เป็นบุญของผม ที่วันที่ ๒๕ พ.ย. ๕๖ ช่วงเช้า ผมตัดสินใจไปเยี่ยมชมโรงเรียนชั้นประถมตามที่ รศ. ดร. พิณทิพ รื่นวงษา แนะนำ
บันทึกนี้ ต้องอ่านต่อเนื่องจากบันทึกที่แล้ว เมื่อวันที่ ๓ ม.ค. ๕๗ นะครับ คืออยู่ในกิจกรรมของการประชุมคณะกรรมการชี้ทิศทาง โครงการ Teacher Coaching (TC) ซึ่งประชุมกันที่จังหวัดสมุทรสาคร และถือโอกาสไปเยี่ยมชื่นชมโรงเรียนในโครงการ
จังหวัด สมุทรสาคร อยู่ในพื้นที่ดำเนินการโครงการ TC ของทีม สถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยมหิดล ช่วงเช้าวันที่ ๒๕ พ.ย. ๕๖ มีการกำหนดให้แยกย้ายกันไปเยี่ยมชมโรงเรียน ๒ โรงเรียน และ ดร. พิณทิพ หัวหน้าโครงการของ ม. มหิดล แนะนำให้ผมไปเยี่ยมชมโรงเรียนบ้านปล่องเหลี่ยม อำเภอกระทุ่มแบน เพื่อชมกิจการของการเรียนการสอนชั้นประถม แม้โรงเรียนนี้จะเปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึง ม. ๖
ทำให้ผมมีบุญ ได้ชมวิธีการสอนภาษาไทย ของครูคำนึง คงศรี ชั้น ป. ๒/๒ ด้วยวิธี “สอนแบบไม่สอน” หรือวิธีสอนแบบตั้งคำถาม ทำให้ผมได้เรียนรู้เรื่อง สระ เ-ิอ อีกด้วย
มองอีกมุมหนึ่ง นี่คือการสอนให้นักเรียนคิด ไม่ใช่สอนให้ท่องจำ
เมื่อเดินผ่านห้องเรียนห้องอื่น ผมนึกในใจว่า เขาจัดแถวโต๊ะเรียนแบบ classroom ซึ่งไม่ตรงกับ 21st Century Learning แต่เมื่อเข้าไปในห้อง ป. ๒/๒ สัมผัสแรกคือ “นี่คือห้องเรียนแบบ สตูดิโอ อย่างง่าย ไม่ต้องลงทุนใหม่เลย”
เราไม่ได้รับคำอธิบายล่วงหน้าใดๆ ทั้งสิ้นว่าจะมีการสาธิตวิธีจัดการเรียนรู้แบบครูตั้งคำถาม
เทวดาดลใจ ให้ผมไปยึดชัยภูมิที่เก้าอี้หลังห้อง สังเกตการณ์พร้อมถ่ายรูปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในห้องเรียน ป. ๒/๒ ในวิชาภาษาไทย สอนโดยครูสาวคนหนึ่ง ที่ผมทราบภายหลังว่า ชื่อครูคำนึง คงศรี ครูอัตราจ้างของ อบจ. สมุทรสงคราม (รร. บ้านปล่องเหลี่ยม ย้ายมาสังกัด อบจ. สมุทรสงคราม)
ครูคำนึง สอนโดยใช้กระดาษแผ่นภาพที่เตรียมมาอย่างดี เป็นอุปกรณ์การสอน หรือการเรียนรู้ โดยสอนเรื่อง สระ เ-ิอ
เริ่มจากให้นักเรียนดูแผ่นภาพหนูบนก้อนเนย ถามนักเรียนว่าเห็นอะไรบ้าง บางคนว่าเห็นหนู “เห็นอะไรอีก” เห็นเนย “ใครเขียนคำว่าเนยได้บ้าง” นักเรียนยกมือกันสลอนและตื่นเต้นเพราะอยากเป็นคนออกไปเขียนที่กระดานขาว ครูคำนึงชี้และเอ่ยชื่อ ให้นักเรียนคนหนึ่งออกไปเขียน เมื่อเขียนถูกก็ได้รับรางวัลเป็นท้อฟฟี่หนึ่งก้อน
