Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

รับเป็นที่ปรึกษา และเป็นโค้ช ให้กับผู้ประกอบการ SMEs

พิมพ์ PDF

มีหลายคนถามผมว่าที่ผมรับเป็นที่ปรึกษา และเป็นโค้ช ให้กับเจ้าของธุรกิจโรงแรม และ ธุรกิจท่องเที่ยว ผมมีหลักเกณท์และรับรองผลอย่างไรว่าผู้ที่จ้างผมเป็นที่ปรึกษาหรือเป็นโค้ช จะได้ผลคุ้มกับเงินค่าจ้างผมเป็นที่ปรึกษาหรือเป็นโค้ช

ผมได้ตอบเขาไปดังนี้

"สำหรับการรับเป็นโค้ช ให้กับผู้บริหารหรือเจ้าของ ผมสามารถเป็นโค้ชหรือที่ปรึกษาให้กับทุกคนที่ต้องการคนมาเป็น กระจกให้เขาและหาจุดอ่อนและวิธีแก้ไขหรือหาจุดแข็งและเสนอแนวทางการนำจุดแข็งไปต่อยอดในการพัฒนาตัวเขาหรือธุรกิจของเขาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนที่จะถามหาว่าจะนำอะไรมาเป็นข้อยืนยันความสำเร็จนั้น คงไม่สามารถทำได้ครับ เพราะเรื่องการให้บริการจับต้องไม่ได้ การเป็นโค้ชและที่ปรึกษา นั้นเป็นแค่ผู้ให้คำแนะนำแต่ผลสำเร็จอยู่ที่ตัวของผู้จ้างเอง ดังนั้น ต้องมาดูที่คุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นโค้ชหรือที่ปรึกษาว่าเป็นคนที่มีความรู้และประสบการณ์จริงหรือไม่ เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์และจริงใจต่อผู้จ้างหรือไม่ ถ้าที่ปรึกษาหรือโค้ช ไม่มีความซื่อสัตย์หรือจริงใจต่อผู้จ้าง ก็จะไม่กล้าพูดความจริง ได้แต่พูดให้พอใจและหลงผิด หรือแนะนำสิ่งผิดๆให้ก็จะเป็นผลร้ายต่อผู้จ้าง ผมเองจะรับงานใครก็ต้องพูดคุยและเช็คว่าเขาเป็นคนอย่างไร เพราะถ้าเขาเป็นคนไม่ดี จะให้ผมแนะวิธีการเอาเปรียบผู้อื่น ทำสิ่งผิดๆผมก็ไม่รับงานนี้

สำหรับวิชาที่ผมสามารถเป็นวิทยากรได้มีอะไรบ้าง นั้น ก็มีเรื่องการบริหารจัดการธุรกิจโรงแรมให้กับเจ้าของผู้ประกอบการ / ผู้บริหาร /หรือพนักงานระดับหัวหน้างาน ในส่วนของการบริหารจัดการ  (สามารถแบ่งย่อยลงไปในส่วนลึกของแต่ละส่วน เช่น การทำแผนการตลาด การทำการตลาด การบริหารควบคุมพนักงานการตลาดและการขาย  การบริหารทรัพยากรมนุษย์ การทำงานเป็นทีม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การเป็นหัวหน้า การบริหารการติดต่อสื่อสาร  เป็นต้น) การบริหารจัดการธุรกิจท่องเที่ยว ก็สามารถแบ่งเป็นวิชาแต่ละส่วนลึก คล้ายๆกับโรงแรม การบริหารจัดการด้านโรงแรมและการท่องเที่ยวให้ภาครัฐหรือหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้นำไปจัดทำแผนนโยบายหรือกลยุทธ์ในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรม เรื่องเกี่ยวกับความรู้และความเข้าใจในเรื่องประชาคมอาเซียน ให้แก่หน่วยงานภาครัฐ เอกชน นักศึกษา และชุมชนต่างๆ การบริหารจัดการชุมชนเพื่อให้เกิดการเข้มแข็ง เป็นต้น

ผมสามารถเป็นทีมโค้ชและที่ปรึกษาที่ดีในการทำแผนพัฒนา หรือแผนปรับโครงสร้าง แผนการเปลี่ยนแปลงองค์กร หรือการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม การจัดทำนโยบายและแผนกลยุทธ์ แผนการขับเคลื่อนองค์กรเป็นต้น

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

4 ตุลาคม 2556

แก้ไขล่าสุด ใน วันศุกร์ที่ 04 ตุลาคม 2013 เวลา 21:48 น.
 

ธุรกิจท่องเที่ยวแบบยั่งยืน

พิมพ์ PDF
ธุรกิจท่องเที่ยวเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก

ธุรกิจท่องเที่ยวแบบยั่งยืน

 

 

ธุรกิจท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่กว้างมาก เกี่ยวข้องกับคนเป็นจำนวนมาก ประเทศไทยโชคดีที่มีทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ อันได้แก่ ป่า เขา ทะเล  แม่น้ำ สถานที่ทางประวัติศาสตร์  ศิลปะและวัฒนธรรมชีวิตความเป็นอยู่และอารยะธรรมของชุมชนต่างๆ  ล้วนเป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้มาสัมผัสกับสิ่งที่ล้ำค่าเหล่านี้

นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างยอมรับว่าประเทศไทยเป็นสวรรค์ของพวกเขา เรามีธรรมชาติที่สวยงาม หาดทรายขาว ทะเลสวย อากาศดี ค่าใช้จ่ายถูก ช่วงเดือนธันวาคมจนถึงเดือนมีนาคมนักท่องเที่ยวจากประเทศแถบยุโรป ต่างหนีหนาวจากประเทศของเขาเพื่อมาพักผ่อนที่ประเทศไทย เพราะอากาศที่ประเทศไทยอบอุ่นดีกว่าประเทศของเขาที่มีอากาศหนาวมาก แถมบางแห่งมีหิมะตก จนไม่สามารถออกจากบ้านได้ และที่สำคัญที่สุดคือค่าใช้จ่ายต่ำกว่าที่เขาอยู่ที่บ้านของเขาเอง  ดังนั้นในช่วงดังกว่านักท่องเที่ยวจากยุโรปจึงแห่กันมาประเทศไทยเป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวเหล่านี้จะอยู่ในประเทศไทยอย่างน้อย ๒ อาทิตย์ จะเดินทางไปเที่ยวทางภาคกลาง และทางเหนือก่อนและจะลงใต้เพื่อพักผ่อนตามชายหาด ก่อนเดินทางกลับประเทศของเขา

มีนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นพวกหนุ่มโสด ทั้งหลายที่รู้จักประเทศไทยเป็นอย่างดีมาประเทศไทยทุกปีจนนับครั้งไม่ถ้วน พวกนี้มักจะพักอยู่แถวถนน นานา ที่กรุงเทพ หรือไม่ก็พักอยู่ที่พัทยา พวกนี้จะมาพักอยู่ที่ประเทศไทยปีละไม่ต่ำกว่า ๓ เดือน บางคนก็ซื้อ บ้านพัก หรือคอนโดไว้เลย โดยใช้ชื่อของผู้หญิงไทยที่เป็นภรรยาหรือแฟนของนักท่องเที่ยวเหล่านั้น นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ส่วนมากไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน วันๆก็อยู่แถวบาร์เบียร์ หรือชายหาด

นักท่องเที่ยวแต่ละประเทศต่างมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องรู้จักนักท่องเที่ยวของแต่ละประเทศเพื่อที่จะได้เสนอบริการให้ถูกต้องตามความต้องการของนักท่องเที่ยวเหล่านั้น แต่ในบางครั้งการท่องเที่ยวก็ถูกผลประโยชน์เข้ามาปิดกั้นการให้บริการที่ดีแก่นักท่องเที่ยว โดยผู้ประกอบการบางรายเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลักโดยหากินกับนักท่องเที่ยวในทางที่ผิดโดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายของประเทศชาติ และจรรยาบรรณของอาชีพ

รัฐบาลได้เสียเงินไปเป็นจำนวนมากเพื่อพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นประเทศศูนย์กลางของการท่องเที่ยวแถบเอเชียตะวันออก แต่ก็มีผู้ประกอบการเป็นจำนวนไม่น้อยที่ทำลายภาพพจน์อันดีงามของประเทศไทย ต่างเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวโดยการร่วมมือกับคู่ค้าต่างประเทศใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ต้มตุ่นนักท่องเที่ยวเหล่านั้น

ธุรกิจท่องเที่ยวเป็นธุรกิจการให้บริการเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยว มีคนไทยจำนวนไม่มากนักที่เข้าใจธุรกิจการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง ธุรกิจท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่ละเอียดอ่อนมาก เกี่ยวข้องกับทุกสิ่งในชีวิตประจำวัน  ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่างกระทบกับธุรกิจท่องเที่ยวไม่มากก็น้อย

ธุรกิจท่องเที่ยวที่ทำกันอยู่ในปัจจุบันล้วนทำกันแบบตามน้ำ กินแต่ของเก่า ผมเสียดายเป็นอย่างมากที่ประเทศไทยมีทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่อุดมสมบูรณ์ไม่แพ้ประเทศใดในโลก ขาดผู้จัดการที่รู้จริง ทำให้การท่องเที่ยวของเราตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ผลประโยชน์ไปตกอยู่ในมือของคนเพียงกลุ่มเดียว แทนที่จะไปตกอยู่ในมือของคนไทยทั้งประเทศ เพราะทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวล้วนเป็นทรัพยากรของแผ่นดิน ควรจะต้องตกไปอยู่ในมือของคนไทยโดยรวม

ยังไม่สายเกินไปครับ ขอให้ผู้ที่มีความรับผิดชอบภาครัฐหันมาให้ความสนใจและศึกษาให้เข้าใจถึงธุรกิจท่องเที่ยวอย่างแท้จริง  ดึงทุกส่วนให้มีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ สถาบันการศึกษา  ผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว ทั้งเจ้าของกิจการ และลูกจ้างผู้ประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยวทั้งหลาย ผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ และประชาชนทั่วไปที่เกี่ยวข้อง  ทุกคนจะต้องหันหน้าเข้าหากัน จะต้องทำความเข้าใจและเรียนรู้เรื่องธุรกิจการท่องเที่ยวแบบถาวร และยั่งยืน ทุกคนจะต้องปรับที่ตัวเองก่อนและหันมาช่วยกันปรับแนวทางการประกอบธุรกิจในภาพรวมให้มองถึงผลระยะยาวที่ทำให้ประชาชนคนไทยได้ประโยชน์จากธุรกิจการท่องเที่ยว ดึงทุกส่วนให้มีส่วนร่วมและคิดถึงผลประโยชน์ร่วมและใช้นโยบายเศรษฐกิจพอเพียง

 

 

 

ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ จะมัวแต่วิ่งแย่งลูกค้ากันเอง และไม่พัฒนาโปรแกรมนำเที่ยวและการให้บริการอย่างเช่นปัจจุบันไม่ได้ ท่านต้องมีการลงทุนด้านทรัพยากรมนุษย์อย่างแท้จริง ธุรกิจบริการเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยมนุษย์มากที่สุด การบริการต้องมาจากใจ และความรู้ในทักษะของแต่ละงาน อย่าคิดแบบเก่าๆที่ไม่กล้าลงทุนด้านทรัพยากรมนุษย์เพราะกลัวว่าลงทุนไปแล้วไม่สามารถควบคุมได้ การลงทุนด้านทรัพยากรมนุษย์ ท่านต้องลงทุนด้วยความจริงใจ เพราะความจริงใจเท่านั้นที่จะยึดเหนี่ยวและเอาชนะความจงรักภักดีของมนุษย์ได้

