Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Home

บทเรียนจากธนาคารอาคารสงเคราะห์

พิมพ์ PDF

บทเรียนจากธนาคารอาคารสงเคราะห์

ผมเป็นลูกค้าเงินกู้ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ตั้งแต่ปี 2540 ได้กู้เงินมาปรับปรุงต่อเติมบ้าน จำนวนเงิน 820,000 บาท (แปดแสนสองหมื่นบาท) โดยมี บ้านและที่ดิน จำนองเป็นประกัน ต่อมาในปี 2544 ผมได้เพิ่มเงินกู้ และได้เพิ่มเงินจำนองเป็นประกันอีก 307,000 บาท รวมเป็นเงินจำนองประกันทั้งสิ้น 1,127,000 บาท โดยได้ผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตามเงื่อนไขทุกอย่างโดยไม่มีการผิดสัญญาทั้งจำนวนเงินผ่อนชำระในแต่ละงวดและกำหนดวันผ่อนชำระในแต่ละงวด

ปลายเดือนสิงหาคม 2556 ผมได้โทรปรึกษา ผู้จัดการเขตสำนักงานใหญ่ กทม และปริมณฑล ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพื่อขอเพิ่มเงินกู้ และได้แจ้งว่าจะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อผมภายในวันนี้ ซึ่งก็ได้รับการติดต่อกลับมาโดยเจ้าหน้าที่อีกท่าน และได้แจ้งว่า ทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้รับการอนุมัติวงเงินจำนวนหนึ่งจากทางรัฐบาลเพื่อให้ทางธนาคารเพิ่มเงินกู้ให้กับลูกค้าชั้นดีในจำนวนเงินที่ไม่เกินวงเงินที่จำนองเป็นประกัน และได้นัดวันให้ผมไปติดต่อทำเรื่องขอกู้กับหัวหน้าฝ่ายสินเชื่อสาขาแจ้งวัฒนะ

วันที่ 9 กันยายน 2556 ผมได้นำเอกสารทั้งหมดที่ต้องใช้ไปพบกับหัวหน้าฝ่ายสินเชื่อสาขาแจ้งวัฒนะตามนัด เจ้าหน้าที่ได้เช็คประวัติของผมและได้แจ้งว่า ผมสามารถกู้ได้จำนวนเงิน 536,717 บาท (ห้าแสนสามหมื่นหกพันเจ็ดร้อยสิบเจ็ดบาท  เนื่องจากผมได้ทำจำนองประกันไว้ในวงเงิน 1,127,000 บาท และขณะนี้ผมได้ชำระหนี้ไปแล้วจนเหลือหนี้คงเหลือ 590,282 บาท หลังจากนั้นไม่ถึง 5 นาที เจ้าหน้าที่คนเดิมก็แจ้งว่าเมื่อเช็คเงื่อนไขแล้วปรากฏว่าผมจะกู้ได้แค่ 7 หมื่นกว่าๆ เนื่องจาก ผมอายุ 63 ปี และไม่มีรายได้ จึงสามารถให้เวลาในการผ่อนชำระได้ไม่เกิน 7 ปี ขณะนี้ผมผ่อนอยู่งวดละ 8,000 บาท เมื่อคำนวณและพิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระเงินได้ จึงไม่สามารถให้ผมกู้ได้ในวงเงินที่ได้แจ้งในครั้งแรก