ครูคำนึงยกป้ายรูปเด็กเดิน รูปงานวันเกิด รูปกะปิหรือเคย รูปธนบัตรหรือเงิน รูปใบเตยทั้งที่เป็นต้นไม้และที่เป็นดารา แล้วให้นักเรียนเขียนคำว่า เดิน เกิด เคย เงิน เตย ลงบนกระดานขาวข้างรูปแต่ละรูป เมื่อยกรูปออกไป เหลือแต่คำ เดิน เกิด เคย เงิน เตย ครูคำนึงก็ตั้งคำถามให้นักเรียนเรียนรู้สระ เ-ิอ ให้รู้ว่าสระเ-ิอ มีสระ - ิ อยู่ข้างบน แต่มีข้อยกเว้น หากสระ เ-ิอ มีตัว ย สะกด จะมีการลดรูป สระ -ิ หายไป
เป็นบรรยากาศการเรียนที่นักเรียนสนุก ตื่นตาตื่นใจ เห็นได้จากแววตาของนักเรียนในชั้น เห็น student engagement ต่อกิจกรรมการเรียนรู้ในห้องเรียน
ผมยิ่งตื่นตาตื่นใจ เมื่อครูคำนึงบอกให้นักเรียนแต่ละคนนึกคำที่มีสระ เ-ิอ ไว้ ใครนึกไม่ออกให้ปรึกษาเพื่อในกลุ่ม แล้วแจกกระดาษแก่นักเรียน ให้เขียนคำที่มีสระ เ-ิอ ที่ตนนึกไว้ เอามาเขียนบอกเพื่อนในชั้น ถึงตอนนี้เวลาล่วงเลยไปมาก เราโดนตามให้ไปขึ้นรถกลับเพื่อไปประชุมต่อ ที่โรงแรม เซ็นทรัล เพลส
ผม AAR กับตัวเอง ว่าผมได้ไปพบ ครูเพื่อศิษย์ ที่มีวิธี “สอนแบบไม่สอน” คือสอนแบบตั้งคำถาม ให้นักเรียนได้ฝึกการคิด อยู่ตลอดเวลา ซึ่งตรงกับ 21st Century Learning
ก่อนออกจากห้อง ป. ๒/๒ ผมกระซิบถามครูคำนึง ว่าเอาวิธีสอนแบบนี้มาจากไหน เธอบอกว่าคิดขึ้นเอง สอนแบบนี้มา ๑๒ ปีแล้ว
ผมไปถาม ผอ. โรงเรียนบ้านปล่องเหลี่ยม ผอ. อุเทน เมืองท่าไม้ ว่าครูคำนึงได้ค่าตอบแทนเท่าไร ท่านบอกว่า เป็นครูอัตราจ้างของ อบจ. เงินเดือนคงที่ ๑๕,๐๐๐ บาท ย้ายมาอยู่ที่นี่ ๔ ปี โดยย้ายมาจากโรงเรียนเอกชน
ผมให้ความเห็นไปว่า ควรไปบอกทาง อบจ. สมุทรสงคราม ให้หาทางเพิ่มค่าตอบแทนแก่ครูคำนึง ให้เหมาะสมตามความสามารถ มิฉนั้นจะโดนแย่งตัวไปเสีย ท่าน ผอ. อุเทน บอกว่า ท่านก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน ว่าจะเสียครูคำนึงไป เพราะค่าตอบแทนไม่ดึงดูดพอ
ผมจงใจนำเรื่องครูคำนึงมาเล่า เพื่อจะบอกว่า ครูที่มีความสามารถขนาดนี้ ดีกว่าครู คศ. ๓ ที่ผลการประเมินนักเรียนตกเป็นส่วนใหญ่ ครูคำนึงจึงควรได้ค่าตอบแทนเท่ากับครู คศ. ๓ หากระบบค่าตอบแทนของ อบจ. สมุทรสาครไม่ล้าหลังติดกรอบราชการ
แต่ถ้า อบจ. สมุทรสาคร ไม่สนใจ ผมก็ยุให้โรงเรียนเอกชนไปแย่งตัวครูคำนึง เพื่อเป็นการให้คุณค่าครูเพื่อศิษย์ ในขณะที่ระบบราชการแข็งตัวเกินไป
วิจารณ์ พานิช
๓๐ พ.ย. ๕๖
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|