Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Home > Articles > เศรษฐกิจ > นโยบายเก๊

นโยบายเก๊

พิมพ์ PDF

นโยบายเก๊

ผมมีความเห็นมาตลอด ว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นนโยบายเก๊  เก๊ในที่นี้หมายความว่าจะก่อผลร้ายต่อประเทศ ดังบันต่อไปนี้

 

1.วิพากษ์ผลของโครงการรับจำนำข้าว

นิตยสาร Bloomberg Businessweek ฉบับวันที่ ๒๒ - ๒๘ เม.ย. ๕๖  ลงบทความ Thailand’s Farmer-Friendly Policy Blows Up ผู้เขียนเล่าว่าเวลานี้รัฐบาลไทยมีข้าวเก็บอยู่ ๑๘ ล้านตัน  และ รมต. พาณิชย์ บุญทรง บอกเมื่อวันที่ ๕ เม.ย. ๕๖ ว่าปีนี้รัฐบาลจะขายข้าว ๗ ล้านตัน

ข้าวที่เก็บไว้เกิน ๑ ปี จะเสียหายจากการเก็บ

รัฐบาลไทยพยายามขายข้าวแบบ G to G ซึ่งจะทำให้ปกปิดราคาเป็นความลับ  เมื่อวันที่ ๑๕ เม.ย. ๕๖ รมต. พาณิชย์ของ ไอวอรี โคสต์ บอกว่า รัฐบาล ไอวอรี โคสต์ ซื้อข้าวไทยจำนวนหนึ่งในราคาที่ “competitive and stable”  แต่เมื่อข้าวงวดแรก ๓๘,๕๐๐ ตันไปถึง  พบว่าต้องทิ้งไป ๗,๖๐๐ ตัน เพราะมีปัญหาคุณภาพ

ปีนี้บริษัท Swiss Agri-Trading ซื้อข้าวไทยเพียง ๓๐,๐๐๐ ตัน  โดยที่ก่อนปี ๒๕๕๔ ซื้อ ๒๐๐,๐๐๐ ตัน

ในปี ๒๕๕๕ การส่งออกข้าวของประเทศไทยลดลง ๓๗%  และรัฐบาลไทยต้องขาดทุน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาทจากการรับจำนำข้าว"

วิจารณ์ พานิช

๒๘ เม.ย. ๕๖

 

2.ผลกระทบจากโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ด

ผมได้รับรายงานผลการวิจัยของนักเศรษฐศาสตร์ที่มีความเป็นกลาง   จึงขอนำมาเผยแพร่ต่อดังนี้

“โครงการรับจำนำข้าวเปลือกทุกเมล็ด มีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างตลาดค้าข้าว และกลไกการแข่งขันในตลาดข้าวไทยอย่างมีนัยสำคัญ  รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง  ทั้งในแง่ผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทย   รวมไปถึงผลกระทบต่อภาระงบประมาณของประเทศ  และกรอบความยั่งยืนทางการคลังในอนาคต”

“โครงการรับจำนำข้าว มีผลให้ต้นทุนของผู้ส่งออกและราคาข้าวไทย สูงกว่าประเทศคู่แข่ง  โดยเฉพาะเวียดนามและอินเดียค่อนข้างมาก  ส่งผลให้ประเทศผู้ซื้อข้าวของไทย หันไปนำเข้าข้าวจากแหล่งอื่นที่มีราคาถูกกว่า  โดยในปีที่ผ่านมาปริมาณการส่งออกข้าวของไทยปรับลดลง 35% (YoY)  และทำให้ไทยต้องเสียแชมป์ผู้ส่งออกข้าวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า ๒๐ ปี  สำหรับแนวโน้มการส่งออกข้าวในปีนี้  คาดว่ายังคงเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับไทย  เพราะแม้ว่ารัฐบาลจำเป็นจะต้องทะยอยระบายข้าวออกจากสต็อกที่มีอยู่ในมือก็ตาม  แต่ผู้ส่งออกไทยคงต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายประการ  ทั้งจากราคาข้าวไทยที่สูงกว่าคู่แข่งมาก  เงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่า  ภาวะการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง  รวมทั้งตลาดข้าวซึ่งยังเป็นของผู้ซื้อ  หรือแม้แต่นโยบายของประเทศผู้นำเข้าข้าวหลายประเทศที่เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับนโยบายพึ่งพาผลผลิตภายในประเทศของตนเองมากขึ้น”

