Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

ชีวิตที่พอเพียง : ๑๙๙๘. “อ่าน” หนังสือพิมพ์

พิมพ์ PDF

บนเครื่องบินการบินไทยไปขอนแก่น เช้าวันที่ ๒๒ ส.ค. ๕๖ ผมอ่าน นสพ. The Wall Street Journalฉบับวันที่ ๒๒ ส.ค. ๕๖   ซึ่งข่าวเด่นที่สุดที่หน้า ๑ คือ Media Savvy Is Bo’s Wild Card at Trial ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักการเมืองดาวเด่นของจีน นายโบซิหลาย โดนจับและขึ้นศาลในคดีคอรัปชั่น

 

 

ดีที่ นสพ. ฝรั่งเขาลงชื่อผู้เขียนบทความด้วย   บทความนี้คนเขียนชื่อ Jeremy Page ในขณะที่ นสพ. ไทยมักปกปิดผู้เขียนข่าว   ดังกรณีที่ตัวผมเองโดนไทยรัฐเขียนข่าวที่ผู้เขียนนั่งเทียนเขียนเล่นงาน ๕ วัน   เมื่อขอคุยกับบรรณาธิการและให้ข้อมูล โดยผมขอให้ผู้เขียนข่าวร่วมคุยด้วย   เขาบอกว่าเขาไม่มีนโยบายให้ผู้เขียนข่าวเผยตัว

 

 

บทความเกี่ยวกับคดีนายโบซิหลายบทความนี้ผมอ่านระหว่างบรรทัดว่า ผู้เขียนเขียนด้วยมุมมองให้คนคิดว่า เป็นเรื่องการ ต่อสู้แย่งอำนาจกันทางการเมือง   ไม่ได้มองเน้นที่ประเด็นคอรัปชั่นว่าเป็นอย่างไร   ผมไม่แน่ใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของการที่ฝรั่ง พยายามบั่นทอนชื่อเสียงของประเทศจีนหรือไม่

 

บทความชี้ว่า นายโบซิหลายมีความสามารถในการใช้สื่อ ปลุกปั่นมวลชน หรือสร้างภาพให้แก่ตนเอง    โดยที่ระหว่างการพิจารณาในศาลตนเองจะทำไม่ได้มาก เพราะทางการจีนคุมเข้ม   แต่เขาอาจใช้ญาติพี่น้อง หรือพรรคพวกที่มีอยู่มาก เป็นผู้ทำ

 

เรื่องที่ซับซ้อนแบบนี้ ผมอ่าน นสพ. แบบฟังหูไว้หู   และตระหนักว่าวงการ นสพ. ยึดหลักขายข่าว    จริงเท็จค่อยว่ากันทีหลัง    มีข่าวก็เขียนไปก่อน เพื่อให้ขายได้    ไม่แคร์ว่าหากเป็นข่าวเท็จจะสร้างความเสียหายให้คนในข่าว    คือวงการสื่อมีจริยธรรมในระดับนี้   โดยผมพบกับตัวเองกรณีไทยรัฐเมื่อราวๆ ปี ๒๕๓๘ ที่เป็นจริยธรรมที่ต่ำกว่านั้น คือนั่งเทียนเขียนด่าทีเดียว

 

โปรดอ่าน ข่าวนี้ จะเห็นว่า วงการสื่อตกเป็นเหยื่อของธนาธิปไตยอย่างไร

 

 

 

วิจารณ์ พานิช

๒๓ ส.ค. ๕๖

 

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย Prof. Vicharn Panich

แก้ไขล่าสุด ใน วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2013 เวลา 11:02 น.
 

มายาคติเรื่องขนาดของชั้นเรียน กับผลสัมฤทธิ์ของการเรียน

พิมพ์ PDF

ในการประชุมระดมความคิดเห็นในหัวข้อ แนวทางการพัฒนาและเตรียมความพร้อมของครูสู่ศตวรรษที่ ๒๑” ที่ศศนิเวศ จัดโดย SIGA    มีการนำเสนอผลการประมวลสาเหตุของความด้อยคุณภาพของการศึกษาไทย    ว่าาเหตุหนึ่งคือ สัดส่วนของจำนวนนักเรียนต่อครูสูง หรือขนาดของชั้นเรียนใหญ่

 

 

