Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Home > Articles > พัฒนาทุนมนุษย์ > บทความจากหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

บทความจากหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

พิมพ์ PDF

คอลัมน์: เศรษฐศาสตร์เพื่อชิวิต: จักรวรรดิอเมริกา

ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- อังคารที่ 11 กันยายน 2555 00:00:10 น.

11 ก.ย.55 วันนี้ ครบรอบ 11 ปีแห่งการถล่มตึกเวิลด์เทรดที่มหานครนิวยอร์ก ซึ่งมีคนตายเกือบสามพันศพพอดี ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงตั้งสมมติฐานเป็นฝีมือฝ่ายใดกันแน่ ฝ่ายผู้ก่อการร้ายหรือกลุ่มอำนาจนิยมอเมริกาทำเอง เพื่อสร้างสถานการณ์หรือไม่ปีที่แล้วผมไปอเมริกามีโอกาสแวะไปดูสถานที่ประวัติศาสตร์แห่งนั้นด้วยความสลดหดหู่และเศร้าใจต่อผู้เสียชีวิต ตราบจนทุกวันนี้ เหตุการณ์วิปโยค 9/11 (11 ก.ย. ปี ค.ศ.2001) ยังคงฝังลึกในความทรงจำของอเมริกันชนผู้รักความเป็นธรรมและใฝ่หาสันติภาพ ใครเลยจะคิดว่าเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้เกิดขึ้นในใจกลางมหานครนิวยอร์ก เมืองทันสมัยของโลกที่มีตึกสูงร้อยกว่าชั้นชื่อ"เอ็มไพร์สเตต" (Empire State) ตั้งตระหง่านสูงเด่นเป็นสง่า คำว่า Empire  หมายถึงจักรวรรดิ  ศูนย์กลางการเงินหัวขบวนทุนนิยมโลกเองก็ตั้งอยู่บนเกาะแมนฮัตตันซึ่งอยู่ใจกลางมหานครนิวยอร์ก มีบทบาทสำคัญมากในการบงการระบบทุนนิยมโลกอยู่ตลอดมา

แม้การไล่ล่าอาณานิคมในอดีตที่ใช้กำลังอาวุธยึดครองอีกชาติหนึ่งให้เป็นเมืองขึ้น ได้เปลี่ยนรูปแบบมาเป็นจักรวรรดินิยมแผนใหม่ที่มีอิทธิพลครอบงำเอาเปรียบอีกชาติหนึ่งโดยปราศจากการใช้กำลังอาวุธยึดครองเป็นเมืองขึ้น แต่การเป็นจักรวรรดินิยมของมหาอำนาจตะวันตกก็ยังถูกต่อต้านจากกลุ่มประเทศโลกที่สามทั่วโลกเป็นอย่างมากอยู่ดี โดยเฉพาะในละตินอเมริกาและในทวีปเอเชีย ดังเห็นเด่นชัดในช่วงคริสต์ศตวรรษ 1960-1970 จักรวรรดิอเมริกาทำตัวเป็นเจ้าโลกอัดฉีดความคิดแนวทางการพัฒนาแบบตะวันตกผ่านความช่วยเหลือทางการศึกษาและวัฒนธรรม พร้อมทั้งผลักดันวัฒนธรรมความคิดในการต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ในทุกรูปแบบ การเผยแพร่ความคิดต่อต้านคอมมิวนิสต์ในนาม "ทฤษฎีโดมิโน" ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านสงครามเวียดนามทำให้ประเทศต่างๆ แถบนี้ ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา ลาว ไทย กระทบกระเทือนเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะเวียดนามเสียหายอย่างยับเยินถึงกับต้องสร้างชาติใหม่ แม้แต่ประชาชนชาวอเมริกันเองก็ยังเดินขบวนต่อต้านประณามสงครามเวียดนามอันโหดร้ายไร้มนุษยธรรมที่จักรวรรดิอเมริกาของตนเป็นผู้ก่อ ชาวเวียดนามและทหารอเมริกันต้องบาดเจ็บ พิการ และสูญเสียชีวิตนับล้านคน สงครามเวียดนามจบลงด้วยความพ่ายแพ้อย่างยับเยินของสหรัฐ อหังการความเป็นจักรวรรดิอเมริกาลดบทบาททางการทหารในแถบเอเชียลงไปพักใหญ่ หากแต่บทบาททางวัฒนธรรมและการศึกษายังดำเนินต่อไป ดังจะเห็นการครอบงำความคิดในการพัฒนาประเทศตามแนวทางตะวันตกทุนนิยมยังดำเนินไปด้วยดี แม้โลกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตเป็นอันมาก แต่สหรัฐอเมริกาก็ยังพยายามอย่างมากที่จะคงความเป็นเจ้าโลกของตนไว้ให้ได้ ดังเช่นการหวนคืนมามีบทบาทในภูมิภาคเอเชียขณะนี้เพื่อประกาศความเป็นจักรวรรดิของอเมริกา