“ส่วนในประเด็นด้านภาระงบประมาณ  คงต้องยอมรับว่าโครงการนี้ได้ก่อให้เกิดภาระด้านการคลังที่สูงมาก  ทั้งจากการตั้งราคารับซื้อข้าวจากชาวนาที่สูงกว่าราคาตลาดมาก ดอกเบี้ยเงินกู้  รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ  บริหารจัดการ และการระบายสต็อกข้าว รวมไปถึงความเสี่ยงจากผลขาดทุนที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของข้าว หากไม่สามารถระบายข้าวในสต็อกได้หมดภายใน ๑​ - ๒ ปี  ครม. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับโครงการรับจำนำข้าวปีการผลิต 2012/13 สำหรับข้าวนาปีและนาปรัง รวม ๔๐๕,๐๐๐ ล้านบาท)  ทั้งนี้ จากการประมาณการเบื้องต้น คาดว่า รัฐบาลจะต้องใช้วงเงินในการดำเนินการโครงการนี้ประมาณ 4.6 – 4.7 แสนล้านบาทต่อปี  ซึ่งจะทำให้ภาครัฐมีผลขาดทุนจากโครงการไม่ต่ำกว่าปีละ ๑.๒ แสนล้านบาท  และจะทำให้หนี้สาธารณะต่อ GDP เพิ่มขึ้นอีกราว ๑๓% (กรณีที่รัฐไม่สามารถระบายข้าวที่รับจำนำไว้ได้) เป็น ๕๗%  จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ ๔๔%  ซึ่งเข้าใกล้กรอบความยั่งยืนทางการคลัง (Fiscal Sustainability Framework)  ซึ่งกำหนดไว้ที่ ๖๐%  ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศในอนาคตได้”

ผมดูทีวีเมื่อวันที่ ๒ เม.ย. ๕๖ เห็น ดร. นิพนธ์ พัวพงศกร แห่ง ทีดีอาร์ไอ ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลการขายข้าว  ไม่ใช่ปกปิดอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  ทำให้การตรวจสอบโดยสังคมทำไม่ได้  จะเห็นว่ารัฐบาลมีปัญหาความโปร่งใส  ทำให้ข้อกล่าวหาว่าโครงการนี้เป็นวิธีถ่ายเงินหลวงเข้าพรรคหรือเข้ากระเป๋า น่าสงสัยว่าจะจริงมากยิ่งขึ้น"

วิจารณ์ พานิช

๔ เม.ย. ๕๖

ผลร้ายคือ ทำลายเศรษฐกิจในภาพรวม  และก่อความทุจริตขึ้นในสังคม  กล่าวตรงๆ คือเกิดการโกงกินหนักยิ่งขึ้น  บัดนี้ผลดังกล่าวกำลังเผยโฉม

ที่จริงนโยบายเก๊ในรัฐบาลที่แล้วก็มี  ตัวอย่างคือโครงการ SP2 ด้านการศึกษา  ที่เป็นโครงการฝึกอบรมครู  ซึ่งผมได้ไปคัดค้านและให้ความเห็นที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ  คำคัดค้านของผมไม่มีน้ำหนักเลย  เพราะทุกฝ่ายต่างก็ต้องการผลประโยชน์  หน่วยงานที่เสนอโครงการต้องการผลงานจัดการฝึกอบรมและรายได้  ซึ่งบัดนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า เงินเหล่านั้นละลายหายไป  คงจะได้ประโยชน์ในการปล่อยเม็ดเงินออกไปกระตุ้นเศรษฐกิจ  แต่วงการศึกษาขาดทุน  คือยิ่งส่งเสริมลัทธิฝึกอบรม ไม่ให้คุณค่าลัทธิเรียนรู้  ซึ่งหมายความว่า สังคมไทยขาดทุนในด้านการเผยแพร่มิจฉาทิฐิ

นโยบายเก๊ ที่ผมคิดว่าคนไทยต้องจับตามอง คือ โครงการจัดการน้ำ ๓.๕ แสนล้าน  เห็นพฤติกรรมของผู้รับผิดชอบของรัฐบาลแล้ว ผมไม่ไว้ใจเลย

วิจารณ์ พานิช

๘ มิ.ย. ๕๖

คัดลอกจาก http://www.gotoknow.org/posts/538463

 

 
Home > Articles > เศรษฐกิจ > นโยบายเก๊

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5606
Content : 3049
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8601847

facebook

Twitter


บทความเก่า