นักวิชาการและผู้ประกอบการควรจะหันมาจับเข่าคุยกัน และช่วยกันให้ความรู้และแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันเพื่อให้ได้แนวทางที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง สถาบันการศึกษาเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องร่วมมือกับผู้ประกอบการธุรกิจอย่างแท้จริงในการพัฒนาและผลิตทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพสู่สังคม ไม่ใช่เน้นผลทางธุรกิจของสถาบันการศึกษาเพียงอย่างเดียว

ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบภาครัฐ ต้องเปิดใจกว้างไม่ทำตัวเป็นนาย  พยายามศึกษาหาความรู้และทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เป็นผู้ประสานที่ดี เปิดกว้างให้มีการเสนอแนวทางจากผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน วางตัวเป็นกลาง และดำเนินการอย่างรอบครอบ คำนึงถึงเป้าหมายหลัก ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจที่อยู่ในกรอบและสร้างสรรค์ และกำจัดผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ดีทำธุรกิจแบบแอบแฝง ทำลายชื่อเสียงของประเทศชาติ

ภาครัฐต้องเน้นด้านการสร้างบุคลากรด้านการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ และต้องมีกรอบเรื่องรายได้ที่เหมาะสม ไม่ใช่ทำแบบที่ผ่านมา สร้างมาตรฐานบุคลากรแต่ไม่มีการกำหนดรายได้ที่เหมาะสม เช่นเมื่อมีปัญหาเรื่องนักท่องเที่ยวถูกทิ้งหรือไม่ได้รับการบริการที่ดีก็โทษว่ามัคคุเทศก์ไม่ดี มัคคุเทศก์มีปัญหา และพยายามตั้งมาตรฐานของมัคคุเทศก์ให้สูง แต่ไม่เคยคิดว่าปัญหาจริงๆอญุ่ที่เจ้าของผู้ประกอบการธุรกิจ ไม่จ้างมัคคุเทศก์เป็นพนักงานประจำ มัคคุเทศก์ไม่มีเงินเดือนประจำ ดังนั้นไม่ว่ามัคคุเทศก์จะได้รับการเรียนรู้และมีมาตรฐานดีอย่างไรก็ตาม มัคคุเทศก์ก็อยู่ไม่ได้เพราะไม่มีรายได้ประจำ ไม่มีความมั่นคงในอาชีพ เราต้องสูญเสียบุคลากรที่ดีๆและมีความสามารถด้านธุรกิจการท่องเที่ยวไปเป็นจำนวนมากจากปัจจัยดังกล่าว

 

 

 

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

๒๖ มีนาคม ๒๕๔๙

 

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ชาญโชติ

แก้ไขล่าสุด ใน วันศุกร์ที่ 04 ตุลาคม 2013 เวลา 22:38 น.
 

ชีวิตที่พอเพียง : ๒๐๐๖. ดูละครเวที เพื่อชาติ เพื่อ humanity

พิมพ์ PDF

ต่อเนื่องจากบันทึกที่แล้ว ศูนย์เศรษฐศาสตร์การเมือง คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงาน เศรษฐศาสตร์การเมืองในวัฒนธรรมชุมชน เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่ ศ. กิตติคุณ ดร. ฉัตรทิพย์ นาถสุภา และ อาจารย์ ดร. ปรีชา เปี่ยมพงศ์สานต์ มีอายุครบ ๗๒ ปี และให้เกียรติเชิญผมไปเป็นองค์ปาฐกในงาน โดยพูดเรื่อง เศรษฐศาสตร์การเมือง เรื่องการเรียนรู้ เพื่อชาติ เพื่อชุมชน แล้วหลังจากนั้น เป็นการแสดงละครเวที เรื่อง เพื่อชาติ เพื่อ humanity ตาม ข่าวนี้

นานๆ ผมจึงจะได้ดูละครเวที จึงรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสนี้ โดยที่ผมได้อ่านหนังสือ เพื่อชาติ เพื่อ humanity : ภารกิจของวีรบุรุษเสรีไทย จำกัด พลางกูร ในการเจรจากับสัมพันธมิตรมาก่อนแล้ว จึงติดตามเรื่องราวได้ไม่ยาก และสูจิบัตรของละครก็ให้รายละเอียดดีมาก

ผมค้นไปพบว่า ศ. ดร. ฉัตรทิพย์ได้ไปบรรยายเรื่องละครนี้ ที่ มธ. เมื่อวันที่ ๑๖ ส.ค. ๕๖ ก่อนหน้าการแสดงละครจริงเพียง ๒ สัปดาห์ ฟังการบรรยายได้ ที่นี่ และพบว่ามีบันทึกเรื่องราวของละครนี้อยู่มากมากมาย ดังตัวอย่าง , ,

ละครเป็นการแสดง ที่จะต้องให้ความสำราญเป็นหลัก แถมด้วยสาระและอารมณ์ ละครเรื่องนี้ ตามสัมผัสของผม ให้ครบ และที่ไม่น่าเชื่อคือ ผู้แสดงเป็นศิษย์ของศูนย์เศรษฐศาสตร์การเมืองทั้งสิ้น ไม่ใช่นักแสดงอาชีพ แต่เล่นได้เหมือนนักแสดงอาชีพ โดยมีผู้กำกับการแสดงเป็นมืออาชีพ คือ ปิยศิลป์ บุลสถาพร