ทำให้ระลึกถึงข้อความในหนังสือ Visible Learning : A Synthesis of Over 800 Meta-Analyses Relating to Achievement บทที่ 6 The contributions from school  หัวข้อย่อย Class size  เล่าผล meta-analysis ของผลการวิจัย ๙๖ ชิ้น  ครอบคลุมจำนวนคนที่อยู่ในกลุ่มได้รับการทดลอง ๕๕๐,๓๓๙ คน    สรุปได้ว่า การลดขนาดจำนวนนักเรียนต่อชั้น (class size) มีผลยกระดับผลสัมฤทธิ์ของการเรียนของนักเรียนน้อยมาก

 

ฝ่ายที่อ้างว่าการลดขนาดชั้นเรียน มีผลบวกต่อผลสัมฤทธิ์ บอกว่า การลดขนาดชั้นเรียนนำไปสู่การเรียน ที่เอาใจใส่ผู้เรียนเป็นรายคนมากขึ้น,   การเรียนการสอนมีคุณภาพมากขึ้น,   เปิดช่องให้เกิดนวัตกรรมในการเรียนรู้และการเรียนรู้แบบนักเรียนเป็นศูนย์กลาง,   เพิ่มขวัญกำลังใจของครู,  ลดปัญหาในชั้นเรียน,  ปัญหาความประพฤติของนักเรียนน้อยลง,  และดึงดูดความสนใจของนักเรียน ต่อชั้นเรียนง่ายขึ้น

 

 

ในทางตรงกันข้าม ผลการวิจัยจำนวนมากมาย ไม่สนับสนุนความคิดที่ว่า ผลสัมฤทธิ์ในการเรียนจะดีขึ้น เมื่อลดขนาดของชั้นเรียนลง

 

 

เมื่อผู้เขียนหนังสือนี้ (John Hattie) ศึกษาเข้าไปในรายละเอียด จึงสรุปว่าผลบวกที่เกิดขึ้น จากการลดขนาดชั้นเรียน มีน้อยมาก   ผลบวกที่พบเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างครูกับศิษย์ ด้านสภาพการทำงาน    ส่วนผลบวกที่เป็นผลด้านผลสัมฤทธิ์ในการเรียนมี น้อยมาก

 

 

ย้ำอีกทีว่า การลดขนาดชั้นเรียน ทำให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับครูดีขึ้นอย่างแน่นอน   แต่ปฏิสัมพันธ์ที่ดีขึ้นนั้น อาจส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ในการเรียนรู้ดีขึ้น หรือไม่ดีขึ้น ก็ได้

 

 

ข้อสรุปนี้เป็นจริงในทุกระดับของการศึกษาขั้นพื้นฐาน   และมาจากผลงานวิจัยในหลากหลายประเทศ

 

 

คำอธิบาย ว่าทำไมการลดขนาดชั้นเรียนไม่เพิ่มผลสัมฤทธิ์ก็คือ เป็นเพราะครูไม่เปลี่ยนวิธีจัดการเรียนรู้   ยังคงใช้วิธีสอนแบบเดิม

 

 

 

วิจารณ์ พานิช

๒๐ ส.ค. ๕๖

 

 

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย Prof. Vicharn Panich

แก้ไขล่าสุด ใน วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2013 เวลา 11:07 น.
 

ปฏิรูปประเทศไทย

พิมพ์ PDF
ปัญหาสำคัญยิ่งในสายตาของผมคือ เวลานี้ เงินซื้ออำนาจการเมืองไทยได้ ซื้อโดยคนคนเดียว

ปฏิรูปประเทศไทย

อ่านข่าวนี้แล้ว ผมเห็นด้วยกับ พลตรีจำลอง ศรีเมือง    และเห็นด้วยกับทุกความเห็นในข่าวนี้

ผมขอเชิญชวนให้อ่าน บทความนี้ และรายงานของคณะกรรมการปฏิรูป รายงานนี้ เพื่อการปฏิรูปประเทศไทย

ปัญหาสำคัญยิ่งในสายตาของผมคือ เวลานี้ เงินซื้ออำนาจการเมืองไทยได้    ซื้อโดยคนคนเดียว

วิจารณ์ พานิช

๒๐ ก.ย. ๕๖

 

 

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย Prof. Vicharn Panich

แก้ไขล่าสุด ใน วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2013 เวลา 10:14 น.
 

ปฎิรูปประเทศไทย

พิมพ์ PDF

จริงหรือไม่ ?

