Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Home > Articles > การศึกษา > จัดกระเป๋าเข้าวัดป่า

จัดกระเป๋าเข้าวัดป่า

พิมพ์ PDF

ขอนำบทความของอาจารย์แพรภัทร ยอดแก้ว มาเผยแพร่ บทความชุดนี้แบ่งเป็น 3 ตอน ได้แก่ จัดกระเป๋าเข้าวัดป่า - พาเพื่อนไปเข้าคอร์ส และ เพื่อนสนิทที่ชื่อว่ามาร โปรดติดตามอ่านได้เลยครับ

จัดกระเป๋าเข้าวัดป่า

เตรียมตัว เตรียมใจ เก็บกระเป๋าไปวัด เพื่อนๆที่สนใจจะไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานหรือบวชเนกขัมมะที่วัดป่าเจริญราชแห่งนี้ ทั้งเพื่อนๆที่เคยไปที่อื่นแล้ว หรือไม่เคยไปที่ไหนมาก่อนเลย และอยากเริ่มต้นที่นี่ เรามีคำแนะนำจากประสบการณ์จริงมาบอกเพื่อนๆ สำหรับเตรียมตัว เตรียมใจ ตั้งสติ ก่อนสตาร์ท ก่อนไปบวชที่วัดป่าเจริญราช มันเป็นอุปกรณ์ส่วนตัวที่สำคัญๆ ที่จะทำให้เพื่อนสามารถปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานได้อย่างมีความสุข (คือ มีทุกข์น้อยๆ) อดทนจนถึงวันที่เพื่อนๆกำหนดกลับได้ เป็นอุปกรณ์ส่วนตัวที่เพื่อนๆ ต้องเตรียมมาเอง ลงทุนเอง (แต่ไม่มีก็ได้นะ ก็ทนลำบากนิดหน่อยเท่านั้นค่ะ) ไปอยู่วัดยังไงไม่สะดวก สบายเหมือนอยู่บ้านอยู่แล้ว เราเตรียมตัวให้มากจะได้ไม่ทุกข์มาก จะได้ตั้งใจปฏิบัติกรรมฐานได้อย่างเต็มที่  สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เพื่อนๆ ต้องเตรียมตัวมาเอง เราขอแนะนำเพิ่มเติมจากที่ทางวัดเขียนไว้ในเว็ปไซต์วัด http://www.veeranon.com คือ

1.  ชุดขาว เสื้อ กางเกง ผ้าถุง สไบ ที่วัดมีให้ใช้ก็จริงค่ะ  แต่จะดีกว่าไหมค่ะ  ถ้าเราจะเตรียมไปเอง เพราะตามหลักสุขอนามัยแล้วเราไม่ควรใส่เสื้อผ้าร่วมกับผู้อื่นนะคะ  ซึ่งเราจะได้ชุดที่เหมาะกับสัดส่วนเรา เอาไว้ใช้ได้ตลอดไป หาซื้อเตรียมไปเถอะค่ะ ใช้แล้วคุ้มแน่นอน เราขอแนะนำให้ซื้อชุดขาว ยี่ห้อ "รัตนาภรณ์" ค่ะ ผ้าดี ผ้าหนา ใส่สบาย กระเป๋าเสื้อ กางเกงมีซิปให้ด้วย จะได้ใส่ของได้ไม่หล่นหาย ควรซื้อไว้สัก 3 ชุดนะคะ ไปซื้อได้ที่สำเพ็งค่ะ จะได้ในราคาส่ง ชุดละ 160 บาท เท่านั้น (ถูกมาก) ใส่สบายมากๆ  แล้วเพื่อนๆจะติดใจเหมือนเรา

2. ถุงนอน อันนี้เป็นความคิดของเรานะ เราใช้ถุงนอนปูนอนและกันยุงค่ะ ทำไมต้องทนทรมานนอนเสื่อหรือนอนพื้นเย็นๆด้วย แค่ทนทุกข์ทรมานเวลาปฏิบัติธรรมก็พอแล้วค่ะ ไม่จำเป็นต้องนอนทรมานอีก ใครที่คิดจะใช้ผ้าห่มวัดปูนอน ขอบอกว่า  “อย่านะคะ” เพราะเจ้าหน้าที่เค้าเขียนติดป้ายไว้ตัวเบ้อเร้อว่า “ใช้ผ้าห่มวัดปูนอน... บาป” 55 แบกขนของเราไปสบายใจกว่าค่ะ เวลานอนก็นอนในถุงนอนแล้วรูดซิป ร้อนหน่อยก็ทนเอาแล้วเปิดพัดลมแรงๆไล่ยุงไป คลายความร้อนด้วย ก็อยู่รอดมาได้ โดยไม่ลาสิกขากลับบ้านก่อนกำหนด โดนยุงเสี่ยงตาย (จากการถูกดูดเข้าไปในพัดลม) กัดบ้างเล็กน้อย แต่ก็ถือว่า ดีกว่าต้องทนทรมานให้ยุงมันกัด แล้วนอนไม่ได้ หรือตบมันให้ตายไปเลย ผิดศีลข้อ 1 แน่นอนค่ะ และถุงนอนก็เหมาะที่จะใช้นอนที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าเพื่อนจะกางมุ้งนอนที่ศาลาปฏิบัติธรรม หรือนอนในกุฏิติดมุ้งลวด (ที่กันยุงไม่ค่อยได้เลย) ใช้ได้สะดวกทุกที่ และสะอาด ปลอดภัยกว่าการใช้อุปกรณ์การนอนร่วมกับผู้อื่น (ตามหลักสุขอนามัยนะคะ)

3. หมอน ผ้าห่ม เอาไว้กันหนาวและกันยุงด้วย โดยเฉพาะหน้าฝนกับหน้าหนาวนะคะ จำเป็นมาก เพื่อความอบอุ่นสะดวก สบาย สะอาดของเรา บางคนที่ติดหมอน ติดผ้าห่มของตัวเองก็ขนมา ขนกลับเอง จริงๆแล้วที่วัดป่าเจริญราช มีหมอน ผ้าห่มให้นะคะ แต่ไม่ดีเท่าของเพื่อนๆเองค่ะ อุปกรณ์อันนี้ไม่จำเป็นเท่าไร ไม่ต้องหอบหิ้วไปให้หนักก็ได้ แต่มีไว้เพื่อความสบายใจส่วนตัวค่ะ สำหรับเราถุงนอนกับหมอนข้างก็พอแล้วค่ะ เอาอยู่ (ที่เอาหมอนข้างไปด้วยพอเราภาวนาหนักๆ จะปวด เมื่อยไปทั้งตัวค่ะ นอนไม่หลับเลย ได้หมอนข้างช่วยวางขาก็ดีขึ้นเยอะค่ะ หลับได้)

