ประชาชนไทยถูกสอน (อย่างไม่รู้ตัว)
โดยผู้สอนคือ "นักการเมือง"
นักการเมือง มีกลุ่มขั้วการเมืองตรงกันข้าม
จึงเกิดการสอนให้ประชาชนเลือกมองแต่ข้อด้อยของสิ่งต่าง ๆ หากสิ่ง ๆ
นั้นเป็นสิ่งที่ฝ่ายการเมืองขั้วตรงกันข้ามต้นเป็นคนดำเนินการ
เราเคยตั้งคำถามไหมว่าทำไมเวียดนามจึงเข้าร่วม
CPTPP
อ. ยักษ์
และลูกศิษย์อาจารย์ยักษ์เคยตั้งคำถามไหมทำไมเวียดนามจึงเข้าร่วม CPTPP
เวียดนามมีชาวนาเวียดนามปลูกข้าวหอมมะลิเหมือนกับชาวนาไทย
และทำไมประเทศมาเลเซียจึงเข้าร่วม
ซึ่งประเทศมาเลเซียมียางพาราเหมือนประเทศไทย
ทำไมชาวนาในเวียดนามจึงไม่ออกมาคัดค้านรัฐบาลเวียดนามในการลงนามข้อตกลง
CPTPP
เมื่อค้นหาคำตอบ ก็จะเห็นคำตอบ
"อ๋อ...ก็เพราะชาวนาเวียดนามเขามองเห็น "โอกาส โอกาส และโอกาส"
ส่วนปัญหา เดี๋ยวมีกระบวนการ "เจรจา ต่อรอง ปรับปรุงข้อตกลงได้ในอนาคต
ยังมีเวลาอีกระยะหนึ่ง ที่เราจะปรับตัวได้
แต่โอกาสคือเราจะมีตลาดเพิ่มขึ้นอย่างน้อยอีก ๑๐ ประเทศ ดี ๆ โอกาสแบบนี้ไม่ค่อยมีบ่อยนัก"
รัฐบาลเวียดนามลงนาม เราจะได้ขายข้าวของเวียดนามให้ประเทศ ๑๐ ประเทศได้อย่างสบายใจ
ชาวนาเวียดนามได้อ่านข่าว "เอ๋...
ทำไมประเทศไทยไม่ลงนาม CPTPP"
พอติดตามข่าวของประเทศไทย
"อ๋อ...เกษตรกรไทยไม่เอาด้วย บอกว่ามีปัญหาเรื่องเมล็ดพันธุ์ เอ๋...ก็เขาแก้ไข
ปรับปรุงข้อตกลงแล้วนี่ ไม่มีเรื่องเมล็กพันธุ์แล้วนี่
ทำไมชาวนาไทยไม่รู้เรื่องนี้นะ น่าแปลกใจจริง"
เรื่องราวจากชีวิตจริง ในประเทศไทย
ที่ไม่ใช่นิทานสอนใจ แต่เป็น "เรื่องจริงสอนใจ"
(เมื่อไร
ประชาชนไทยจะหลุดพ้นจากวงจร "ขอค้านไว้ก่อน"
ที่ก่อเหตุโดยนักการเมืองกลุ่มต่าง ๆ เสียที
ประเทศไทยจะได้มีโอกาสระดับโลกมากขึ้น) ไม่รู้ว่าต้องรออีกกี่ปี
จึงจะได้เห็นการหลุดพ้นของประชาชนไทย จากวงจร "ขอค้านไว้ก่อน" เสียที
วงจร "ขอค้านไว้ก่อน" จะไม่เกิดในภูมิพลมหาวิทยาลัย
และจะต้องไม่เกิดในองค์กรผู้นำพลเมือง (ประเทศไทย)
เพราะองค์กรทำงานเครือข่ายระดับโลก มีผลประโยชน์ส่วนรวมของสมาชิกกลุ่มต่าง ๆ
มาก่อนประโยชน์ส่วนตนขององค์กรฯใดองค์กรหนึ่ง
ดร. หนึ่ง
ผู้ก่อตั้งระบบพอเพียงนิยม (Sufficientism)
๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓
ขออนุญาติแก้ข้อความสุดท้าย
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|