หลังจากผมได้อ่านบทความของอาจารย์วิจารณ์ พานิช "ปฎิรูปประเทศไทย" ประโยคหนึ่งที่ท่านเขียนไว้ "ปัญหาสำคัญยิ่งในสายตาของผมคือ เวลานี้ เงินซื้ออำนาจการเมืองไทยได้ ซื้อโดยคนคนเดียว

เห็นว่าเป็นเรื่องที่คนไทยควรติดตามและศึกษา จริงหรือไม่จริงคงต้องใช้ดุลพินิจของแต่ละท่านครับ เรื่องของความคิดของแต่ละคน ไม่สามารถตัดสินได้ว่าของใครผิด ของใครถูก ขึ้นกับมุมมองและข้อมูลที่ได้ของแต่ละคน+ทัศนคติของแต่ละคนในเรื่องนั้นๆ แต่สิ่งที่ผมเชื่อคือกฎแห่งกรรม ใครทำดีย่อมได้รับกรรมดี และคนทำไม่ดี เบียดเบียนคนอื่น ก็จะต้องได้รับกรรมที่ไม่ดีเช่นกัน คนทุกคนไม่มีใครดีพร้อมและก็ไม่มีใครที่เลวไปทั้งหมด คนเราสามารถทำผิดพลาดได้ แต่เมื่อรู้ตัวว่าผิดแล้วต้องรีบแก้ไข อย่างให้ผิดซ้ำสอง ยอมรับผิดและแก้ไขสิ่งที่ทำผิดให้ดีขึ้น ไม่ใช้ทิฐิการเอาชนะซึ่งกันและกัน เพราะนั่นคือหนทางแห่งความหายนะของทุกคน
ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท
21 กันยายน 2556

 

ชีวิตที่พอเพียง : ๑๙๖๖. ช่วยกันปกป้องทรัพยากรธรรมชาติด้านการท่องเที่ยว จากนักท่องเที่ยว และผู้หากินกับนักท่องเที่ยวที่ไร้ความรับผิดชอบ

พิมพ์ PDF

ดังเล่าในบันทึกที่แล้ว ว่าเกือบเที่ยงวันเสาร์ที่ ๒๙มิ.ย. ๕๖ ผมไปพบสภาพที่ทั้งทางการไทย คนไทยผู้หากินกับนักท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยวฝรั่ง  ต่างก็ร่วมกันทำลายหินย้อยก้อนหนึ่งที่ชายหาดถ้ำพระนาง ที่เป็นส่วนหนึ่งของหาดไร่เลย์ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์  หรือโดยไม่รับผิดชอบ

ผมสงสัยว่า คนไทยเราหิวเงินจากการท่องเที่ยวมากเกินไปหรือเปล่า  จนเราไม่เอาใจใส่ปกปักรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่า ที่หากค่อยๆ ถูกทำลายไป ก็จะไม่มีวันกลับคืน

คำถามคือ ประเทศไทย/สังคมไทย ควรหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ อย่างกรณีหินย้อยก้อนนี้ ที่ผมเอารูปมาให้ดูแล้ว หรือไม่  เราควรห้ามคนแตะต้องหรือไม่  เพราะที่ผมไปเห็นในต่างประเทศเขาจะมีป้ายห้ามแตะต้อง  และไก๊ด์ต้องบอกนักท่องเที่ยวของตนทุกครั้ง ว่าห้ามแตะต้อง

ประมาณ ๑๑ น. เศษผมไปเห็นนักท่องเที่ยวฝรั่งคนหนึ่งกำลังไต่หน้าผา ที่ชายหาดถ้ำพระนาง  ข้างๆ เป็นหินย้อยก้อนใหญ่ ที่คนนิยมไปถ่ายรูป  โดยเขามีเก้าอี้ให้ขึ้นไปยืนเอามือแตะปลายหินย้อย  ฝรั่งลองปีนหน้าผา ๒ ครั้ง ไม่สำเร็จ ก็หันมาปีนหินย้อยแทน ให้เพื่อนถ่ายรูป  คุณหญิงชฎากับผมจึงไปห้ามปราม เขาทำเป็นไม่ได้ยิน  เรามองหาป้ายห้ามก็ไม่พบ

