บนเครื่องบินการบินไทยไปขอนแก่น เช้าวันที่ ๒๒ ส.ค. ๕๖ ผมอ่าน นสพ. The Wall Street Journalฉบับวันที่ ๒๒ ส.ค. ๕๖ ซึ่งข่าวเด่นที่สุดที่หน้า ๑ คือ Media Savvy Is Bo’s Wild Card at Trial ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักการเมืองดาวเด่นของจีน นายโบซิหลาย โดนจับและขึ้นศาลในคดีคอรัปชั่น
ดีที่ นสพ. ฝรั่งเขาลงชื่อผู้เขียนบทความด้วย บทความนี้คนเขียนชื่อ Jeremy Page ในขณะที่ นสพ. ไทยมักปกปิดผู้เขียนข่าว ดังกรณีที่ตัวผมเองโดนไทยรัฐเขียนข่าวที่ผู้เขียนนั่งเทียนเขียนเล่นงาน ๕ วัน เมื่อขอคุยกับบรรณาธิการและให้ข้อมูล โดยผมขอให้ผู้เขียนข่าวร่วมคุยด้วย เขาบอกว่าเขาไม่มีนโยบายให้ผู้เขียนข่าวเผยตัว
บทความเกี่ยวกับคดีนายโบซิหลายบทความนี้ผมอ่านระหว่างบรรทัดว่า ผู้เขียนเขียนด้วยมุมมองให้คนคิดว่า เป็นเรื่องการ ต่อสู้แย่งอำนาจกันทางการเมือง ไม่ได้มองเน้นที่ประเด็นคอรัปชั่นว่าเป็นอย่างไร ผมไม่แน่ใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของการที่ฝรั่ง พยายามบั่นทอนชื่อเสียงของประเทศจีนหรือไม่
บทความชี้ว่า นายโบซิหลายมีความสามารถในการใช้สื่อ ปลุกปั่นมวลชน หรือสร้างภาพให้แก่ตนเอง โดยที่ระหว่างการพิจารณาในศาลตนเองจะทำไม่ได้มาก เพราะทางการจีนคุมเข้ม แต่เขาอาจใช้ญาติพี่น้อง หรือพรรคพวกที่มีอยู่มาก เป็นผู้ทำ
เรื่องที่ซับซ้อนแบบนี้ ผมอ่าน นสพ. แบบฟังหูไว้หู และตระหนักว่าวงการ นสพ. ยึดหลักขายข่าว จริงเท็จค่อยว่ากันทีหลัง มีข่าวก็เขียนไปก่อน เพื่อให้ขายได้ ไม่แคร์ว่าหากเป็นข่าวเท็จจะสร้างความเสียหายให้คนในข่าว คือวงการสื่อมีจริยธรรมในระดับนี้ โดยผมพบกับตัวเองกรณีไทยรัฐเมื่อราวๆ ปี ๒๕๓๘ ที่เป็นจริยธรรมที่ต่ำกว่านั้น คือนั่งเทียนเขียนด่าทีเดียว
โปรดอ่าน ข่าวนี้ จะเห็นว่า วงการสื่อตกเป็นเหยื่อของธนาธิปไตยอย่างไร
วิจารณ์ พานิช
๒๓ ส.ค. ๕๖