4. กระติกน้ำหรือขวดน้ำเล็กๆ สำหรับติดตัวค่ะ (สำคัญนะคะ) ไม่ว่าจะไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่ไหน เอาไว้ข้างตัวนะคะ เพราะการปฏิบัติที่ถูกต้องจะทำให้เพื่อนๆรู้สึกร้อน (ร่าง กายปรับความสมดุลของธาตุต่างๆ) เหนื่อย (เพราะต้องใช้ความอดทน พยายามต่อสู้กับทุกขเวทนาอย่างหนัก) การดื่มน้ำ จะช่วยบรรเทาทุกข์ได้และทำให้ร่างกายสดชื่น (แก้ง่วง) ช่วยให้สุขภาพแข็งแรงด้วย เพื่อนๆควรเตรียมน้ำไว้ดื่มเยอะๆนะคะ หรือจะเอาขวดน้ำใส่ยากลางลานที่หลวงพ่อเสกยาไว้ให้แล้ว เอาไปดื่มแทนน้ำได้ค่ะ นอกจากจะช่วยบำรุงรักษาร่างกาย แก้เมื่อยแล้ว ยังช่วยแก้ง่วงได้ดี ขมชื่นใจสุดๆ หายง่วงสุดๆค่ะ ยามันจะชุ่มคอและรู้สึกหวานในคอตลอดการภาวนาค่ะ หรือถ้าจะให้ดี ซื้อน้ำดื่มมาทำบุญด้วยนะคะ เพราะน้ำส่วนใหญ่ที่เราดื่มกัน เป็นน้ำจากผู้ใจบุญนำมาถวายพระค่ะ

5. ของใช้ส่วนตัว เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ ยาสระผม ผงซักฟอก ผ้าเช็ดตัว ที่เพื่อนๆใช้อยู่เป็นประจำ เพื่อนๆควรจะมีตะกร้าหรือขันส่วนตัวไว้ใส่ของเหล่านี้เดินไปอาบน้ำด้วย อย่าใส่ถุงก๊อบแก๊บมาเลยค่ะ เพราะมันเสียงดังน่ารำคาญ รบกวนสมาธิของผู้อื่น เพื่อความสะดวกในการจัดเก็บ และเพื่อนๆควรจะนำชุดขาวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำด้วย เพราะนี่เขตวัด เพื่อนๆ (โดยเฉพาะผู้หญิง) ต้องไม่นุ่งกระโจมอกออกมานะคะ ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นมากๆ (สำหรับ ผู้หญิง) คือ ผ้าอนามัย ค่ะ เตรียมไปเผื่อนะคะ อาจเป็นวันนั้นของเดือนได้ ที่วัดไม่มีเตรียมไว้ให้นะคะ วัดอยู่ไกลจากร้านค้าและชุมชนมาก การเดินทางก็ไม่สะดวก อะไรที่เตรียมไปได้เตรียมไว้เลยนะคะ ไม่งั้นเพื่อนๆลำบากแน่นอนค่ะ

6.  นม น้ำผลไม้หรือเครื่องดื่มต่างๆ เป็นน้ำปานะค่ะ คือ น้ำที่ผู้ถือศีล 8 ดื่มได้ โดยไม่มีสิ่งที่เป็นก้อนเป็นชิ้นสำหรับเคี้ยวเจือปนอยู่ เอาไว้ทานตอนเย็นกับตอนกลางคืนแก้หิวได้ค่ะ ที่วัดป่าเจริญราชมีนมกล่องแจกให้ค่ะ แต่ได้คนละกล่อง นมของที่วัดมีเพื่อนๆก็จะเลือกทานไม่ได้ด้วย อาจจะไม่ใช่รสชาติแบบที่เพื่อนๆกินได้หรือคุ้นเคย เพราะนมกล่องจะมีก็ต่อเมื่อมีผู้ใส่บาตรหรือเอามาถวายพระ  ทางที่ดีเตรียมไปเองดีกว่าค่ะ จะได้ไม่อด ใครชอบดื่มอะไร ชอบดื่มแบบไหน เอาไปเลยค่ะ ขนเอาไปเผื่อเพื่อนด้วยก็ดีค่ะ ถ้าใครมีเยอะก็เอาใส่บาตรถวายพระด้วยนะคะ ได้บุญดีค่ะ

7. มุ้งหรือ เต็นท์นอนเล็กๆ แบบพับเก็บได้ง่ายนะคะ อันนี้ไม่จำเป็นต้องเอามาค่ะ ถ้าทนยุงได้ อย่าคิดว่าเว่อร์ไปหรือเปล่านะคะ  สำหรับคนที่ตั้งใจมาปฏิบัติธรรม แต่ไม่อยากเผชิญกับยุงเจ้าที่ในเวลานอน (ซึ่งมีเวลานอนไม่กี่ชั่วโมง) เต็นท์นอนหรือมุ้งก็จำเป็นค่ะ ค่าใช้จ่ายสูงหน่อย แต่ดีมีประโยชน์ ใช้ได้หลายครั้ง เมื่อลงทุนครั้งแรกแล้ว ทำให้เรานอนหลับสบายและอยากมาปฏิบัติธรรมอีกในครั้งต่อไป  เพื่อนๆ รู้ไหมค่ะ กางมุ้งบางทีก็เอาไม่อยู่ค่ะ  ที่วัดมีมุ้งลวดแต่คนเดินผ่านไปมาน่ะ ทั้งคืน ยากันยุง มุ้งลวด เอาไม่อยู่ค่ะ ยิ่งคนที่แพ้ยุง แมลงสัตว์กัดต่อยนะคะ  จำเป็นต้องมีค่ะ มีมุ้งของตนเองก็ลำบากน้อยลงค่ะ เราก็เข้าใจนะคะความรู้สึกของคนอยากเรียนรู้ อยากปฏิบัติธรรม แต่ไม่อยากลำบากกายแบบนอนไม่หลับ เพราะยุงกัดเหลือเกินและลำบากใจด้วย จะตบยุงก็กระไรอยู่ เพราะผิดศีลตบยุง(ตายคามือ) เฮ้อ! ที่วัดบางทีก็มีคนนำเต็นท์มานะคะ ใช้ที่ศาลาปฏิบัติธรรมค่ะ เสร็จแล้วก็พับเก็บเรียบร้อยค่ะ  ถ้าไม่มีนะคะ  ก็ลำบากหน่อยค่ะ กันไว้ดีกว่าแก้นะคะ ผู้ชายนอนที่ชั้น 3 ผู้หญิงนอนที่ชั้น 1 ของศาลาปฏิบัติธรรม มีมุ้งลวด พอจะกันยุงได้ ไม่ลำบากเหมือนเมื่อก่อนแล้วค่ะ  ไม่ต้องกลัว สบายๆ