ผมเดินไปบอกคนไทยที่กำลังทำหน้าที่ดูแลให้ความปลอดภัยนักปีนหน้าผาอีกคนหนึ่ง ที่ปีนหน้าผาอีกส่วนหนึ่ง  และปีนขึ้นไปถึงหลืบหินสูงประมาณ ๒๐ เมตร  ว่าในฐานะคนที่หากินกับธรรมชาติเหล่านี้ เขาควรห้ามปรามไม่ให้นักท่องเที่ยวแตะต้องหินย้อย  เขาตอบว่าห้ามทำไม ใครๆ ก็ปีนกันทั้งนั้น  ผมบอกว่า หากไม่ห้าม ต่อไปมันก็ถูกทำลาย แล้วคุณก็หมดอาชีพ  ควรเก็บไว้หากินนานๆ  เขาบอกผมว่า ให้ผมไปบอกเจ้าหน้าที่  พร้อมทั้งชี้มือไปทางเจ้าหน้าที่

ผมจึงไปพูดกับเจ้าหน้าที่ ที่เขาบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่อำเภอ  มาทำหน้าที่อำนวยความสะดวก  เขาบอกว่าเขาเคยห้ามแต่นักท่องเที่ยวก็ไม่ฟัง  และเคยมีป้ายห้ามปีน แต่คนยังปีน จึงเอาป้ายออก

ผมจึงได้ไปเห็นความหละหลวมในการจัดการการท่องเที่ยว และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ของประเทศ  ดูคล้ายๆ เราสนใจแต่การเอาใจนักท่องเที่ยว  โดยไม่สนใจกำกับดูแล หรือควบคุมนักท่องเที่ยวที่นิสัยชุ่ย เอาแต่ความสนุกของตน ไม่สนใจรักษาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศหรือสถานที่ที่ตนไปเที่ยว  ซึ่งอาจเป็นคนต่างชาติหรือคนไทยก็ได้

ในความเห็นของผม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ  กระทรวงมหาดไทย  กระทรวงการท่องเที่ยว  และ อปท. ต้องช่วยกันทำหน้าที่นี้อย่างร่วมมือกัน ต้องมีป้ายที่ชัดเจนว่าห้ามอะไรบ้าง  ในบางถ้ำที่ผมไปเที่ยวในต่างประเทศ เขาให้ถ่ายรูปแต่ห้ามใช้แฟลช เพื่อป้องกันแสงทำลายถ้ำ  เขามีเหตุผลในคำอธิบาย  โดยมีบอกทั้งในป้ายประกาศ  ในแผ่นพับอธิบายหรือแนะนำสถานที่  และไกด์จะบอกเตือนล่วงหน้า  และเมื่อนักท่องเที่ยวทำผิดกติกา เขาก็จะเตือนอย่างสุภาพ

แต่ในบ้านเรา ผมไปพบแต่คนที่ไม่รับผิดชอบ  สะท้อนความไม่รับผิดชอบของระบบที่เกี่ยวข้อง  ผมไปพบว่า ที่กระบี่ มีปัญหาการจัดการ sustainable tourism

ผมคิดมากไปหรือเปล่าครับ?

๓๐ มิ.ย. ๕๖


 



ชายหาดถ้ำพระนาง



หน้าผาสำหรับปีนและหินย้อยก้อนโต



ฝรั่งไต่หน้าผามือเปล่าให้เพื่อนถ่ายรูป ลองหลายครั้ง



แล้วหันมาปีนหินย้อย คุณหญิงชฎาเข้าไปห้ามและถ่ายรูป



เขาไม่ฟัง กลับปีนเฉย



คนสวมเสื้อเขียวให้บริการนักปีนเขา



เมื่อผมไปบอกว่าเขาควรห้ามนักท่องเที่ยวปีหินย้อย เขาบอกว่าห้ามทำไม ใครๆ ก็ปีน   
และบอกให้ผมไปบอกให้เจ้าหน้าที่ห้าม



เจ้าหน้าที่ของอำเภอ บอกว่าห้ามไม่ได้ ไม่มีใครฟัง จึงเอาป้ายห้ามออก



ถ่ายให้เห็นหน้าเจ้าหน้าที่ชัดๆ

 


 



 

 

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย Prof. Vicharn Panich

แก้ไขล่าสุด ใน วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2013 เวลา 07:30 น.
 


หน้า 446 จาก 558
Home

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5607
Content : 3052
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8610257

facebook

Twitter


บทความเก่า