรียนรู้อย่างมีความสุข ระดับประถมเน้นการค้นหาความสนใจของตนเอง
· Learning by doing & participating ได้ทดลองเห็นจริงที่พิพิธภัณฑ์เด็ก เห็นการเปลี่ยนแปลงของลักษณะนิสัย และทักษะต่างๆ
· Project-Based Learning
· เป็นการเรียนที่นักเรียนต้องได้อ่านมาก และเขียนมาก ลดการสอบปรนัย ลดการเรียนแบบท่องจำ ลดจำนวนวิชาเรียน
· การวัดผลไม่อยู่ที่การสอบปลายภาคเป็นสำคัญ ต้องเป็นการสะสมผลการเรียนรู้ระหว่างภาคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครูต้องใส่ใจเด็กเป็นรายบุคคล
เนื้อหาความรู้ เรียนรู้โดยการบูรณาการกับทักษะ
· 7 วิชา (IB) ได้แก่ ภาษาแม่ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ มนุษย์และสังคม (ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์) ศิลปะ กีฬา + Theory of Knowledge เด็ก ม. ปลาย ต้องเรียนเรื่องความรู้ เข้าใจว่าความรู้สำคัญต่อชีวิตตนอย่างไร รู้วิธี organize ความรู้
ท่านเล่าการเรียน (เข้าใจว่าระดับ ป. ตรี) ในต่างประเทศของลูกสาว ว่าการเรียนภาษาครูสามารถสอนได้โดยครูไม่รู้ภาษานั้น โดยครูกำหนดให้เด็กอ่านเลือกหนังสือในประเทศ ที่เขียนในภาษาแม่ของตน ประเภทละ ๔ เล่ม ได้แก่ กวีนิพนธ์ ๔ เล่ม จากรายการที่มีให้, นวนิยาย ๔ เล่ม, เรื่องสั้น ๔ เล่ม, วรรณกรรมคลาสสิค ๔ เล่ม และหากชอบหนังสือประเภทใดเป็นพิเศษ ใน ๔ ประเภท ต้องไปหามาอ่านเองอีก ๔ เล่ม
ในนวนิยาย ให้เลือกบุคลิกของตัวบุคคลในเรื่องที่ชอบ แล้วไปหาตัวบุคคลในนวนิยายเรื่องอื่นที่ตนชอบ นำมาเปรียบเทียบ และอธิบายว่าทำไมตัวบุคคลนั้นจึงมีบุคลิกเช่นนั้น
ในมหาวิทยาลัยนั้นไม่มีครูที่อ่านภาษาไทยออก และไม่มีคนสอน แต่เมื่อ นศ. ส่งรายงานการอ่านและตอบโจทย์ ก็ส่งไปใให้นักเขียนตรวจสอบวิธีคิดของ นศ. ว่ามีเหตุผลหรือไม่ โดยไม่สนใจถูกผิดแต่ดูที่เหตุผล ทำให้การเรียนสนุก ได้เรียนภาษาแม่ของตนทั้งๆ ที่อยู่ในต่างประเทศ
ผมนำเรื่องที่ท่านเล่าตอนนี้มาลงไว้อย่างละเอียดโดยถอดจากที่ผมบันทุกเสียงไว้ เพราะต้องการให้ครูอาจารย์เห็นวิธีออกแบบการเรียนรู้ที่ถูกต้อง สำหรับยุคปัจจุบัน
· ชุดความรู้สำคัญ
- ความรู้เกี่ยวกับโลก
- ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- ความรู้เกี่ยวกับมนุษย์และสังคม : ประชาธิปไตย สันติภาพ การยอมรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม เชื้อชาติ ฯลฯ
- ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจ เศรษฐกิจ การเป็นผู้ประกอบการ
- ความรู้เกี่ยวกับตนเอง (กาย ใจ สังคม ปัญญา รากเหง้า)
· ทักษะสำคัญ
- ทักษะการคิด : คิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ คิดตัดสินใจ
- ทักษะชีวิต : การสร้างความสุข การอยู่ร่วมกับผู้อื่น การจัดการความขัดแย้ง
- ทักษะการเรียนรู้ : การอ่าน ICT + Media Literacy
- ทักษะการงาน
เปลี่ยนแปลงครู
· ที่มาของครู ให้จังหวัดคัดกรองครูใหม่ตามมาตรฐานกลาง และตามแนวทางที่จังหวัดต้องการ
· สาขาความรู้ใดๆ สนใจมาเป็นครูได้ถ้ามีใจอยากเป็นครู โดยมาสอบคัดเลือกและเรียนวิชาครูเพิ่มเติม
· อบรมครูเก่าที่มีอยู่แล้วให้เป็น facilitator ซึ่งทำได้ไม่ยาก
· ครูมีหน้าที่จัดกระบวนการเรียนรู้ ไม่ทำหน้าที่อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเรียนรู้
· import : ครูภาษาอังกฤษสำหรับทุกระดับเข้ามาโดยให้สิทธิประโยชน์จูงใจ
ระบบ
· ยกเลิกการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแบบ “ต้อนควายเข้าคอก”
· ทุกห้องเรียนทั้งประเทศต้องมีนักเรียนไม่เกิน ๒๕ คนต่อห้อง
ทรัพยากร
· ส่งเสริมให้ทุกองค์กร ทั้งธุรกิจ รัฐ ฯลฯ ใส่ข้อมูลความรู้จากการทำงานของตนลงในเว็บไซต์ โดยไม่ต้องใส่ส่วนที่เป็นความลับ ใส่เฉพาะส่วนที่เป็นความรู้พื้นฐาน และจัดประกวดเว็บไซต์ความรู้ต่อเนื่อง เป็นการสะสมองค์ความรู้ของสังคม เพื่อการค้นคว้าสำหรับทุกคน
· จัดระบบส่งเสริม ให้ภาคการผลิตและบริการของสังคม ร่วมจัดการเรียนรู้นอกระบบในสาขาต่างๆ ยกตัวอย่างอู่ซ่อมรถของบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ ร่วมมือกับ กศน. ในการจัดการเรียนรู้ โดย กศน. ต้องเปลี่ยนกระบวนทัศน์
· ใช้สื่อโทรทัศน์ในการรณรงค์ความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิรูปการเรียนรู้อย่างจริงจัง
· ขอความร่วมมือสื่อโทรทัศน์ให้ทำ subtitle ภาษาอังกฤษในรายการต่างๆ เท่าที่จะทำได้
ฟังคุณสุภาวดีแล้ว ผมคิดว่าท่านเข้าใจเรื่องการเรียนรู้ลึกซึ้งกว่าผมมากมายนัก
วิจารณ์ พานิช
๖ เม.ย. ๕๖
คัดลอกจาก http://www.gotoknow.org/posts/532273