8. ครีมทากันยุง ที่ทำมาจากสมุนไพร เช่น พวกตะไคร้หอม หรือตะไคร้ภูเขา (น่าจะมีขายที่ม.มหิดล)ได้ยิ่งดี ปลอดภัย ใกล้ชิดธรรมชาติ ถ้าไม่มีก็เอาครีมทากันยุงที่ขายทั่วไปก็ได้ค่ะ แค่มีสารเคมีมากหน่อยเท่านั้นเอง ไม่แนะนำยากันยุงเพราะจะเป็นการฆ่าสัตว์ ผิดศีลข้อ 1 เนื่องจากที่วัดป่าเจริญฯ ยุงเยอะมาก ๆ  เพราะ พื้นที่วัดล้อมรอบไปด้วยน้ำและป่า ยุงมีหลายพันธุ์ (เราเรียกมันว่า ยุงเจ้าที่) กัดจริง เจ็บจริง คันจริงๆ เป็นยุงที่สามารถกัดและดูดเลือดเรา จนตัวเองอิ่มจนตายไปเลย (มันไม่กินไม่รู้จักพอ) ทำให้เพื่อนๆที่ไม่ชอบยุง อาจจะเกลียดและกลัวยุงไปเลยก็ได้ และยุงนี่แหละ จะมาทดสอบศีลของเราอย่างมาก ตั้งแต่วันแรกและวันสุดท้าย เพื่อนๆต้องทำใจอยู่กับมันและเป็นเพื่อนกับมันให้ได้ แม้แต่คิดหรือเจตนาจะตบมันหรืออยากจะฆ่ามันก็บาปแล้วค่ะเพื่อนๆ ไม่ต้องตบให้ตายก่อนก็บาปได้  ดังนั้น เพื่อนๆต้องแผ่เมตตาให้มันมากๆและอุทิศบุญกุศลให้มันด้วย เพราะมันอาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเพื่อนๆมาก่อนก็ได้ค่ะ (ใครจะไปรู้) ไม่อยากจะบอกเลยค่ะ  เราเจอเข้ากับกองทัพยุงวันแรก  อยากจะลาสิกขากลับบ้านเลยค่ะ ไม่ทนแล้ว ไม่บวชแล้ว จิตตกไปเลย ยุงที่นี่เยอะจริงๆ  ร้ายจริงๆ

9. แซมบัค สำคัญมากๆจริงๆค่ะ ควรมีติดตัวไปค่ะ  เคยใช้ไหมค่ะเพื่อนๆ เอาไว้ทาผิวเมื่อพวกแมลง สัตว์ กัด ต่อย ถ้าไม่มีลองไปบูชาที่คอนโดในวัดนะคะ อาจจะมีก็ได้ เรารับรองว่าได้ใช้แน่ๆค่ะ..55.. ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครที่ไม่โดนยุงกัด มดกัด เมื่อมาอยู่วัด ทาแซมบัคแล้วตุ่มเม็ดต่างๆจะยุบลงภายในวันสองวันก็จะหาย  ทาแล้วไม่แสบไม่คันด้วยค่ะ เวลาลาสิกขาแล้วกลับบ้านจะได้ไม่ตกใจค่ะ ว่าทำไมตัวเราลายไปทั้งตัว

10. ครีมทาสิว ไม่ใช่เครื่องสำอางค์นะคะ แต่เป็นยาสำหรับผิวหนังในลักษณะครีมหรือเจล แต้มสิวให้สิวยุบ สิวเกิดขึ้นได้ อาจจะเป็นเพราะอากาศแบบป่าๆ หรือน้ำที่ใช้อาบซึ่งเป็นน้ำบาดาลค่ะ  ทำให้เพื่อนๆอาจจะแพ้ได้ง่ายๆ หรือความเครียดจาการบังคับตัวบังคับใจตัวเองให้มาบวชและต้องทนอยู่ให้มัน อยู่ทนได้ตลอดระยะเวลาที่ตั้งใจไว้ และสำหรับเพื่อนๆที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว เอาไว้ทา เอาไว้รักษาผิวหน้า เพื่อความสบายใจที่มาวัดแล้วกลับบ้านไปหน้าไม่พังเพราะเราบีบสิว อย่าหัวเราะนะคะ  ใครว่ายาทาสิวไม่สำคัญ  เพราะถ้าสิวขึ้นเยอะ แล้วเราแกะมันเข้า หน้าเราพัง  เราก็จะโทษหรืออ้างได้ว่าเป็นเพราะไปบวชที่วัดนี่แหละ แล้วก็พาลไม่ไปบวชอีก  ดังนั้น อย่าโยนความผิดให้วัดหรือการบวชนะคะ  เดี๋ยว เพื่อนๆจะบาปเปล่าๆ นอกจากนั้น ครีมทาสิวจะช่วยให้เพื่อนๆไม่ต้องทุกข์ จากการทนเจ็บ ทนปวดเมื่อสิวอักเสบ (แค่ทนทุกข์เวทนาในสมาธิก็แย่แล้วค่ะ) ส่วนครีมบำรุงผิว ครีมกันแดด เครื่องสำอางต่างๆ อย่านำไปเลยค่ะ เดี๋ยวเพื่อนๆอดใจเสริมสวยไม่ไหวจะผิดศีลเปล่าๆ

11. พัดลมส่วนตัว อันนี้ถ้าคิดว่าจำเป็นก็หอบไปค่ะ โดยเฉพาะหน้าร้อน จำเป็นมาก ต้องเอาไปเอง เพราะทางวัดป่ามีพัดลมให้ แต่มีไม่พอค่ะ เคยเจอนะคะ เราใช้อยู่ พอกลับมาอีกทีพัดลมมันเดินได้ หายไปอยู่กับใครแล้วไม่รู้ (น่าโมโหจริงๆ) อย่าได้เสียเวลาไปทะเลาะกับใครเลยค่ะ แบกพัดลมตัวเองมาดีกว่า เขียนชื่อติดไว้เลยว่าของใครหรือถ้าเอามุ้งมาก็เอาไปไว้ในมุ้งเราค่ะ ไม่หายแน่นอน 55 พัดจ่อเข้าไป เย็นถึงใจจริงๆ ก่อนออกจากวัดอย่าลืมจ่ายค่าไฟ ชำระหนี้สงฆ์นะคะ อยู่มา 8 วัน ไม่ต่ำกว่า 200 บาทนะคะ กล้าใช้ไฟวัด ก็ต้องกล้าจ่ายเงินค่ะ จะได้ไม่เป็นบาปติดตัวไป และถ้าใจถึงๆนะคะ ซื้อพัดลมมาถวายวัดไปเลยค่ะ บุญถึง ใจถึงจริงๆ

สรุปแล้วถ้าดูแล้วยุ่งยากมากนะคะก็ไม่ต้องเอาอะไรมาเลย แค่ชุดขาวกับของใช้ส่วนตัวก็พอแล้วค่ะ จะได้ไม่โดนพระกับชาวบ้านแซวว่า มาอยู่วัด มาทำอะไร มานอนหรือ 55 ก็ขยันหอบของขนของมาขนาดนี้ จะไม่ให้แซวได้ไง 55