จักรวรรดิอเมริกามุ่งครองโลก มีเครือข่ายเข้มแข็งทั่วโลก ลัทธิครองความเป็นเจ้า (Hegemony) ต้องการควบคุมโลก 5 เรื่องคือ อาหาร/ยารักษาโรค/ประชากร/อาวุธ-สงคราม/น้ำมัน-พลังงาน สูตรสำเร็จในการครองโลกมี 5 ข้อ ได้แก่ ป่วนการเมือง/ป่วนเศรษฐกิจ/ล้างสมองสังคม/ชูผู้นำหุ่นเชิด/ปล้นทรัพยากร ยุทธวิธี "โหด-เลว-ดี" ทำแบบผสานกันไป ผ่านองค์กรทั้งในคราบ "นักบุญ" และ "คนบาป" เช่น กลุ่มธุรกิจ "คาร์ไล" สถาบัน ASPEN เวทีเศรษฐกิจโลกดาวอส องค์กรการกุศล (Philanthropy)  องค์กรสิทธิมนุษยชน องค์กรศาสนาบางกลุ่ม ซีไอเอและกองทัพ นี่คือขบวนจักรวรรดินิยมแผนใหม่ไล่ล่าทรัพยากร  บ่อยครั้งทำแนบเนียนยิ่งนักโดยผ่านสื่อตำราวิชาการ  กฎหมาย อำนาจตุลาการ มีการตั้งข้อสังเกตกันว่าที่ปัตตานีมีน้ำมันแหล่งใหญ่ ความรุนแรงตายรายวัน  ชายแดนใต้ถูกแทรกแซงจากอำนาจนิยมตะวันตกด้วยหรือไม่  ขบวนอ้างตนฝ่ายประชาธิปไตยล้มปืนล้มเจ้ารัฐไทยใหม่เกิดเหตุการณ์เผาเมืองฆ่ากันตายกลางกรุง จากการไร้วุฒิภาวะ อ่อนหัดของรัฐไทยไม่ทันเกมและการแทรกแซงจากภายนอกด้วยหรือไม่ เหตุการณ์ป่วนการเมืองหลายๆ ที่ในโลกมักเกี่ยวโยงกับซีไอเอจักรวรรดินิยมอเมริกาหรือไม่  ชอบแทรกแซงป่วนเมืองให้คนในชาติแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแตกแยกฆ่าแกงกัน เป็นเรื่องที่น่าพิจารณาว่าทุนสามานย์ในจักรวรรดิ-อเมริกา จะคล้อยตามหรือยอมรับเศรษฐศาสตร์เชิงพุทธ แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐศาสตร์สันติภาพมุสลิม สายกลางได้หรือไม่ เพราะแนวคิดเหล่านี้ล้วนสวนทางกับผลประโยชน์ของทรราชทุนสามานย์ที่มุ่งสะสมอย่างเอารัดเอาเปรียบล้นเกินความพอดี แล้วทุนนิยมสามานย์เยี่ยงนี้จะเอาด้วยกับฝ่ายธรรมะได้อย่างไร