ผมเริ่มสงสัยในขั้นตอนและหลักการในการพิจารณา และได้ยืนยันความต้องการที่จะกู้ตามวงเงินที่แจ้งไว้โดยสามารถผ่อนชำระได้โดยอยู่ในเงื่อนไขไม่เกิน 7 ปี แต่เจ้าหน้าที่ก็อ้างว่าผมไม่มีเอกสารยืนยันว่ามีรายได้ ผมจึงได้มอบเอกสารทั้งหมดและได้อธิบายให้เจ้าหน้าที่ผู้นั้นและผู้ช่วยผู้จัดการสาขาทราบ ซึ่งดูเหมือนกับผู้ช่วยผู้จัดการท่านนั้นจะเข้าใจเป็นอย่างดีและยินดีจะทำเรื่องให้ หลังจากนั้นก็ไม่มีการติดต่อกลับมา จนวันที่ 23 กันยายน ผมได้โทรศัพท์ติดต่อไปที่ผู้ช่วยผู้จัดการที่ดำเนินเรื่องให้ผม แต่ไม่สามารถติดต่อได้ อย่างไรก็ตามได้พูดกับผู้จัดการสาขา และผู้จัดการสาขาแจ้งว่าจะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ ไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้ใดติดต่อกลับมา ผมจึงได้โทรไปหาผู้จัดการเขต ซึ่งท่านก็แจ้งว่าท่านอยู่นอกสำนักงาน เมื่อกลับเข้าสำนักงานจะตามเรื่องให้ สุดท้ายแล้วปรากฏว่าเป็นเจ้าหน้าที่ท่านอื่นติดต่อกลับมาพูดว่าได้โทรคุยกับทางสาขาแล้ว โดยทางสาขาจะเป็นผู้โทรมาหาผมเอง ผมได้โทรไปหาเจ้าหน้าที่ท่านนั้นอีกแต่ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้

บังเอิญผมไปชำระค่าประกันสังคมที่ธนาคารกรุงไทย และได้มีโอกาสพบผู้จัดการสาขา ขอคำปรึกษาถึงความเป็นไปได้ในการกู้เงินโดยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ผู้จัดการฟัง รวมทั้งปัญหาจากการติดต่อธนาคารอาคารสงเคราะห์ ผู้จัดการได้ให้คำแนะนำที่ดีเป็นประโยชน์ต่อผมมาก ทำให้ผมได้รับเงื่อนไขที่ดีกว่า สะดวกกว่า และเป็นประโยชน์กับผมมากกว่าการติดต่อกับธนาคารอาคารสงเคราะห์มาก ผมหลงผิดคิดว่าธนาคารอาคารสงเคราะห์ซึ่งเป็นธนาคารของรัฐจะเป็นธนาคารที่ดีและช่วยเหลือประชาชนในเรื่องการกู้เงินโดยใช้ที่ดินและบ้านค้ำประกัน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมตาสว่าง และทราบว่าผมสูญเสียสิทธิประโยชน์ของผม อันเนื่องมาจากปัญหาการบริหารจัดการของเจ้าหน้าที่และผู้บริหารของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย หรือการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่และผู้บริหารเอง ความจริงผมควรจะหยุดเพียงเท่านี้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ แต่เมื่อมาคิดถึง คนอื่นๆที่อาจเจอปัญหาเช่นเดียวกับผม และเขาอยู่ในฐานะที่ลำบาก ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะต้องมาวิพากษ์วิจารณ์ระบบการทำงานของธนาคาร คนทุกคนมีศักดิ์ศรีและคุณค่า แต่กลับถูกคนเพียงไม่กี่คนมากำหนดว่าใครมีคุณค่าอย่างไร มีความสามารถแค่ไหน ถ้าคนกลุ่มนั้นมีการพิจารณาด้วยเหตุผลที่เป็นจริง ก็ยังพออนุโลมเพราะเป็นการกลั่นกรองอย่างมีเหตุผลและเป็นธรรมกับผู้ถูกประเมิน กรณีที่เกิดกับผม ผมไม่สามารถยอมรับผู้ประเมินว่าเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะทำการประเมินผมได้ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะปัญหาเรื่องความเข้าใจในเนื้องานของพนักงาน ปัญหาเรื่องกฎเกณฑ์ที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค หรือปัญหาในระดับนโยบายขององค์กร

บทเรียนที่ผมได้รับ ทำให้ผมไม่สามารถยอมรับหลักการและข้อกำหนดที่เจ้าหน้าที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์อ้างดังนี้