เราไม่กลัวการปฏิบัติธรรม ไม่กลัวการอยู่วัด ไม่กลัวลำบาก แค่อยากสบายบ้างนิดๆหน่อยๆให้ตัวเองไม่ลำบาก เดือดร้อนก็พอค่ะ ที่สำคัญเห็นแบกของ ขนของมาขนาดนี้ แต่เวลาปฏิบัติธรรม เจริญสติ เจริญภาวนา วิปัสสนากรรมฐาน เราเต็มที่สุดๆ ไม่หมดเวลา ไม่เลิก ขนาดหมดเวลาแล้วยังไม่เลิกภาวนาเลยค่ะ สู้สุดๆ อย่างว่านะ  คนมันใจถึง ^-^ อิ อิ

อยู่ด้วยใจค่ะ ปฏิบัติด้วยใจ ไม่ว่าจะมาอยู่วัดด้วยเหตุผลใด ขอให้ตั้งใจปฏิบัติ เจริญภาวนาเต็มที่ เข้าคอร์สครั้งนี้ ได้ภาวนาในบรรยากาศแบบป่าๆดีค่ะ ท่องไว้นะคะ ขันติ ๆ อดทนค่ะ อดทนให้มากๆ แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรไป แล้วจะดีเองค่ะ

อ่านแล้วได้แรงบันดาลใจ รีบลางาน เก็บของใส่กระเป๋า เข้าคอร์สปฏิบัติธรรมกันดีกว่าค่ะ อะไรไม่มีก็ไปช๊อปปิ้งบุญ ซื้อมาเตรียมของไปวัดเลย ง่ายๆไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องสมัครคอร์สล่วงหน้า ฟรีไม่คิดตังค์ (แล้วแต่จะทำบุญ) ถึงเวลาแบกกระเป๋า ขนของเข้ามาวัดในวันที่ 1 ของทุกเดือนได้เลยค่ะ

อย่าลืมนะคะเรามีนัดกันทุกวันที่ 1 – 8 ของทุกเดือนค่ะ ที่วัดป่าเจริญราช www.veeranon.com

อ่านรายละเอียดของคอร์สได้ที่นี่ค่ะ http://www.gotoknow.org/posts/535563

มาคราวนี้เลยมีอะไรเก็บมาเล่าเยอะค่ะ

ลองอ่านดูนะคะ  แล้วจะรู้ว่าแพรเจออะไร แล้วมันสนุกตรงไหนบ้าง

สำหรับแพรแล้วสนุกทุกตอน มันทุกเม็ดเลยค่ะ

โปรดติดตามตอนต่อไป

พาเพื่อนไปเข้าคอร์ส

คอร์สแห่งชีวิต ที่ทุกคนควรจะได้เข้าอย่างน้อยสักครั้งหนึ่งในชีวิต

คือ คอร์สกรรมฐานค่ะ ไปเข้าคอร์สกรรมฐานกัน 8 วัน 7 คืน ที่วัดป่าค่ะ

ไม่ใช่คอร์สความสวยความงามหรือคอร์สวิชาการทั่วไปนะคะ

นี่เป็นคอร์สเปลี่ยนชีวิตค่ะ เปลี่ยนชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นได้ภายใน 7 วัน รับรองผลค่ะ ถ้าตั้งใจจริง

อยู่วัดปฏิบัติธรรม หน้าจะใส ผ่องใสมาก ยิ่งกว่าทำเบบี้เฟซเลยค่ะ

ชีวิตเราเปลี่ยน ชีวิตคนรอบข้างก็เปลี่ยนไปด้วยค่ะ เปลี่ยนไปในทางที่ดีนะคะ ใจเย็น มีสติมากขึ้น

สนใจอ่านรายละเอียดของคอร์สได้ที่นี่ค่ะ http://www.gotoknow.org/posts/535563

 

ครั้งแรกแพรไปเข้าคอร์สคนเดียวค่ะ คอร์สมหากุศลแบบนี้ หาเพื่อนใจถึงเหมือนเราไปด้วยยากค่ะ

ถ้ามัวรอเพื่อนไปด้วย ชาตินี้อาจจะไม่ได้สนุกกับกรรมฐานเลยก็ได้ค่ะ

เพราะเพื่อนบวช มีน้อย หายากมาก น้อยคนนักที่อยากจะมาบวชปฏิบัติธรรมและได้มาบวชจริงๆ

แพรตัดสินใจไปเอง เรียนรู้เองค่ะ ลองผิดลองถูก อยู่กับธรรมได้จนครบคอร์สค่ะ

และแพรมีบุญได้บวชในคอร์สครั้งแรกของที่วัดป่าเจริญราชค่ะ บวชในโครงการพัฒนาจิตเพื่อพ่อ รุ่นที่ 1 ค่ะ

 

ในปีนี้คอร์สครั้งแรกของปีสำหรับแพร มีเพื่อนไปบวชด้วย 2 คนค่ะ

คนแรก คือ พี่เก๋ค่ะ หรือคุณนายเก๋ เพื่อนเก่า สมัยเรียนนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์

ก่อนสงกรานต์เธอโทรมาปรึกษาว่า หลวงพ่อเอกลักษณ์ หลวงพ่อที่พี่เก๋นับถือ บอกให้พี่เก๋ไปบวชชี ถือศีล 7 วัน

ถ้าไม่ไปชีวิตคู่จะมีปัญหา ต้องเลิก ต้องหย่ากับสามี เพราะเจ้ากรรมนายเวร เข้ามาแล้ว จะให้ผลแล้ว

ด้วยความกลัวค่ะ และเกรงใจหลวงพ่อ พี่เก๋ก็โทรมาถามค่ะ ว่าจะไปวัดไหนดี

 

แพรแนะนำ 2 ที่ค่ะ วัดป่าปฐมชัยกับวัดป่าเจริญราช

ปกติวัดป่าเจริญราชจะจัดบวชชีในโครงการพัฒนาจิตเพื่อพ่อ 8 วัน 7 คืน ทุกวันที่ 1-8 ของทุกเดือนค่ะ

ไปเข้าคอร์สนี้น่าจะดีกว่า เพราะทางวัดพร้อมทุกอย่างเลยสัปปายะมากๆ

ตอนแรกเธอไม่อยากไป เพราะปีที่แล้วเธอลองไปวัดนี้แล้วเธอบอกว่าเธอไม่ค่อยได้อะไร เธออยากลองไปที่อื่นดูบ้าง

แพรก็แนะนำวัดป่าปฐมชัยค่ะ อยู่หลังมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม

หลวงพ่อนิพนธ์ท่านเก่งและท่านเมตตามาก น่าลองนะ

แต่ถือศีลวัดนี้กินอาหารมื้อเดียวนะคะ ไหวเปล่าเธอว่าจะลองดู

 

ส่วนแพร ปีนี้แพรตั้งใจไปเข้าคอร์สกรรมฐานที่ยุวพุทธฯ ศูนย์ 2 เดือนกันยายน ของหลวงพ่อวีระนนท์

ตอนแรกไม่คิดไปที่วัดป่าค่ะ แต่กลับจากไปดูงานที่ประเทศลาว (22-25 เมษายน 56)