นักวิชาการสาธารณะอย่าง "ลิซา กูเลียนิ" สรุปว่า  "สหรัฐอเมริกาไม่ใช่ประเทศ แต่เป็นบรรษัท" หมายถึงรัฐสภาและกลไกกฎหมายสหรัฐ ถูกควบคุมโดยบรรษัทเอกชน  ข้อวิเคราะห์ของนักวิชาการชั้นแนวหน้าอย่าง "เจมส์ เพทราส"  เห็นว่า ผลประโยชน์ของบรรษัทนำไปสู่สงคราม เราจึงเห็น "สงครามใหม่ๆ ในโลกปะทุขึ้นท่ามกลางวิกฤตการณ์เศรษฐกิจโลกโดยกลุ่มไซออนนิสต์ (ซึ่งมีอุดมการณ์ ชาวยิวต้องมาก่อน)  เป็นผู้จุด ชนวนสงคราม" ความคิดนี้ได้รับการขานรับจากมหาเศรษฐี/ซีอีโอบรรษัท และองค์กรชาวยิวหลักๆ กว่า 52 แห่งในอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดสอดคล้องกันหมดในทำเนียบขาว/รัฐสภา/กระทรวงการคลัง/ซีไอเอ/เพนตากอนกลาโหมสหรัฐ ต่างล้วนผลักดันไปสู่การทำสงครามกับอิหร่านที่มีวาระซ่อนเร้นเพื่อหวังปล้นน้ำมันเฉพาะหน้านี้บทบาทสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคอาเซียนนั้นต้องการปักธงที่ประเทศไทยปล้นปิโตรเลียมไทยและปิดล้อมจีนไปด้วย โดยการเคลื่อนพลกองทัพเรืออเมริกา60% มาสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก   ไทยกำลังจะกลายเป็นสนามรบของมหาอำนาจหรือไม่ เพราะขณะนี้อเมริกาขอใช้อู่ตะเภาเป็นฐานทัพแล้ว จีนจะใช้บางนาและแม่กลองเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ อินเดียเร่งตัดถนนสี่เลนสู่ไทย ทั้งสามชาติเป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ที่สุดสามลำดับแรกของโลก

ในหนังสือติดลำดับขายดีที่สุดเล่มหนึ่งชื่อ"เมื่อบรรษัทครองโลก"(When Corporations Rule the World) เขียนโดย  "เดวิด ซี คอร์เทน" ระบุ "หลักห้าข้อ" ที่บรรษัทเอกชนจะยึดครองโลกได้สำเร็จดังต่อไปนี้

ข้อที่ 1 สู่จักรวรรดิโลก เปลี่ยนโลกสู่โหมดจัดระเบียบเศรษฐกิจโลกใหม่ ตัวทำเกมคือ บรรษัทไร้สัญชาติไร้พรมแดน (TNCsTransnational Corporations) ทำวัฒนธรรมบริโภคทั้งโลกให้เป็นแบบเดียวกัน รัฐบาลทำนโยบายประชานิยมร่ายมนต์สะกดประชาชนให้อยู่ในกิเลสแห่งการบริโภคสุดขีด บรรษัทได้รับประโยชน์สูงสุด ส่วนชุมชนและชาติไว้ทีหลัง หัวใจสำคัญให้เสรีภาพสูงสุดแก่บรรษัท

ข้อที่ 2 การตลาดโลก ครอบงำโลกด้วยการโฆษณาผ่านสื่อไอทีสมัยใหม่หลากหลายรูปแบบ มอมเมาคนทั้งโลกเสพติดสินค้าโงหัวไม่ขึ้น ผลประโยชน์อเมริกาต้องมาก่อน ขยายสู่พรมแดนใหม่ขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์ตลาดเสรี ผ่านข้อตกลงการค้าเอฟทีเอ/อียู/เออีซี โดยยุทธวิธี "สี่ใหม่" ตลาดใหม่-ตัวละครใหม่-กฎเกณฑ์ใหม่-เครื่องมือใหม่

ข้อที่ 3 ตัดทิ้งประโยชน์ประชาชน

เปลี่ยนยุทธวิธีจากไล่ล่าอาณานิคมโดยเรือปืนในอดีต มาเป็นปล้นสมบัติชาติโดยความคิดเสรีนิยมใหม่ในปัจจุบัน ประดิษฐ์ศัพท์แสงสมัยใหม่ฟังดูดีน่าเชือถือ กรณีแปรรูปรัฐวิสาหกิจโดย พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ  เช่น ปู้ยี่ปู้ยำสมบัติปิโตรเลียมชาติให้บรรษัทข้ามชาติ กรณีนำทุนสำรองระหว่างประเทศไปเป็นทุนจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งน้ำมันของเหล่าบรรดาเสือหิวรักชาติจนน้ำลายหยดรอเขมือบ    ความคิดเสรีนิยมใหม่มีเป้าหมายสูงสุดให้ทุนใหญ่เอกชนเป็นสถาบันควบคุมเศรษฐกิจโลก โดยมีฉันทานุมัติวอชิงตัน (เรือปืนสมัยใหม่) ทำภารกิจยึดโลก ได้แก่ ธนาคารโลก (WB)-กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)-องค์การการค้าโลก (WTO)-กระทรวงการคลังสหรัฐตลาดหุ้นวอลสตรีทอเมริกา