ผมเดาว่า ผู้แสดงละครเรื่องนี้ต้องฝึกซ้อมกันอย่างหนัก โดยที่ตัวละครแต่ละคนต่างก็มีภารกิจประจำอยู่แล้ว การที่ทุกคนพร้อมใจกันมาฝึกซ้อมเพื่อเล่นละครเพียงครั้งเดียวในวันที่ ๓๑ ส.ค. ๕๖ นี่ นอกจากความรักและเคารพ ศ. กิตติคุณ ดร. ดร. ฉัตรทิพย์ นาถสุภา และ ดร. ปรีชา เปี่ยมพงศ์สานต์ แล้ว น่าจะได้พลังจากความรักชาติของคุณจำกัด พลางกูร ที่ขุดขึ้นมาจากผลการวิจัยของ ศ. ดร. ฉัตรทิพย์

ทุกฉากของละคร เล่นได้ดี มีพลัง ได้อารมณ์ ทั้งอารมณ์เศร้าในการจากระหว่าง จำกัดกับภรรยาที่เพิ่งแต่งงานได้ ๓ ปี คือคุณฉลบชลัยย์ อารมณ์สนุกสนานจากงิ้ว และอื่นๆ แต่สำหรับผม จุดไฮไล้ท์ อยู่ที่ตอนจบการแสดง และมีการแนะนำตัวคุณฉลบชลัยย์ ที่มีอายุถึง ๙๗ ปีแล้ว ทายาทของท่านชิ้น (มจ. ศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน์) และท่านอื่นๆ เสียดายที่ผมบันทึกเสียงผิดพลาด ไม่ได้เสียงช่วงละครและช่วงแนะนำบุคคลมาตรวจสอบชื่อคน

 

วิจารณ์ พานิช

๑ ก.ย. ๕๖

ป้ายละคร

 

ผู้ชมเต็มห้อง ๔๐๐ คน

 

ฉากลาจาก

 

เข้าพบจอมพลเจียงไคเช็ก

 

ผู้เล่นดนตรีที่แสนไพเราะ

 

งิ้ว

 

คุณฉลบชลัยย์ สมาชิกขบวนการเสรีไทย ทายาท และผู้แสดง

 

ภาพใกล้

 

คุณฉลบชลัยย์วัย ๙๗ กล่าวขอบคุณทั้งน้ำตา

 

 

 

 

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย Prof. Vicharn Panich

แก้ไขล่าสุด ใน วันพฤหัสบดีที่ 03 ตุลาคม 2013 เวลา 07:15 น.
 

ละครเวที "เพื่อชาติ เพื่อ HUMANITY" Fri, 2013-06-21 16:17

พิมพ์ PDF

ละครเวที "เพื่อชาติ เพื่อ HUMANITY"

 

ครั้งแรกของนิสิตเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับละครเวทีอิงประวัติศาสตร์การเมืองไทยสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง  “เพื่อชาติ เพื่อ HUMANITY”  รอบเดียวเท่านั้น ในวันเสาร์ที่  31 สิงหาคม 2556  ณ  โรงละครสดใส พันธุมโกมล   ชั้น 6  อาคารมหาจักรีสิรินธร  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง และชมรมศิษย์เศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกันจัดงาน “เศรษฐศาสตร์การเมืองในมิติวัฒนธรรมชุมชน” เนื่องในโอกาส  72 ปี  ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ฉัตรทิพย์ นาถสุภา และอาจารย์ ดร.ปรีชา เปี่ยมพงศ์สานต์ ซึ่งภายในงาน จะมีการปาฐกถา “เศรษฐศาสตร์การเมืองเรื่องการเรียนรู้เพื่อชาติ เพื่อชุมชน” โดย ศาสตราจารย์ นายแพทย์วิจารณ์ พานิช  พร้อมด้วยการแสดงละครเวทีเกี่ยวกับขบวนการเสรีไทยและวีรกรรมของชีวิตนายจำกัด พลางกูร เรื่อง “เพื่อชาติ เพื่อ HUMANITY” แสดงโดยศิษย์เก่าและนิสิตปัจจุบัน  คณะเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ซึ่งต้นฉบับแรกของบทละครเรื่องนี้  เขียนโดยศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ฉัตรทิพย์ นาถสุภา

“ในการค้นคว้าเรื่องขบวนการเสรีไทย ผมพบว่าคุณจำกัด พลางกูร มีความสำคัญอย่างมากต่อประวัติศาสตร์ชาติไทย เพราะเขาคือผู้ที่ยอมสละชีวิต เสี่ยงภัยเดินทางไปยังเมืองจีนเพื่อขอเจรจากับฝ่ายสัมพันธมิตร  ให้รับทราบการเกิดขึ้นของขบวนการเสรีไทยในประเทศ  และให้การยอมรับสถานะของขบวนการจนกระทั่งส่งผลให้ประเทศรอดพ้นจากการตกเป็นประเทศผู้แพ้สงครามในที่สุด”  ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ฉัตรทิพย์ นาถสุภา  ประธานการจัดงานครั้งนี้กล่าว

เรื่องราวของนายจำกัด พลางกูร  ผู้ร่วมขบวนการเสรีไทยในประเทศ กับภารกิจสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาคือ การปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากนายปรีดี พนมยงค์ ผู้นำขบวนการ  เดินทางเสี่ยงการถูกฝ่ายทหารญี่ปุ่นจับตัว  เพื่อไปยังแผ่นดินจีนและหาโอกาสเจรจากับนายพลเจียงไคเช็ค ผู้นำกองกำลังทหารพรรคก๊กมินตั๋ง และประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรให้รับทราบและรับรองขบวนการเสรีไทยที่ต่อต้านฝ่ายอักษะ  พร้อมหาทางให้นายปรีดี พนมยงค์ จัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในประเทศอินเดีย

บันทึกประจำวัน เขียนด้วยลายมือ ความหนานับพันหน้าของนายจำกัด พลางกูร และจดหมายโต้ตอบนับหลายฉบับระหว่างเขากับ พ.ท.ม.จ.ศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัฒน์  คณะกู้ชาติสายอังกฤษ  ได้เผยสภาพความเป็นอยู่อันยากแค้นของเขาระหว่างปฏิบัติภารกิจสำคัญจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต  ที่สำคัญที่สุดคือความจริงที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ช่วงปีพ.ศ.2486  เบื้องหลังการธำรงเอกราชของชาติไว้ได้  ทำให้สถานภาพของประเทศไทยภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ไม่ตกเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม

คุณพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกูล  กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย ในฐานะประธานชมรมศิษย์เศรษฐศาสตร์การเมืองและนักแสดงหลักในละครเรื่องนี้  เผยว่า “เราทุกคนได้อ่านเรื่องของนายจำกัดแล้วจากหนังสือชื่อ เพื่อชาติ เพื่อ HUMANITY เขียนโดยท่านอาจารย์ฉัตรทิพย์ นาถสุภา แล้วรู้สึกภูมิใจมากที่ประเทศไทยมีคนกล้า ยอมเสียสละแม้ชีวิตเพื่อชาติ เสี่ยงภัยที่ไม่อาจคาดเดาได้ จนฟันฝ่าไปถึงจุดหมายและมุ่งมั่นจัดการภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ลุล่วง ถ้าขาดเขา ปานนี้ไม่รู้ประเทศไทยจะเป็นอย่างไรเลย”

คณะผู้จัดงานและการแสดงละครเวที  คาดหวังว่าการจัดการแสดงละครครั้งนี้ จะลบข้อครหาที่เคยมีผู้กล่าวว่า นายจำกัด พลางกูร ได้มอบชีวิตของเขาให้แก่ประเทศชาติ แต่ทุกวันนี้ กลับมีคนน้อยมากที่รับรู้และสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งถึงความรักชาติและความกล้าหาญของเขา

ผู้สนใจร่วมงานครั้งนี้ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ตั้งแต่การแสดงปาฐกถา “เศรษฐศาสตร์การเมืองเรื่องการเรียนรู้เพื่อชาติ เพื่อชุมชน” โดย ศาสตราจารย์ นายแพทย์วิจารณ์ พานิช  เวลา 12.30 น. เป็นต้นไป  ณ ชั้น 9 ห้องอเนกประสงค์ อาคารมหาจักรีสิรินธร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย   และชมการแสดงละครเวทีเรื่อง “เพื่อชาติ เพื่อ HUMANITY” ต่อ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น (แสดงรอบเดียวเท่านั้น)    เวลา 15.45 – 17.45 น. (ประตูเปิดเวลา 15.20 น.)  ณ  โรงละครสดใส พันธุมโกมล  ชั้น 6 อาคารเดียวกัน (อาคารมหาจักรีสิรินธร)  วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2556

Contact:
โรงละครสดใส พันธุมโกมล
 

บทเรียนจากธนาคารอาคารสงเคราะห์

พิมพ์ PDF

บทเรียนจากธนาคารอาคารสงเคราะห์

ผมเป็นลูกค้าเงินกู้ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ตั้งแต่ปี 2540 ได้กู้เงินมาปรับปรุงต่อเติมบ้าน จำนวนเงิน 820,000 บาท (แปดแสนสองหมื่นบาท) โดยมี บ้านและที่ดิน จำนองเป็นประกัน ต่อมาในปี 2544 ผมได้เพิ่มเงินกู้ และได้เพิ่มเงินจำนองเป็นประกันอีก 307,000 บาท รวมเป็นเงินจำนองประกันทั้งสิ้น 1,127,000 บาท โดยได้ผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตามเงื่อนไขทุกอย่างโดยไม่มีการผิดสัญญาทั้งจำนวนเงินผ่อนชำระในแต่ละงวดและกำหนดวันผ่อนชำระในแต่ละงวด

ปลายเดือนสิงหาคม 2556 ผมได้โทรปรึกษา ผู้จัดการเขตสำนักงานใหญ่ กทม และปริมณฑล ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพื่อขอเพิ่มเงินกู้ และได้แจ้งว่าจะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อผมภายในวันนี้ ซึ่งก็ได้รับการติดต่อกลับมาโดยเจ้าหน้าที่อีกท่าน และได้แจ้งว่า ทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้รับการอนุมัติวงเงินจำนวนหนึ่งจากทางรัฐบาลเพื่อให้ทางธนาคารเพิ่มเงินกู้ให้กับลูกค้าชั้นดีในจำนวนเงินที่ไม่เกินวงเงินที่จำนองเป็นประกัน และได้นัดวันให้ผมไปติดต่อทำเรื่องขอกู้กับหัวหน้าฝ่ายสินเชื่อสาขาแจ้งวัฒนะ

วันที่ 9 กันยายน 2556 ผมได้นำเอกสารทั้งหมดที่ต้องใช้ไปพบกับหัวหน้าฝ่ายสินเชื่อสาขาแจ้งวัฒนะตามนัด เจ้าหน้าที่ได้เช็คประวัติของผมและได้แจ้งว่า ผมสามารถกู้ได้จำนวนเงิน 536,717 บาท (ห้าแสนสามหมื่นหกพันเจ็ดร้อยสิบเจ็ดบาท  เนื่องจากผมได้ทำจำนองประกันไว้ในวงเงิน 1,127,000 บาท และขณะนี้ผมได้ชำระหนี้ไปแล้วจนเหลือหนี้คงเหลือ 590,282 บาท หลังจากนั้นไม่ถึง 5 นาที เจ้าหน้าที่คนเดิมก็แจ้งว่าเมื่อเช็คเงื่อนไขแล้วปรากฏว่าผมจะกู้ได้แค่ 7 หมื่นกว่าๆ เนื่องจาก ผมอายุ 63 ปี และไม่มีรายได้ จึงสามารถให้เวลาในการผ่อนชำระได้ไม่เกิน 7 ปี ขณะนี้ผมผ่อนอยู่งวดละ 8,000 บาท เมื่อคำนวณและพิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระเงินได้ จึงไม่สามารถให้ผมกู้ได้ในวงเงินที่ได้แจ้งในครั้งแรก