แพรป่วยหนักท้องเสีย ไข้ขึ้น ลำไส้อักเสบติดเชื้อเริ่มอาการตั้งแต่ตี 4 (26 เมษายน 56)

เป็นหนักมาก ภาวนา สวดมนต์อะไรไม่ทันเลย ก็นึกได้ว่า ถ้าตายตอนนี้คงไปไม่ดีแน่

เวทนามันมาก ซะจนภาวนาอะไรไม่ได้เลย

ตอนเย็นคุณสามีพาไปหาหมอ เพราะเราทนไม่ไหวแล้ว คุณหมอบอกว่าหนักขนาดนี้จริงๆต้องไปนอนโรงพยาบาลนะ

แต่เราอธิษฐานก่อนมาแล้วว่าจะไม่นอนโรงพยาบาล คุณหมอสั่งตรวจเลือด อึ ฉี่ ดูอาการชัดๆ

พอตอนเช้า อาการดีขึ้นมากก็โทรไปถามเพื่อนๆที่ไปด้วยว่ามีใครเป็นบ้างก็ไม่มีใครป่วยเลย

แต่เพื่อนคนนึง คือ อ.ฝ้าย ถูกรถชน

เกิดเหตุตอนตี 3 (27 เมษายน 56)เธอทำงานวิจัยกับเพื่อนอาจารย์เสร็จ ออกมาหน้ามหาลัยมาซื้อน้ำที่ 7-11 กิน

จอดรถไว้ริมถนน ซื้อน้ำเสร็จแล้ว เพิ่งขึ้นมานั่งบนรถ ก็ถูกรถที่คนขับเมามาชนท้ายรถ

รถพังหมด เปิดประตูออกไม่ได้ น้องฝ้ายกับเพื่อนก็เจ็บ ถูกกระแทก แต่ดีที่ไม่เลือดตกยางออก

คงเพราะไปทำบุญ ไหว้พระที่ลาวไว้เยอะเลยไม่เป็นอะไรมาก

แต่รถเสียไปเลย ซ่อมไม่ได้ ต้องขายซากอย่างเดียว

เห็นใจน้องฝ้ายมากๆ เจอปัญหาหนักๆในชีวิตหลายเรื่อง ทั้งงาน ทั้งเพื่อน ทั้งเงิน ทั้งแฟน

พอคุยกันแล้วก็รู้สึกว่า น้องฝ้าย ชีวิตตกต่ำหนักมากแล้วน๊า... ไปบวชชีเถอะ

ไปบวชปฏิบัติธรรมเข้าคอร์ส 7 วัน ที่วัดป่าเจริญราชสิ ไปกับพี่เก๋นี่ล่ะ เธอกำลังหาเพื่อนไปอยู่วัดเหมือนกัน

น้องฝ้ายคิดได้เหมือนกัน ว่าถึงเวลาเข้าวัด บวชชีแล้วล่ะ ก็ตกลงไปบวชด้วยค่ะ

 

แพรชวนเพื่อนแล้วก็รู้สึกว่า เราก็ควรไปด้วยนะ เพราะเราเพิ่งหายจากป่วยหนักมา

ตอนป่วยมากๆเหมือนเจ้ากรรมนายเวรมาเตือนให้ทำบุญให้เค้าได้แล้ว

แพรก็ตัดสินใจลาบวช ขออนุญาตคุณสามีและคุณลูก ไปบวชที่วัด

ตอนแรกคุณสามีไม่ให้ไปเพราะเพิ่งหายไข้ และแพรเป็นห่วงลูก กลัวว่าแพรจะกังวลแล้วปฏิบัติไม่ได้

แต่สุดท้าย เห็นเราตั้งใจจริงก็ให้ไปค่ะช่วยไปรับ – ส่ง เคลียร์งานเรียบร้อย

เค้ายอมเลี้ยงลูกคนเดียว เห็นไหม มีสามีดีก็โชคดีแบบี้ค่ะ สนับสนุนให้ไปปฏิบัติธรรมเต็มที่

 

แพรรีบเก็บของเลยค่ะ เตรียมชุดขาว จัดกระเป๋า เตรียมบอกลาลูก ลาคุณแม่ฝากลูกกับคุณยายเรียบร้อย

คราวนี้ตัดสินใจแล้วไปเลยค่ะ เตรียมของ เคลียร์งาน 2 วัน โชคดีที่ยังปิดเทอมอยู่ ลางานไม่ยากค่ะ

แพรเขียนเทคนิคการเตรียมตัวเก็บของไปอยู่วัดปฏิบัติธรรมไว้

ในเรื่องจัดกระเป๋าเข้าวัดป่าค่ะ http://www.gotoknow.org/posts/535774

 

ใครที่สนใจอยู่วัด ปฏิบัติธรรม อ่านแล้วเตรียมไปแบบนี้รับรองค่ะ ไม่ผิดหวัง อยู่วัดจนจบคอร์สได้อย่างสบายๆค่ะ

พี่ๆ เพื่อนๆญาติธรรมทุกคนที่แพรแนะนำให้ไปบวชที่วัดก็เตรียมของแบบนี้เหมือนกันค่ะ อยู่วัดได้ดี หายห่วงเลยค่ะ

พี่เก๋เข้าวัดป่าเจริญราชก่อนคอร์สเริ่ม 1 วัน (30 เมษายน)

น้องฝ้ายเข้าคอร์สวันแรก มาแต่เช้าค่ะ(1 พฤษภาคม 56)

แพรกว่าจะเคลียร์ลูกได้มาถึงวัดป่าเที่ยงพอดี เลยรีบลงทะเบียน รับป้ายชื่อ

ครั้งนี้ โครงการพัฒนาจิตเพื่อพ่อ คอร์สปฏิบัติธรรมของวัดป่าเจริญราช เป็นรุ่นที่ 50 ค่ะ (ครึ่งศตวรรษพอดี)

เก็บกระเป๋า จัดที่นอน เปลี่ยนชุด เตรียมพิธีบวช ซึ่งจะเริ่ม 13.00 น.ค่ะ

แพรกอดลูก 2 คน กอดสามี กอดน้องสาว ขอบคุณและบอกลาคณะที่มาส่งเรียบร้อย แพรก็เข้าร่วมพิธีค่ะ

เอาล่ะ วันนี้เป็นวันเริ่มต้นสนุกกับกรรมฐานแล้ว

ครั้งนี้มีเพื่อนร่วมทุกข์ไปด้วย 2 คน มือใหม่หัดปฏิบัติธรรมทั้งคู่ค่ะ

แพรก็ช่วยติวเพื่อนด้วย เพื่อนจะได้สนุกไปกับแพรด้วย มันส์ไปด้วยกัน 555

 