ข้อที่ 4 ประชาธิปไตยมีไว้ขาย ซื้ออำนาจด้วยเงินเท่ากับปิดปากประชาธิปไตย เช่น ให้เงินค่าโฆษณาปิดปากสื่อและคนทำรายการสื่อให้ทุนศึกษาวิจัยแก่มหาวิทยาลัย ให้หุ้นราคาต่ำก่อนเข้าตลาดหุ้น ฯลฯ ปล้นมูลค่าส่วนเกิน (Economic Rent)  จากสัมปทานธุรกิจพลังงาน ธุรกิจค้าอาวุธ เปิดทางบรรษัทปล้นทรัพยากรปิโตรเลียมแห่งชาติ สมคบคิดขายชาติร่วมกันโดยนักการเมือง-ข้าราชการระดับสูง-นักวิชาการฉกฉวยโอกาส-นักธุรกิจการเมือง มีนักล็อบบี้ยิสต์นายหน้าจัดการให้ลงตัว มีการใช้เงินซื้อให้หลุดคดีโกงภาษีและฉ้อฉลอื่นๆเป็นว่าเล่น

ข้อที่ 5 ฉันทานุมัติชนชั้นนำ มีสภาความสัมพันธ์ต่างประเทศ (Council on Foreign Relations-CFR) เป็นแกน สถาบันนี้มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจการเมืองโลกอย่างมีนัยสำคัญ   โลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจยึดหลักการ 2 ข้อ (ก) ขยายระบบเศรษฐกิจทุนนิยมอเมริกาครอบโลก และ (ข) ปลูกฝัง  "โมเดลเศรษฐศาสตร์อเมริกา" ทั่วโลก สถาบัน CFR มีสมาชิกชั้นนำจากทุกวงการ รัฐบาล-ธุรกิจ-สื่อ-เทคโนแครต-นักวิชาการ-นักแสดง เช่น แองเจลีนา โจลี ดาราฮอลลีวู้ด อภิมหาเศรษฐีน้ำมันตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์ นายเฮนรี คิสซิงเจอร์ อดีต รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ผู้เล่นบทโหดระเบิดถล่มเวียดนามและล้มรัฐบาลชิลี

เศรษฐีน้ำมันตระกูลบุช เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ถึง 2 คน  ทำนโยบายผลประโยชน์ทับซ้อนพลังงาน บุชผู้พ่อเป็นที่ปรึกษาอาวุโสบอร์ดกลุ่มคาร์ไล (ค้าอาวุธและน้ำมัน) ระหว่างเป็นประธานาธิบดีบุชผู้พ่อได้ตั้งนายดิก เชนีย์ (ซีอีโอบริษัทน้ำมันฮอลลิเบอร์ตัน) เป็น รมว.กลาโหม ต่อมากลายมาเป็นรองประธานาธิบดีของบุชผู้ลูก (ผู้สั่งกองทัพอเมริกาบดขยี้ปล้นบ่อน้ำมันอิรัก) ส่วนนางคอนโดลีซซา ไรซ์ (ซีเอโอบริษัทน้ำมันเชฟรอน) ได้เป็น รมว.ต่างประเทศของบุชผู้ลูก บุชผู้พ่อมีนายสตีเฟน เพน ซึ่งเป็นนักล็อบบี้ยิสต์ธุรกิจน้ำมันระดับโลกตัวยงเป็นที่ปรึกษา ตอนไปอเมริกาเดือนสิงหาคม 2555 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เล่าว่า ได้พบทั้งนายคิสซิงเจอร์ และนายเพน พูดคุยเรื่องน้ำมันและนโยบายสหรัฐต่อเอเชียแปซิฟิก (แหล่งข่าว Korea Joong Ang Daily และ Culture Map Honston) ปลายปี 2554 ผู้บริหารเชฟรอนเข้าพบนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมทั้งบริจาคเงินช่วยเหลือน้ำท่วมเล็กน้อย (พอเป็นพิธี)    กลางปี 2555 นายกฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปพบนางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ที่กัมพูชาพร้อมผู้บริหารเชฟรอน แต่ไม่เปิดเผยหัวข้อสนทนากับนายฮุน เซน นายกฯ กัมพูชา อนึ่ง เมื่อครั้งนายบุชผู้พ่อมาเมืองไทยได้เข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณตอนเป็น รมว.ต่างประเทศ นายบุชผู้พ่อเข้า-ออกซาอุดีอาระเบียสะดวกเพราะเขาเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของบอร์ดกลุ่มคาร์ไลเอเชีย (ธุรกิจค้าอาวุธและน้ำมัน) ซึ่งบิดาของนายอุซามะห์ บินลาดิน ชาวซาอุดีอาระเบียก็ทำธุรกิจใกล้ชิดกับกลุ่มคาร์ไล มีธุรกรรมผ่านเกาะเคย์แมนไม่ต้องเสียภาษี เป็นแดนสวรรค์ของเหล่าทรราชทุนสามานย์ หมู่เกาะที่รวมเอาบรรดาธุรกิจสีเทา-สีดำ-สงคราม