1.พิจารณาว่าผมไม่สามารถผ่อนเงินกู้ได้เกินเดือนละ 8,000 บาท โดยอ้างว่าผมเป็นผู้ที่ไม่มีรายได้เนื่องจากไม่มีเอกสารมายืนยัน เชื่อเอกสารมากกว่าประวัติและศักดิ์ศรีของคน  ผมอายุ 63 ปี ย่าง 64 ปี ผมมีผลงานปรากฏและนำมาอ้างอิงได้ ไม่เคยมีประวัติเสียหายด้านการเงิน และด้านใดๆทั้งสิน ไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียชื่อเสียง ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ขยัน อดทน เป็นคนดีทำงานเพื่อสังคม อย่างแท้จริงไม่ใช่ทำเพื่อเอาชื่อเสียง  ไม่เคยแตะต้องทำงานสีเทา เมื่อลาออกจากงานประจำก็มีตำแหน่งงานหลายตำแหน่งที่เป็นงานเพื่อสังคม ไม่มีรายรับประจำ แต่ก็มีรายได้จากการเป็นวิทยากร และที่ปรึกษา มีทั้งที่มีรายได้และไม่มีรายได้ ผมหันมาทำงานเพื่อสังคมโดยไม่คิดที่จะต้องการผลประโยชน์ของตัวเอง จึงไม่ได้สนใจที่จะเรียกร้องเงินจากค่าดำเนินการหรือค่าตอบแทนใดๆทั้งสิ้น แล้วแต่หน่วยงานหรือคนที่ผมทำงานให้จะพิจารณา ถ้าผมตั้งใจหาเงินจริงๆก็สามารถกลับไปทำงานรับจ้างเป็นผู้บริหารบริษัทต่างๆได้  ผมมีความรับผิดชอบและทำตามเงื่อนไขและข้อสัญญาต่างๆที่ตกลงกันไว้ โดยไม่เคยผิดสัญญาและเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น เช่นประวัติการชำระเงินกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ตลอดระยะเวลา 16 ปี  ชำระเงินครบตามเงินงวด และชำระภายในวันที่กำหนด ไม่เคยผิดนัดและผิดสัญญาใดๆ  และข้อสำคัญคือ ผมใช้บ้านและที่ดินที่ผมอาศัยอยู่เป็นประกันการกู้ มีการทำจำนองประกันในวงเงิน 1,127,000  บาท ทั้งๆที่มูลค่าที่ดินและบ้านมีราคามากกว่า 3,500,000 บาท

ผมอธิบายและนำเอกสารอ้างอิงที่เกี่ยวข้องกับฐานะทางสังคม เช่นตำแหน่งหน้าที่การงาน เอกสารแต่งตั้ง และเอกสารเชิญผมเป็นวิทยากร พร้อมกับหลักฐานต่างๆที่ผมบันทึกไว้ในที่ต่างๆ ที่ปรากฏทั่วไป สามารถสืบค้นและอ้างอิงได้ใน Internet ทั้งในเวปไซด์หลายๆแห่ง และในเฟสบุ๊คของผม  ให้กับเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่สามารถปฏิเสธผมได้ ว่าผมเป็นผู้ที่มีความสามารถในการหาเงินได้ใน จำนวนเงินที่มากกว่าที่ธนาคารคำนวณตามเอกสารที่มี ผมสามารถทำเอกสารตามที่ธนาคารต้องการได้เช่น ใบรับรองรายได้ ผมสามารถติดต่อหน่วยงานให้รับรองรายได้เท่าไหร่ก็ได้ และสามารถนำเงินเข้าบัญชีธนาคารตามจำนวนเท่ากับใบรับรองเงินเดือน ได้  แต่ผมไม่ทำเพราะไม่ใช่เรื่องจริง ผมจึงเห็นว่าหลักเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติของลูกค้าธนาคารไม่ถูกต้อง กับหลักความเป็นจริง เป็นการตั้งข้อบังคับหลักเกณฑ์ที่ไม่สมเหตุผล