ตอนแพรบอกเพื่อนๆว่า นั่งสมาธิ เดินจงกรม สนุกมาก มันส์มาก

เพื่อนๆมองหน้าแพรแบบว่า

ไม่น่าเชื่อ เป็นไปได้ไง มันมันส์ตรงไหน ทำหน้าแบบไม่เชื่อด้วย

พี่เก๋นี่นับวันกลับบ้านเลย ไม่อยากมา ใจไม่ถึง แต่ต้องมาเพราะโดนหลวงพ่อสั่งมา 55

ส่วนน้องฝ้าย อยู่ด้วยความทุกข์ระทม ปัญหาเยอะ เรื่องคิดมากเยอะ ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงดี

น้องฝ้ายโดนแพรกล่อมให้มาวัดเองค่ะ 55

ถึงจะยังไม่เคย แต่ใจสู้ อยากลองดู ใจถึงเหมือนกันค่ะ

 

สรุปว่าคอร์สนี้มีเพื่อนร่วมสงครามข้ามภพข้ามชาติด้วยค่ะ

1.  พี่เก๋เพราะหลวงพ่อสั่งมา ต้องทำ ไม่ทำไม่ได้ มีชีวิตครอบครัวเป็นเดิมพัน

2.  น้องฝ้ายเพราะทุกข์กับปัญหาเยอะ เหมือนเจอปีชง อะไรๆก็หนักไปหมด เฮ้อ..น่าสงสาร

3.  แพร เพราะแนะนำเพื่อนไปบวชชี ถือศีล 8 ปฏิบัติธรรม และป่วยหนักมา แล้วก็เลยอยากมาค่ะ

 

ที่สำคัญได้เวลานัดแล้วค่ะปีนี้ได้เวลานัดแล้ว

 

แพรนัดกับตัวเองว่าต้องเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมอย่างน้อย ปีละครั้งค่ะ แพรทำมา 4 แล้วค่ะ ครั้งนี้ครั้งที่ 5 ค่ะ

มาคราวนี้เลยมีอะไรเก็บมาเล่าเยอะค่ะ

ลองอ่านดูนะคะ  แล้วจะรู้ว่าแพรเจออะไร แล้วมันสนุกตรงไหนบ้าง

สำหรับแพรแล้วสนุกทุกตอน มันทุกเม็ดเลยค่ะ

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ

เพื่อนสนิทที่ชื่อว่า "มาร"

ก่อนไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรม  ถ้าผู้ปฏิบัติธรรมได้ฟัง ได้อ่านธรรมไปก่อน จะช่วยให้เข้าใจธรรมที่ได้จากการปฏิบัติธรรมมากขึ้น เข้าใจได้ลึกซึ้งมากขึ้นจากการปฏิบัติ  แพรฟังเรื่องนี้ก่อนไปปฏิบัติธรรม ก็ยังไม่เข้าใจมากนักค่ะ  (ปัญญายังไม่ถึงค่ะ)  พอกลับมาฟังใหม่  ฟังซ้ำไปซ้ำมา  แล้วทบทวนประสบการณ์ก็เข้าใจได้ลึกซึ้งมากขึ้น  ยิ่งไปปฏิบัติธรรมมากขึ้น ได้เรียนรู้มากขึ้นค่ะ

แพรขอแนะนำให้เพื่อนๆรู้จักเพื่อนสนิทในตัวของเราทุกคน 5 ตัวค่ะ เรามีเค้าอยู่ แต่เราอาจจะไม่รู้จักเค้าหรืออาจจะไม่สนใจเค้า ทั้งๆที่เค้าเป็นคนสนิทของเรามากๆ เราละเลยเค้าไม่ได้เลย มารทั้ง 5

อ่านแล้วจะช่วยเพิ่มความเข้าใจในการอ่านเรื่องเล่าของแพรได้ดีค่ะ แต่ถ้ายังไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรนะคะ เวลาอยู่วัดปฏิบัติธรรม จะเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้นค่ะ

อย่างที่ครูบาอาจารย์และหลวงพ่อหลายๆท่านที่ได้บอก ได้สอนไว้นะคะ  ธรรมที่ได้จากการคิด การฟังเฉยๆ จะไม่ลึกซึ้งเท่าธรรมที่ได้จากการปฏิบัติ  ต้องพากเพียร ต้องสู้ แพรขอเอาธรรมที่ครูบาอาจารย์สอนกับธรรมที่ได้จากการปกิบัติจริงมาเล่าให้เพื่อนๆฟังนะคะ

เวลานั่งสมาธิ เดินจงกรม ขยันเจริญภาวนานะคะ ในเวลาที่ใจจะข้ามภพข้ามชาติ  จากที่มีความสุขล้วนๆ นั่งสมาธิแล้วมันเบา สบาย มีความสุข สงบ แต่พอปัญญาแก่กล้าแล้ว มันจะพลิกให้ดูเลยว่ามันจะกลายเป็นตัวทุกข์ล้วนๆ มีแต่ทุกข์มากขึ้นๆ  ทุกข์เหมือนร่างกายจะแตกสลาย ปวดขา ปวดบ่า ปวดตัวมากๆ ปวดเหมือนกระดูจะแตกสลาย

มันทุกข์ มันทรมาน มันขมขื่น ฝืนจะทน

มันปวด จิตใจมันจะระเบิด มีแต่ทุกข์ล้วนๆเลย  หยั่งลงไปทางไหนก็มีแต่ทุกข์มากขึ้น มากขึ้น q

ตรงนี้แหละมาร 5 เริ่มทำงานแล้ว  มารตัวหนึ่งเรียกว่า

๑.  เทวปุตตมาร คือ หัวใจของเรานี่เอง ที่มันจะท้อถอยกลับกลอก ไม่กล้าสู้ บอกเราว่าถอยออกมาเถอะ มันปวดจะตายอยู่แล้ว อย่าทนเลน ออกมาก่อน ออกเถอะๆ ถ้าไม่ถอย ไม่ตายก็บ้านะ  ทำให้เรากลัว ทำให้เราท้อถอย

๒.  กิเลสมาร คือ กิเลสทั้งหลาย  โทสะ โมหะ ความกลัว มันเล่นเราตรงนี้เลยนะ กลัวปวด กลัวเจ็บ กลัวตาย มันไม่สบาย ปวดหัว ตัวร้อน

๓.  อภิสังขารมาร คือ ตัวความคิดที่กลับกลอกหลอกลวง  บางทีมันก็หลอกเราว่าให้ถอยออกไปเถอะ  เหมือนกับที่มันมาหลอกพระโพธิสัตว์  ว่าไปอยู่กับโลกแล้วจะมีความสุขที่สุด  ถ้าไม่ข้ามมรรคผลนิพพาน เข้าถึงขีดสุด  เรากลับมาจะอยู่กับโลกอย่างมีความสุขที่สุดเลย  เพราะอะไรๆในโลกไม่กระเทือนเข้าถึงใจแล้ว  ใจมันเป็นดวงรู้เด่นอยู่อย่างนั้น มีแต่ความสุขล้วนๆเลย  จิตใจมันจะถูกความคิด  คอยปลอบ คอยหลอกให้เลิก