ผมเริ่มสงสัยในขั้นตอนและหลักการในการพิจารณา และได้ยืนยันความต้องการที่จะกู้ตามวงเงินที่แจ้งไว้โดยสามารถผ่อนชำระได้โดยอยู่ในเงื่อนไขไม่เกิน 7 ปี แต่เจ้าหน้าที่ก็อ้างว่าผมไม่มีเอกสารยืนยันว่ามีรายได้ ผมจึงได้มอบเอกสารทั้งหมดและได้อธิบายให้เจ้าหน้าที่ผู้นั้นและผู้ช่วยผู้จัดการสาขาทราบ ซึ่งดูเหมือนกับผู้ช่วยผู้จัดการท่านนั้นจะเข้าใจเป็นอย่างดีและยินดีจะทำเรื่องให้ หลังจากนั้นก็ไม่มีการติดต่อกลับมา จนวันที่ 23 กันยายน ผมได้โทรศัพท์ติดต่อไปที่ผู้ช่วยผู้จัดการที่ดำเนินเรื่องให้ผม แต่ไม่สามารถติดต่อได้ อย่างไรก็ตามได้พูดกับผู้จัดการสาขา และผู้จัดการสาขาแจ้งว่าจะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ ไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้ใดติดต่อกลับมา ผมจึงได้โทรไปหาผู้จัดการเขต ซึ่งท่านก็แจ้งว่าท่านอยู่นอกสำนักงาน เมื่อกลับเข้าสำนักงานจะตามเรื่องให้ สุดท้ายแล้วปรากฏว่าเป็นเจ้าหน้าที่ท่านอื่นติดต่อกลับมาพูดว่าได้โทรคุยกับทางสาขาแล้ว โดยทางสาขาจะเป็นผู้โทรมาหาผมเอง ผมได้โทรไปหาเจ้าหน้าที่ท่านนั้นอีกแต่ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้

บังเอิญผมไปชำระค่าประกันสังคมที่ธนาคารกรุงไทย และได้มีโอกาสพบผู้จัดการสาขา ขอคำปรึกษาถึงความเป็นไปได้ในการกู้เงินโดยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ผู้จัดการฟัง รวมทั้งปัญหาจากการติดต่อธนาคารอาคารสงเคราะห์ ผู้จัดการได้ให้คำแนะนำที่ดีเป็นประโยชน์ต่อผมมาก ทำให้ผมได้รับเงื่อนไขที่ดีกว่า สะดวกกว่า และเป็นประโยชน์กับผมมากกว่าการติดต่อกับธนาคารอาคารสงเคราะห์มาก ผมหลงผิดคิดว่าธนาคารอาคารสงเคราะห์ซึ่งเป็นธนาคารของรัฐจะเป็นธนาคารที่ดีและช่วยเหลือประชาชนในเรื่องการกู้เงินโดยใช้ที่ดินและบ้านค้ำประกัน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมตาสว่าง และทราบว่าผมสูญเสียสิทธิประโยชน์ของผม อันเนื่องมาจากปัญหาการบริหารจัดการของเจ้าหน้าที่และผู้บริหารของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย หรือการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่และผู้บริหารเอง ความจริงผมควรจะหยุดเพียงเท่านี้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ แต่เมื่อมาคิดถึง คนอื่นๆที่อาจเจอปัญหาเช่นเดียวกับผม และเขาอยู่ในฐานะที่ลำบาก ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะต้องมาวิพากษ์วิจารณ์ระบบการทำงานของธนาคาร คนทุกคนมีศักดิ์ศรีและคุณค่า แต่กลับถูกคนเพียงไม่กี่คนมากำหนดว่าใครมีคุณค่าอย่างไร มีความสามารถแค่ไหน ถ้าคนกลุ่มนั้นมีการพิจารณาด้วยเหตุผลที่เป็นจริง ก็ยังพออนุโลมเพราะเป็นการกลั่นกรองอย่างมีเหตุผลและเป็นธรรมกับผู้ถูกประเมิน กรณีที่เกิดกับผม ผมไม่สามารถยอมรับผู้ประเมินว่าเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะทำการประเมินผมได้ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะปัญหาเรื่องความเข้าใจในเนื้องานของพนักงาน ปัญหาเรื่องกฎเกณฑ์ที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค หรือปัญหาในระดับนโยบายขององค์กร

บทเรียนที่ผมได้รับ ทำให้ผมไม่สามารถยอมรับหลักการและข้อกำหนดที่เจ้าหน้าที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์อ้างดังนี้