ธนาคารเอาเปรียบลูกค้า (ผู้บริโภค) อย่างเห็นได้ชัด ด้วยเหตุผลดังนี้

1.ผมมีหนี้อยู่กับธนาคาร 590,282 บาท มีบ้านและที่ดินจำนองค้ำประกันในวงเงิน 1,127,000 การที่ผมจะเพิ่มเงินกู้อีก 536,717 หลักประกันแค่นี้ยังไม่เพียงพอหรือ ทั้งๆที่บ้านและที่ดินมูลค่าจริงราคามากกว่า 3,500,000 บาท

2.ที่ดินและบ้านที่จำนองเป็นที่พักอาศัยของผมและครอบครัว ผมและครอบครัวจะไม่ยอมปล่อยให้บ้านและที่ดินถูกยึดเพราะไม่ชำระเงินกู้ในจำนวนที่ต่ำกว่ามูลค่าจริง 3-4 เท่าเป็นอันขาด

3.ผมยังมีงานทำและมีความสามารถในการหาเงิน มีร่างการแข็งแรง สุขภาพดี สามารถหาเงินมาผ่อนหนี้ได้ตามจำนวนเงินและระยะเวลาที่ธนาคารกำหนดได้อย่างสบาย ภาระของผมในปัจจุบันไม่มีอะไรมาก ลูกๆจบหมดแล้วมีงานทำ และไม่มีภาระหนี้สินใดๆนอกจากเงินกู้จากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ลูกๆจบแล้ว มีงานทำทุกคน สามารถผ่อนค่างวดแทนได้ถ้าผมติดขัด

4.สาเหตุที่ต้องการกู้เงินเพิ่มจำนวน 5 แสนบาท เนื่องจากการประเมินรายได้หลังจากลาออกจากงานประจำที่มีรายได้ประจำผิดพลาด เนื่องจากหลายปัจจัย จึงทำให้รายได้น้อยกว่ารายจ่าย จึงใช้เงิน OD สลับกับเงินกู้ส่วนบุคคลระยะสั้นที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแพง 16-28% และต้องชำระขั้นต่ำ 10% ของเงินที่นำมาใช้ในแต่ละเดือน ทำให้มีภาระในการใช้เงินหมุนเวียนจำนวนมากถึงห้าหมื่นบาทต่อเดือน เสียดอกเบี้ยเดือนละ  ร่วมหมื่นบาท จึงต้องการที่จะลดค่าใช้จ่ายประจำ โดยการกู้เงินจากธนาคารอาคารสงเคราะห์จำนวนเงิน 5 แสนบาท มาปิดเงินกู้ระยะสั้นและเงิน OD ซึ่งจะทำให้ ผมลดค่าใช้จ่ายประจำในแต่ละเดือนลงไป เดือนละ 5 หมื่น บาท ถึงแม้นจะต้องมาผ่อนธนาคารอาคารสงเคราะห์เพิ่มอีก หนึ่งหมื่นบาท ก็เท่ากับผมลดค่าใช้จ่ายประจำไปเดือนละ 4 หมื่นบาท จากประวัติที่ผ่านมาผมสามารถบริหารเงินของผมได้โดยไม่ผิดเงื่อนไขใดๆกับใคร แต่ทำให้ผมมีหนี้เพิ่มขึ้นเพราะเสียดอกเบี้ยเดือนละ 10,000 บาท ดังนั้นการกู้เงินเพิ่มของผมครั้งนี้ไม่ได้เป็นการนำเงินไปใช้จ่ายเพื่อเพิ่มหนี้ แต่เป็นการไปลดหนี้ให้ต่ำลง และลดภาระในการผ่อนชำระให้น้อยลง ลดจำนวนเงินที่ต้องชำระเดือนละ 4 หมื่นบาท และลดดอกเบี้ยเป็นจำนวนประมาณ 16-20 % ต่อปี