๔.  มัจจุมาร คือ  ความรู้สึกที่ว่าความตายมารออยู่ต่อหน้า  ถ้ายังทนนั่งอยู่ต่อไป ไม่ถอยนะ ต้องตายแน่นอนไม่ก็บ้าเลย  มันมีแต่ความทรมานมากมาย

๕.  ขันธมาร คือ ขันธ์ทั้ง 5  กายกับใจ  เป็นตัวทุกข์ล้วนๆ เพราะมันบีบคั้น ทำให้คนที่ไปยึดมั่นถือมั่น เป็นตัวทุกข์

ตรงนี้ถ้าบุญบารมีเราไม่พอ  สั่งสมมายังไม่พอ  คือยังไม่ค่อยเจริญภาวนา ยังไม่พากเพียร เราจะถอยแล้ว  สู้ไม่ได้ ถอยดีกว่า  ไม่เอาดีกว่า  อยู่กับโลกก็มีความสุข  แต่พระโพธิ์สัตว์ไม่ได้เป็นอย่างนั้น  พระโพธิ์สัตว์ที่จะข้ามภพข้ามชาติ ท่านอาศัยบารมี หรือผู้ปฏิบัติที่ต้องการข้ามภพข้ามชาตินั้น ต้องอาศัยบารมี เช่น

ทานบารมีกล้าจะเสียสละชีวิตเพื่อธรรมไหม ต้องกล้านะ  ตายเป็นตาย ในนาทีนั้นจะต้องไม่ถอย  ถ้าถอยคือ อยู่สบายกับโลกแต่เป็นทาสของมารเรื่อยๆไป  เพราะฉะนั้นต้องกล้าหาญ  จะกล้าสละชีวิตได้  จะต้องกล้าสละของเล็กๆน้อยๆก่อน  สละอันโน้น สละอันนี้ไปเรื่อยๆ  ไม่ห่วงหน้า ห่วงหลัง  สละความผูกพันในใจ

อย่างพระพุทธเจ้าเป็นเจ้าชายสิทธิถัตธะ  สละพระนางพิมพา พระราหุล

รักไหมลูกเมีย  รักนะ  แต่กล้าสละเพื่อธรรม

นี่คือ ทานบารมีที่มันเต็มใจแล้ว เต็มเปี่ยม

พอถึงนาทีสุดท้าย  กล้าสละชีวิตเพื่อธรรมนะ

อย่างที่หลวงพ่อวีระนนท์ เคนสอน เคยบอกว่า

สละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต

สละชีวิตเพื่อรักษาธรรม

(แรกๆอาจจะ ยอมเสียธรรมเพื่อรักษาชีวิต แต่หลังๆเราฝึกมากๆ มันจะกล้าสละชีวิตเพื่อรักษาธรรมค่ะ)

กล้าตายในสมาธิ แล้วจะได้ของดีกลับไปค่ะ

ส่วนอธิษฐานบารมี ในขณะที่ความตายมารออยู่ต่อหน้า  จะถอยไหม  ถ้าตั้งใจไม่ถอย ครั้งนี้จะสู้ตายแล้ว  แต่ถ้าบารมีนี้ไม่ถึงก็ถอยนะ  มันจะทรมาน  กิเลสมันจะหลอกกับเราว่า  ถอยไปก่อนน่ะ  เดี๋ยวรวมกำลังมาสู้กับมันใหม่  นั่นแน่ หลอกได้สารพัดนะ แพรโดนหลอกมาแล้ว เราก็ดันเชื่อง่าย หลอกแล้ว หลอกอีก

สัจจะบารมี มีไหม  ยอมตายเพื่อให้ได้เห็นความจริงไหม ความจริงที่เราจะตามดูมันไปเรื่อยๆมี ดูสิให้สุดสายของการปฏิบัติสิ  มันจะเกิดอะไรขึ้น  ตายก็ตายนะ  จะดู  จะเอาความจริงให้ได้  กล้าพอไหม ใจถึงไหม

ศีลบารมี เรามีไหม  จิตใจเราจะเป็นปกติมั่นคงได้ไหม ท่ามกลางความบีบคั้นอย่างนั้น  หรือจะโมโหโทโสขึ้นมา  จิตใจเรามีศีล มีความเป็นปกติหรือเปล่า

ปัญญาบารมี เรามีไหม  ที่จะรู้ทุกอย่างตามที่เค้าเป็น รู้แล้ววาง ๆ รู้แล้วไม่เข้าไปข้องแวะด้วย นี่คือ ตัวอย่างของบารมี 10 ตัว เอาย่อๆนะ เนี่ยพวกนี้จะมาช่วยเราในการสู้กับมาร 5 ตัว

เอาเข้าจริงพระพุทธเจ้าท่านใช้โพธิปักสยธรรม....37 ประการ ไปสู้กับมาร 1 กองทัพ ๆ คือ มาร 5 ตัว

สู้ยากนะ  มารตัวเดียวก็สู้ยากแล้ว  ต้องต่อสู้ก่อนที่ใจจะเข้มแข็งไปสู้กับมารจนข้ามภพ ข้ามชาติ

ต้องสะสมความแข็งแกร่งในใจมามากมาย  กล้าสละความสุข ความสบาย ความเพลิดเพลินอย่างโลกๆ ต้องกล้าหาญ  ต้องใจถึงด้วย

พระพุทธเจ้าเวลาสอนธรรม ท่านจึงสอนเป็นลำดับๆนะ  เรียกว่า  อนุปุพิกถา

รู้จัก ทาน ไว้นะ ทานไม่ใช่แค่ควักกระเป๋ามาจ่ายนะ

กล้าเสียสละไหม  กล้าสละความสุขส่วนตัวไหม  เพื่อประโยชน์ของคนอื่น  กล้าไหม

กล้าสละความอาฆาตแค้นไหม  กล้าให้ความรู้ ความเข้าใจกับคนอื่นที่เค้าไม่รู้  ไม่เข้าใจไหม หรือตระหนี่ถี่เหนียว  ใจถึงๆ กล้าสละทุกสิ่งทุกอย่าง  ทีละเล็ก ทีละน้อย  ค่อยๆสะสมไป

พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องศีล ทาน เห็นไหม สอนให้เรามีกำลังที่จะข้ามภพข้ามชาติทั้งนั้น

ต้องรักษาศีลนะ  ถ้าไม่มีศีลใจจะไม่มีสัมมาสมาธิ ใจจะตั้งมั่นไม่ได้  ใจจะกลับกลอก กวัดแกว่งตลอดเวลา  ต้องมีศีลเอาไว้

พอมีทาน มีศีล  เราจะมีความสุข  เรียกว่าสวรรค์ ชีวิตจะมีแต่ความสุขความสบาย  ร่างกายอาจจะลำบากบ้าง  เจ็บไข้ได้ป่วย  แต่ใจมันจะสบาย  ใจสบายจะเพลิดเพลินไป  คราวนี้เพลินไปในความสุขอีกแล้ว  เรียกว่ากาม เพลิดเพลินในความสุข