1.พิจารณาว่าผมไม่สามารถผ่อนเงินกู้ได้เกินเดือนละ 8,000 บาท โดยอ้างว่าผมเป็นผู้ที่ไม่มีรายได้เนื่องจากไม่มีเอกสารมายืนยัน เชื่อเอกสารมากกว่าประวัติและศักดิ์ศรีของคน  ผมอายุ 63 ปี ย่าง 64 ปี ผมมีผลงานปรากฏและนำมาอ้างอิงได้ ไม่เคยมีประวัติเสียหายด้านการเงิน และด้านใดๆทั้งสิน ไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียชื่อเสียง ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ขยัน อดทน เป็นคนดีทำงานเพื่อสังคม อย่างแท้จริงไม่ใช่ทำเพื่อเอาชื่อเสียง  ไม่เคยแตะต้องทำงานสีเทา เมื่อลาออกจากงานประจำก็มีตำแหน่งงานหลายตำแหน่งที่เป็นงานเพื่อสังคม ไม่มีรายรับประจำ แต่ก็มีรายได้จากการเป็นวิทยากร และที่ปรึกษา มีทั้งที่มีรายได้และไม่มีรายได้ ผมหันมาทำงานเพื่อสังคมโดยไม่คิดที่จะต้องการผลประโยชน์ของตัวเอง จึงไม่ได้สนใจที่จะเรียกร้องเงินจากค่าดำเนินการหรือค่าตอบแทนใดๆทั้งสิ้น แล้วแต่หน่วยงานหรือคนที่ผมทำงานให้จะพิจารณา ถ้าผมตั้งใจหาเงินจริงๆก็สามารถกลับไปทำงานรับจ้างเป็นผู้บริหารบริษัทต่างๆได้  ผมมีความรับผิดชอบและทำตามเงื่อนไขและข้อสัญญาต่างๆที่ตกลงกันไว้ โดยไม่เคยผิดสัญญาและเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น เช่นประวัติการชำระเงินกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ตลอดระยะเวลา 16 ปี  ชำระเงินครบตามเงินงวด และชำระภายในวันที่กำหนด ไม่เคยผิดนัดและผิดสัญญาใดๆ  และข้อสำคัญคือ ผมใช้บ้านและที่ดินที่ผมอาศัยอยู่เป็นประกันการกู้ มีการทำจำนองประกันในวงเงิน 1,127,000  บาท ทั้งๆที่มูลค่าที่ดินและบ้านมีราคามากกว่า 3,500,000 บาท

ผมอธิบายและนำเอกสารอ้างอิงที่เกี่ยวข้องกับฐานะทางสังคม เช่นตำแหน่งหน้าที่การงาน เอกสารแต่งตั้ง และเอกสารเชิญผมเป็นวิทยากร พร้อมกับหลักฐานต่างๆที่ผมบันทึกไว้ในที่ต่างๆ ที่ปรากฏทั่วไป สามารถสืบค้นและอ้างอิงได้ใน Internet ทั้งในเวปไซด์หลายๆแห่ง และในเฟสบุ๊คของผม  ให้กับเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่สามารถปฏิเสธผมได้ ว่าผมเป็นผู้ที่มีความสามารถในการหาเงินได้ใน จำนวนเงินที่มากกว่าที่ธนาคารคำนวณตามเอกสารที่มี ผมสามารถทำเอกสารตามที่ธนาคารต้องการได้เช่น ใบรับรองรายได้ ผมสามารถติดต่อหน่วยงานให้รับรองรายได้เท่าไหร่ก็ได้ และสามารถนำเงินเข้าบัญชีธนาคารตามจำนวนเท่ากับใบรับรองเงินเดือน ได้  แต่ผมไม่ทำเพราะไม่ใช่เรื่องจริง ผมจึงเห็นว่าหลักเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติของลูกค้าธนาคารไม่ถูกต้อง กับหลักความเป็นจริง เป็นการตั้งข้อบังคับหลักเกณฑ์ที่ไม่สมเหตุผล

ธนาคารเอาเปรียบลูกค้า (ผู้บริโภค) อย่างเห็นได้ชัด ด้วยเหตุผลดังนี้

1.ผมมีหนี้อยู่กับธนาคาร 590,282 บาท มีบ้านและที่ดินจำนองค้ำประกันในวงเงิน 1,127,000 การที่ผมจะเพิ่มเงินกู้อีก 536,717 หลักประกันแค่นี้ยังไม่เพียงพอหรือ ทั้งๆที่บ้านและที่ดินมูลค่าจริงราคามากกว่า 3,500,000 บาท

2.ที่ดินและบ้านที่จำนองเป็นที่พักอาศัยของผมและครอบครัว ผมและครอบครัวจะไม่ยอมปล่อยให้บ้านและที่ดินถูกยึดเพราะไม่ชำระเงินกู้ในจำนวนที่ต่ำกว่ามูลค่าจริง 3-4 เท่าเป็นอันขาด

3.ผมยังมีงานทำและมีความสามารถในการหาเงิน มีร่างการแข็งแรง สุขภาพดี สามารถหาเงินมาผ่อนหนี้ได้ตามจำนวนเงินและระยะเวลาที่ธนาคารกำหนดได้อย่างสบาย ภาระของผมในปัจจุบันไม่มีอะไรมาก ลูกๆจบหมดแล้วมีงานทำ และไม่มีภาระหนี้สินใดๆนอกจากเงินกู้จากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ลูกๆจบแล้ว มีงานทำทุกคน สามารถผ่อนค่างวดแทนได้ถ้าผมติดขัด