5.ถ้าการดำเนินการกู้ในข้อ 4 ผมเรียบร้อย ก็เท่ากับเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนๆละไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นบาท(ธนาคารอาจนำไปคิดว่า เท่ากับผมมีรายได้เพิ่ม 4 หมื่นบาทก็ได้ ) จะทำให้ผม มีสมาธิในการทำงานและมีโอกาสสร้างรายได้ที่มากขึ้น เนื่องจากลดความกดดัน  ประกอบกับ  ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาผมได้สร้างประสบการณ์และการเรียนรู้ในการดำรงชีวิต จากมนุษย์เงินเดือน มาเป็นนักธุรกิจ เพิ่มความรู้และเครือข่าย  เปลี่ยนวิธีการหารายได้  โดยการใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ และภาพพจน์ ของตัวเองเป็นสินค้า ในการให้บริการด้านความรู้ ในการเป็นวิทยากร โค้ช และที่ปรึกษา ให้กับผู้ที่ต้องการบริการทั้งบุคคล และ หน่วยงานต่างๆ  ดังนั้นผมยังเป็นคนมีอนาคต มีความรู้ความสามารถ ในการหารายได้ที่มากขึ้น แถมทำงานให้กับประเทศชาติรับใช้สังคมโดยไม่เห็นแก่รายได้และผลประโยชน์ของตัวเอง

6.กรณีที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในทางลบ เช่นผมเกิดตายก่อนผ่อนหนี้หมด ธนาคารก็ไม่สูญเงินที่ให้ผมกู้เพราะทายาทที่รับมรดกของผมก็จะต้องใช้หนี้แทนผมเพื่อไปไถ่ถอนบ้านและที่ดินคืนเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป คงไม่ปล่อยให้ธนาคารยึดเพื่อนำไปขายทอดตลาดแน่นอน

ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานอกจาก ธนาคารจะเอาเปรียบและไม่เป็นธรรมกับลูกค้าชั้นดี (ผู้บริโภค) แล้ว ธนาคารยังมีนโยบายสวนทางกับนโยบายของรัฐ ที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนที่มีหนี้นอกระบบเนื่องจากมีรายได้ไม่พอเพียงกับรายจ่าย และไม่สามารถกู้เงินในระบบได้  โดยมอบหมายให้ธนาคารรัฐเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ  สิ่งที่ธนาคารปฏิบัติกับผม ไม่เพียงแต่ขัดนโยบายของรัฐ แต่ยังส่งเสริมให้ผมต้องวิ่งเข้าไปหาเงินกู้นอกระบบ หรือไปหาแหล่งเงินกู้ที่ดอกเบี้ยสูง ธนาคารอาจจะอ้างว่าเป็นระเบียบของธนาคารชาติหรือเป็นนโยบายของใครก็ตาม ผมถือว่าเป็นนโยบายเต่าล้านปี ท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนโยบายเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ที่ ทำร้ายประชาชนผู้ด้อยโอกาส แต่ถ้าท่านอ่านบทความนี้และยอมรับสิ่งผิดพลาดที่ท่านได้ก่อไว้ และนำมาแก้ไขให้ถูกต้อง ผมก็ขอแสดงความยินดี และขออนุโมทนาด้วย และขอให้ท่านเจริญรุ่งเรื่องยิ่งๆขึ้นไป

ท่านใดเห็นด้วยและประสบปัญหาเช่นเดียวกับผม หรือคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ขอได้โปรดแสดงความคิดเห็นและร่วมกันรณรงค์เพื่อสร้างความยุติธรรมให้กับสังคมไทยต่อไป และถ้าท่านผู้ที่เกี่ยวข้อง มีเหตุผลที่ดีและรับฟังได้ผมก็ยินดีรับฟังและนำมาพิจารณาครับ ถ้าผมผิดผมยินดีรับผิดและยินดีขอโทษและประกาศให้ทุกท่านรับทราบถึงความผิดพลาดของผม และยินดีแก้ไขสิ่งที่ทำไปตามความเหมาะสมต่อไป

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

 

ตุลาคม 2556

แก้ไขล่าสุด ใน วันพฤหัสบดีที่ 03 ตุลาคม 2013 เวลา 09:26 น.  