ขณะที่ตึกเวิลด์เทรดถูกถล่มในเหตุการณ์ 9/11 บุชผู้ลูกกำลังอ่านนิทานให้เด็กฟังที่ฟลอริดา (มลรัฐทางใต้สุดห่างไกลจากมหานครนิวยอร์ก) ทันทีที่ได้รับการรายงานครั้งแรก บุชแสดงสีหน้าเรียบเฉยอ่านนิทานต่อไปอีกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงกับต้องมีการเข้าไปรายงานอีกเป็นครั้งที่สอง แต่กว่าบุชผู้ลูกออกจะไปโพสท่าตีหน้าเศร้าแถลงการณ์เสียใจผ่านรายการสดทางโทรทัศน์ ซึ่งเวลาก็ผ่านไปเนิ่นนานแล้ว แทนที่จะมีปฏิบัติการทันทีที่ได้รับรายงานในฐานะผู้นำประเทศเพราะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

ปฐมบทการปล้นปิโตรเลียมในประเทศไทยเริ่มปี 2514   เมื่อสืบค้นไปพบว่านายวอลเตอร์ ลีวาย ที่ปรึกษาใกล้ชิดตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์ ซึ่งเป็นตระกูลที่มีหุ้นใหญ่ในบริษัทน้ำมันสแตนดาร์ดออยล์ (ที่ต่อมาคือบริษัทยูโนแคลและบริษัทน้ำมันเชฟรอนในปัจจุบัน) ได้ร่วมกันกับธนาคารโลกยกร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2514 พ.ร.บ.ฉบับนี้ถูกนักวิชาการทั่วโลกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น พ.ร.บ.ที่ล้าหลังเสียเปรียบต่างชาติมากที่สุดในโลก ซ้ำร้ายกฎหมายฉบับต่อมาภายใต้การเมืองสวามิภักดิ์ยิ่งให้อำนาจของทุนใหญ่เพิ่มขึ้นทุกประตู ได้แก่ พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจปี 2542 แปรรูป ปตท.ปี 2544 ขายหุ้นเกลี้ยงภายใน 1 นาที กับ 17 วินาที นับเป็นอะเมซิ่งไทยแลนด์แกรนด์เซลที่หาดูที่ไหนไม่ได้ในโลกนี้ ทำไปทำมาหลังจากนั้นราคาน้ำมันและก๊าซขึ้นเอาๆ แพงสุดๆ คนไทยเดือดร้อนแสนสาหัสเอารัดเอาเปรียบประชาชนมหาโหด บริษัทแก้ตัวฟังไม่ขึ้น ส่วนรัฐบาลไทยทำเฉยเข้าข้างพ่อค้าน้ำมัน ตัวนายกฯ กลับวางเฉยผิดสังเกต   ด้วยท่าที "หนูไม่รู้" ทั้งที่นักวิชาการและภาคพลเมืองวิพากษ์วิจารณ์อย่างเข้มข้นเจาะลึกเรื่อยๆ...