4.สาเหตุที่ต้องการกู้เงินเพิ่มจำนวน 5 แสนบาท เนื่องจากการประเมินรายได้หลังจากลาออกจากงานประจำที่มีรายได้ประจำผิดพลาด เนื่องจากหลายปัจจัย จึงทำให้รายได้น้อยกว่ารายจ่าย จึงใช้เงิน OD สลับกับเงินกู้ส่วนบุคคลระยะสั้นที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแพง 16-28% และต้องชำระขั้นต่ำ 10% ของเงินที่นำมาใช้ในแต่ละเดือน ทำให้มีภาระในการใช้เงินหมุนเวียนจำนวนมากถึงห้าหมื่นบาทต่อเดือน เสียดอกเบี้ยเดือนละ  ร่วมหมื่นบาท จึงต้องการที่จะลดค่าใช้จ่ายประจำ โดยการกู้เงินจากธนาคารอาคารสงเคราะห์จำนวนเงิน 5 แสนบาท มาปิดเงินกู้ระยะสั้นและเงิน OD ซึ่งจะทำให้ ผมลดค่าใช้จ่ายประจำในแต่ละเดือนลงไป เดือนละ 5 หมื่น บาท ถึงแม้นจะต้องมาผ่อนธนาคารอาคารสงเคราะห์เพิ่มอีก หนึ่งหมื่นบาท ก็เท่ากับผมลดค่าใช้จ่ายประจำไปเดือนละ 4 หมื่นบาท จากประวัติที่ผ่านมาผมสามารถบริหารเงินของผมได้โดยไม่ผิดเงื่อนไขใดๆกับใคร แต่ทำให้ผมมีหนี้เพิ่มขึ้นเพราะเสียดอกเบี้ยเดือนละ 10,000 บาท ดังนั้นการกู้เงินเพิ่มของผมครั้งนี้ไม่ได้เป็นการนำเงินไปใช้จ่ายเพื่อเพิ่มหนี้ แต่เป็นการไปลดหนี้ให้ต่ำลง และลดภาระในการผ่อนชำระให้น้อยลง ลดจำนวนเงินที่ต้องชำระเดือนละ 4 หมื่นบาท และลดดอกเบี้ยเป็นจำนวนประมาณ 16-20 % ต่อปี

5.ถ้าการดำเนินการกู้ในข้อ 4 ผมเรียบร้อย ก็เท่ากับเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนๆละไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นบาท(ธนาคารอาจนำไปคิดว่า เท่ากับผมมีรายได้เพิ่ม 4 หมื่นบาทก็ได้ ) จะทำให้ผม มีสมาธิในการทำงานและมีโอกาสสร้างรายได้ที่มากขึ้น เนื่องจากลดความกดดัน  ประกอบกับ  ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาผมได้สร้างประสบการณ์และการเรียนรู้ในการดำรงชีวิต จากมนุษย์เงินเดือน มาเป็นนักธุรกิจ เพิ่มความรู้และเครือข่าย  เปลี่ยนวิธีการหารายได้  โดยการใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ และภาพพจน์ ของตัวเองเป็นสินค้า ในการให้บริการด้านความรู้ ในการเป็นวิทยากร โค้ช และที่ปรึกษา ให้กับผู้ที่ต้องการบริการทั้งบุคคล และ หน่วยงานต่างๆ  ดังนั้นผมยังเป็นคนมีอนาคต มีความรู้ความสามารถ ในการหารายได้ที่มากขึ้น แถมทำงานให้กับประเทศชาติรับใช้สังคมโดยไม่เห็นแก่รายได้และผลประโยชน์ของตัวเอง

6.กรณีที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในทางลบ เช่นผมเกิดตายก่อนผ่อนหนี้หมด ธนาคารก็ไม่สูญเงินที่ให้ผมกู้เพราะทายาทที่รับมรดกของผมก็จะต้องใช้หนี้แทนผมเพื่อไปไถ่ถอนบ้านและที่ดินคืนเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป คงไม่ปล่อยให้ธนาคารยึดเพื่อนำไปขายทอดตลาดแน่นอน

ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานอกจาก ธนาคารจะเอาเปรียบและไม่เป็นธรรมกับลูกค้าชั้นดี (ผู้บริโภค) แล้ว ธนาคารยังมีนโยบายสวนทางกับนโยบายของรัฐ ที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนที่มีหนี้นอกระบบเนื่องจากมีรายได้ไม่พอเพียงกับรายจ่าย และไม่สามารถกู้เงินในระบบได้  โดยมอบหมายให้ธนาคารรัฐเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ  สิ่งที่ธนาคารปฏิบัติกับผม ไม่เพียงแต่ขัดนโยบายของรัฐ แต่ยังส่งเสริมให้ผมต้องวิ่งเข้าไปหาเงินกู้นอกระบบ หรือไปหาแหล่งเงินกู้ที่ดอกเบี้ยสูง ธนาคารอาจจะอ้างว่าเป็นระเบียบของธนาคารชาติหรือเป็นนโยบายของใครก็ตาม ผมถือว่าเป็นนโยบายเต่าล้านปี ท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนโยบายเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ที่ ทำร้ายประชาชนผู้ด้อยโอกาส แต่ถ้าท่านอ่านบทความนี้และยอมรับสิ่งผิดพลาดที่ท่านได้ก่อไว้ และนำมาแก้ไขให้ถูกต้อง ผมก็ขอแสดงความยินดี และขออนุโมทนาด้วย และขอให้ท่านเจริญรุ่งเรื่องยิ่งๆขึ้นไป

ท่านใดเห็นด้วยและประสบปัญหาเช่นเดียวกับผม หรือคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ขอได้โปรดแสดงความคิดเห็นและร่วมกันรณรงค์เพื่อสร้างความยุติธรรมให้กับสังคมไทยต่อไป และถ้าท่านผู้ที่เกี่ยวข้อง มีเหตุผลที่ดีและรับฟังได้ผมก็ยินดีรับฟังและนำมาพิจารณาครับ ถ้าผมผิดผมยินดีรับผิดและยินดีขอโทษและประกาศให้ทุกท่านรับทราบถึงความผิดพลาดของผม และยินดีแก้ไขสิ่งที่ทำไปตามความเหมาะสมต่อไป

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

 

ตุลาคม 2556

แก้ไขล่าสุด ใน วันพฤหัสบดีที่ 03 ตุลาคม 2013 เวลา 09:26 น.
 


หน้า 440 จาก 558
Home

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5611
Content : 3052
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8635446

facebook

Twitter


บทความเก่า