คอมเมนต์คอมเมนต์ 

 
#3 สุุภารัตน์ 2014-10-07 12:29
คำว่าธนาคารอาคา รสงเคราะห์ อยากทราบว่าสงเค ราะห์ตรงไหน ดิฉันทำเรื่องกู ้เงินเพื่อซื้อบ ้านหลังหนึ่งไปไ ด้ 2 ปี จากนั้นมีเงินไป ไถ่ถอนโฉนดคืน เจ้าหน้าที่คำนว ณค่าปรับตามสัญญ าแจ้งไว้ 2.5% เพราะชำระก่อนสั ญญา ยอมค่ะ ก็จ่ายให้นะ เจ้าหน้าที่แจ้ง ว่าจะได้โฉนดภาย ใน 15 วัน ดิฉันก็ไปหลัง 15 วัน เกือบเดือนด้วยซ ้ำ และแล้วมาขอรับโ ฉนดที่ดิน เจ้าหน้าที่ให้เ ซนต์รับแล้ว ปรากฎว่าให้เข้า พบผู้จัดการ ผู้จัดการแจ้งว่ าต้องเสียค่าดอก เบี้ย 0 เปอร์เซนต์ 6 เดือน อีกจึงจะได้โฉนด คืน เสียใจมากค่ะ เจ้าหน้าที่ไม่ม ีการอบรมเหรอคะว ่าต้องแจ้งรายละ เอียดให้หมดว่า ควรจะอย่างไร โปโมชั่นนี้ไม่ต ้องมีหรอกนะ พอจ่ายแล้วเอาคื น สงเคราะห์ตรงไหน ดิฉันต้องหาเงิน ถึง 24,900 บาท เพื่อไถ่ถอนโฉนด คืน ทั้งๆ ที่ให้คำปรึกษาบ อกแต่เสียค่าปรั บที่ชำระก่อนสัญ ญา 23500 ก็จ่ายไปแล้ว พอจะโฉนดคืนต้อง จ่ายอีก ไม่มีเงินจริง ๆ อยากกร๊๊ดดดดดดด ดดด
 
 
#2 ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท 2013-10-04 08:30
ขอบคุณทุกๆท่านท ี่เข้ามาแสดงควา มเห็นใจและแนะนำ วิธีการแก้ไขโดย ให้นำลูกเข้าร่ว มเป็นผู้กู้ และผมได้ตอบไปดั งนี้
ขอบคุณครับ เรื่องการกู้ร่ว มกับลูกฏ้เป็นทา งหนึ่งครับ ซึ่งได้รับการเส นอจากธนาคารอาคา รสงเคราะห์ โดยทางเจ้าหน้าท ี่ได้อ้างว่าเป็ นการช่วยเหลือผม ซึ่งผมก็ไม่ขัดท ี่จะนำลูกมากู้ร ่วมด้วย ทั้งๆที่เห็นว่า ธนาคารเอาเปรียบ เกินไป ถ้าผมไม่มีบ้านแ ละที่ดินเป็นหลั กทรัพย์ค้ำประกั น และทำจำนองกับทา งธนาคารไว้ ก็ไปอย่าง โดยเฉพาะหลักทรั พย์ที่จำนองมีมู ลค่ามากกว่าเงิน กู้ 3-5 เท่า ผมมี OD จากธนาคารต่างชา ติแห่งหนึ่ง และมี เงินกู้ระยะสั้น จากธนาคารต่างชา ติอีกแห่งหนึ่ง เป็นวงเงินรวมกั นประมาณ 5 แสนบาท โดยไม่มีหลักทรั พย์ค้ำประกั น และไม่ต้องมีใคร ค้ำประกันด้วย ใช้แค่เครดิกตัว ผมเอง แต่ดอกเบี้ยสูงห น่อย บัญชี OD ดอกเบี้ย 28%ต่อปี ส่วนเงินกู้ระยะ สั้น ชำระอย่างต่ำ 10 % ของเงินกู้ดอกเบ ี้ย 15-18% ตามช่วงเวลา