พลันหุ้นชินคอร์ปถูกขายล็อตใหญ่ 7.3 หมื่นล้านบาทให้บริษัทเทมาเส็กสิงคโปร์ (23 ม.ค.49) ผมได้เขียนบทความทำนายไว้ใน "สู่...เมืองขึ้นยุคทุนใหญ่ยึดครองชาติ" (3 ก.พ.49) 6 ปีผ่านไปก็เป็นไปดังคาด วันนี้เมืองไทยหลายส่วน  "ถูกยึด ถูกครอบ" เรียบร้อยแล้ว รัฐสภา-ตำรวจทหาร-ข้าราชการ-สื่อโทรทัศน์ สื่อหนังสือพิมพ์-สถาบันการศึกษาและนักวิชาการ สยบยอมต่ออำนาจเงินหรือเกรงกลัวบารมีทุนใหญ่หรือร่วมโกงหรือไม่กล้าวิจารณ์ความไม่ถูกต้องหรือไม่ การทุจริตคอรัปชั่นซึ่งดาษดื่นเต็มแผ่นดิน หากทุนใหญ่ยึดบ่อน้ำมันไทยได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดก็เท่ากับยึดเมืองไทยเป็น "เมืองขึ้น" ทางเศรษฐกิจได้ "ผู้ใดครองปิโตรเลียม ผู้นั้นครองประเทศไทย"  นี่คือ "รัฐประหารเงียบ" หรือไม่ "การเมืองเรื่องปิโตรเลียม"  เปล่งอานุภาพอำมหิตแล้วหรือยัง ขอให้ประชาชนไทยช่วยกันจับตาดูอย่างใกล้ชิดกับการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมครั้งที่ 21 ในไทยครั้งใหญ่ช่วงต้นปี 2556 ให้ดีๆ จะมีเปิดหน้าชกหรือซุกหุ้นใช้นอมินีแทนอีกหรือไม่ จับตากลุ่มอำนาจน้ำมันไทยร่วมย่ำยีชาติไทยกับต่างชาติให้ดีๆ ผู้ถือหุ้นพลังงานล้วนเป็นคนใหญ่ คนโต คนมีชื่อเสียงในสังคมไทยทั้งนั้น

ณ วันนี้แห่งเวลา กลุ่มอำนาจน้ำมันไทยกับกลุ่มอำนาจน้ำมันอเมริกา มีสัมพันธภาพใกล้ชิดแน่นแฟ้นลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง มหากาพย์ปล้นขุมทรัพย์ปิโตรเลียมกำลังเดินหน้าต่อไปและต่อไปอย่างเงียบเชียบท่ามกลางประโยชน์ทับซ้อนปล้นชาติขายแผ่นดิน หากประชาชนไทยยังไม่ตื่นขึ้นจากภวังค์หรือถือว่าไม่ใช่ธุระของฉันปล่อยให้ถูกแล่เนื้อเถือหนังจนสิ้นเนื้อประดาตัว  มีความเป็นอยู่ที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง หนี้สิน รุงรัง ปล่อยให้สมบัติบนผืนแผ่นดินไทยถูกถลุงถูกปล้นจนสิ้นชาติ ประ เทศจะพัฒนาต่อไปได้อย่างไร หากประเทศไทยต้องสูญเสียอธิปไตยทางเศรษฐกิจ ถึงเวลาที่ประชาชนคนไทยทุกคนต้องลุกขึ้นมาตอบโจทย์ว่าผลประโยชน์จากทรัพยากรน้ำมันของไทยควรเข้ากระเป๋าคนบางกลุ่มบางพวก หรือควรนำมาปรับปรุงพัฒนายกระดับความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งชาติกันแน่.

แผนภูมิ   จักรวรรดิอเมริกากับอานาจน้ามัน

ที่มา  วิวัฒน์ชัย อัตถากร "จักรวรรดิอเมริกา"  เศรษฐศาสตร์เพื่อชีวิต ไทยโพสต์  11 กันยายน 2555

ขอให้คนไทยช่วยกันตรวจสอบค้นหาความจริง และนำมาเปิดเผยให้ประชาชนรู้ความจริงด้วยครับ ว่าจริงๆแล้ว เป็นอย่างไรกันแน่

 
Home > Articles > พัฒนาทุนมนุษย์ > บทความจากหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5609
Content : 3052
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8630068

facebook

Twitter


บทความเก่า