เสร็จแล้วท่านก็ชี้ให้เห็นโทษของกาม อย่ามัวแต่ประมาทอย่าหลงกับความสุขที่เรากำลังได้รับอยู่ทุกวันนี้นะ  ความสุขที่เราได้รับอยู่ทุกวันนี้เป็นของชั่วคราว  ประมาทไม่ได้นะ  โทษของกาม  เรียกว่า  กามาทีนพ

เสร็จแล้วถ้าไม่ประมาทจะทำอย่างไร  ถ้าไม่ประมาทแล้วมาคอยเรียนรู้อริยสัจ ให้มารู้ทุกข์  มาคอยรู้กาย  มาคอยรู้ใจไป  ให้รู้ไปเรื่อยๆ  รู้จนแจ่งแจ้ง

กายและใจเป็นตัวทุกข์ล้วนๆ จะปล่อยวางความยึดถือกาย ความยึดถือใจ

ตัณหาจะเกิดขึ้นไม่ได้อีก  สมุทัยจะไม่เกิดอีก

ถ้ารู้ทุกข์แจ่มแจ้ง  สมุทัยจะถูกละอัตโนมัติ

สมุทัย คือ ความอยากให้กายให้ใจ มีความสุข  อยากให้กายให้ใจพ้นทุกข์

ถ้าไม่ยึดกาย  ยึดใจ  แล้วจะไปอยากทำไม

ทันทีที่ตัณหาดับสนิทลงนะ  ความไม่มีตัณหา  คือ  นิพพานก็จะปรากฏขึ้นมา  ต่อหน้าต่อตานั่นเอง

การรู้ทุกข์  จนละสมุทัย  แจ้งนิโรธ  แจ้งนิพพาน  นี่แหละ เรียกว่า มรรค

ท่านสอนแบบนี้นะ อนุปุพพิกถา ท่านสอนตั้งแต่ธรรมขั้นต้นมา

ตั้งแต่รู้จักทาน  รู้จักศีลนะ

ทำทาน  ทำศีลไป  แล้วชีวิตมีความสงบสุขขึ้นมา

อย่าเพลิดเพลินในความสงบสุขทั้งหลาย

ในชีวิตเราเป็นของชั่วคราวเหมือนกัน  วันนึงอาจจะเดือดร้อนขึ้นมาได้

งั้นต้องเร่งศึกษากาย  ศึกษาใจของตัวเอง

เอาพวกเราฟังหลายเรื่องแล้ว รู้สึกไหม  ฟังอนุปุพพิกถาจบแล้ว 

ใครได้โสดาบันแล้วยกมือขึ้น

555 มีแต่โสดาเดา กับโสดาดันค่ะ


ของเราฟังแล้วยังไม่ได้  ต้องฟังแล้วฟังอีก ทำแล้วทำอีกค่ะ

จำไว้นะคะ  ขนาดพระอัสสชิ  ท่านมีบารมีเยอะกว่าพวกเรา  ท่านยังต้องฟังธรรมตั้ง 5 ครั้ง  ถึงได้โสดาบัน

แถมพระอัสสชิ ท่านฟังจากพระพุทธเจ้าด้วยนะ ไม่ใช่ฟังจากพระธรรมดานะคะ

พวกเราบารมีไม่ถึงขนาดนั้น  ต้องอดทนไว้ ต้องพากเพียร อย่าท้อถอย

ต้องสู้น่ะคะ คอยรู้ลงไปรู้ลงในกายนะ  รู้ลงในใจ

ยังทำไม่ได้ ไม่เป็นไร

พยายามถือศีลไว้ อยู่อย่าไปตบยุง อย่าคุยมาก อบ่าเล่นเฟส เล่นไลน์มาก ปิดวาจาไปเลย

จะได้มีศีล จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน

แล้วคอยรู้กาย  คอยรู้ใจไปเรื่อยๆ  ถึงวันหนึ่งมันก็ต้องฝ่าไปได้แหละ 55

 

ก่อนที่ท่านทั้งหลายจะผ่านด่านมาได้ทุกองค์ๆ นะ  ท่านก็ผ่านมาแล้วทั้งนั้น  แบบที่เราเจอนี่ล่ะ

เบื้องต้นนะ เบสิคๆ ใครๆเค้าก็เจอ ธรรมดามากๆ ปวดจะตายแบบนี้น่ะ ของธรรมดาเลย

ลูกฟลุ๊ค ไม่มีนะ  ของฟลุ๊คไม่มี  มีแต่ต้องลงทุนลงแรงทั้งนั้น

ของฟรีไม่มีในโลกนะคะ จำไว้

 

เราสู้เอาเองทั้งนั้น  ขัดเกลากิเลสในใจเรา

คอยรู้ลงไป สู้ด้วยทาน  สู้ด้วยศีล  สู้ด้วยสมาธิ  สู้ด้วยปัญญา

เครื่องมือในการต่อสู้มีหลายตัว  คอยรู้ลงไปด้วย (แพรจะแนะนำเทคนิคและธรรมง่ายไว้สู้ค่ะ)

สู้ด้วยอะไรไม่ได้ก็รักษาศีลไว้ เช่น  อยากตบมันเต็มที่แล้ว  อ้าวไม่ได้ อย่าตบนะเดี๋ยวผิดศีล  อย่างเนี่ย

สู้ไป ถึงวันหนึ่งแล้วจะเข้าใจ ชีวิตจะมีอิสรภาพ  เราจะเข้าถึงอิสระที่แท้จริง อิสระจริงๆ

ใจเราจะมีแต่ความปลอดโปร่งโล่งตลอดวันตลอดคืนเลย

ใจจะไม่มีขอบเขต  ไม่มีจุด  ไม่มีดวง  กว้างขวางไร้ขอบเขต

มีความสุขล้วนๆเลย  ไม่มีอะไรเป็นเครื่องขีดกั้นจำกัดอีกต่อไป

ทางร่างกายก็ชำรุดทรุดโทรมไปตามธรรมชาติ

แต่ทางใจนะสดใส ซาบซ่าอยู่อย่างนั้นแหละ

ฝึกเอาเองนะ ฝึกเอา..............

 

นี่เห็นไหม หลวงพ่อเทศน์ หลวงพ่อสอน 

ท่านฝึก ท่านสู้ ท่านพากเพียร ท่านผ่านมาหมดแล้ว

เราโชคดีแล้วได้เจอครูบาอาจารย์ที่ดีและเก่งขนาดนี้

เราอย่าดื้อกับครูบาอาจารย์ ท่านให้ทำอะไรก็ทำ

ท่านบอกอะไรก็เชื่อ

อย่าเถียง อย่าต่อรอง อย่างอแง 

ตั้งใจทำไป พากเพียรไว้ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเองค่ะ

 

สู้ๆนะคะ แล้วเราจะได้สนุกกับกรรมฐานไปด้วยกัน

 

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ

(นึกว่า 3 ตอนจบ )

 
Home > Articles > การศึกษา > จัดกระเป๋าเข้าวัดป่า

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5607
Content : 3052
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8611581

facebook

Twitter


บทความเก่า