สิ่งที่ผมยอมไม่ ได้และเห็นว่าธน าคารเอาคารสงเคร าะห์เอาเปรียบผม เกินไปคือ จะให้ผมกู้เพิ่ม วงเงิน 5 แสนบาท โดยมีลูกสาวเป็น ผู้กู้ร่วม และจพต้องให้ผมไ ปทำการไถ่ถอนหลั กทรัพย์ค้ำประกั นและต้องไปทำจำน องใหม่ เสียค่าการดำเนิ นการและค่าจำนอง ให้ เสียทั้งเวลาและ ค่าใข้จ่าย ส่วนขอธนาคารกรุ งไทย เสนอเงื่อนไขให้ ผมดีมากๆ ง่าย ไม่ยุ่งยาก เป็นข้อเสนอที่ย ุติธรรม ทั้งธนาคารและผม ต่างได้ประโยชน์ แต่ผมยังไม่ต้อง การเปิดเผยจนกว่ าทุกอย่างจะเรีย บร้อย

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท
 
 
#1 ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท 2013-10-04 08:28
ขอบคุณครับ เรื่องการกู้ร่ว มกับลูกฏ้เป็นทา งหนึ่งครับ ซึ่งได้รับการเส นอจากธนาคารอาคา รสงเคราะห์ โดยทางเจ้าหน้าท ี่ได้อ้างว่าเป็ นการช่วยเหลือผม ซึ่งผมก็ไม่ขัดท ี่จะนำลูกมากู้ร ่วมด้วย ทั้งๆที่เห็นว่า ธนาคารเอาเปรียบ เกินไป ถ้าผมไม่มีบ้านแ ละที่ดินเป็นหลั กทรัพย์ค้ำประกั น และทำจำนองกับทา งธนาคารไว้ ก็ไปอย่าง โดยเฉพาะหลักทรั พย์ที่จำนองมีมู ลค่ามากกว่าเงิน กู้ 3-5 เท่า ผมมี OD จากธนาคารต่างชา ติแห่งหนึ่ง และมี เงินกู้ระยะสั้น จากธนาคารต่างชา ติอีกแห่งหนึ่ง เป็นวงเงินรวมกั นประมาณ 5 แสนบาท โดยไม่มีหลักทรั พย์ค้ำประกั น และไม่ต้องมีใคร ค้ำประกันด้วย ใช้แค่เครดิกตัว ผมเอง แต่ดอกเบี้ยสูงห น่อย บัญชี OD ดอกเบี้ย 28%ต่อปี ส่วนเงินกู้ระยะ สั้น ชำระอย่างต่ำ 10 % ของเงินกู้ดอกเบ ี้ย 15-18% ตามช่วงเวลา

สิ่งที่ผมยอมไม่ ได้และเห็นว่าธน าคารเอาคารสงเคร าะห์เอาเปรียบผม เกินไปคือ จะให้ผมกู้เพิ่ม วงเงิน 5 แสนบาท โดยมีลูกสาวเป็น ผู้กู้ร่วม และจพต้องให้ผมไ ปทำการไถ่ถอนหลั กทรัพย์ค้ำประกั นและต้องไปทำจำน องใหม่ เสียค่าการดำเนิ นการและค่าจำนอง ให้ เสียทั้งเวลาและ ค่าใข้จ่าย ส่วนขอธนาคารกรุ งไทย เสนอเงื่อนไขให้ ผมดีมากๆ ง่าย ไม่ยุ่งยาก เป็นข้อเสนอที่ย ุติธรรม ทั้งธนาคารและผม ต่างได้ประโยชน์ แต่ผมยังไม่ต้อง การเปิดเผยจนกว่ าทุกอย่างจะเรีย บร้อย

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท
 
Home

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5614
Content : 3057
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8653270

facebook

Twitter


บทความเก่า