Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

ชีวิตที่พอเพียง : ๑๙๗๗. สดชื่นในเช้าอากาศดี

พิมพ์ PDF

ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ ฝนตกตอนกลางคืน ตอนเช้าอากาศเย็น และมีลมพัดเอื่อยๆ ผมจึงได้เดินออกกำลังด้วยความสดชื่น ยิ่งในวันหยุด ออกเดินสาย มีแสงให้ถ่ายรูปความงามรอบตัว ได้ความสุขจากชีวิตที่พอเพียง คือไม่มีค่าใช้จ่าย
ในหมู่บ้านสิวลี ติวานนท์ ที่ผมอยู่ มีบ้านที่ปลูกไม้ดอกสวยงามหลายบ้าน และยิ่งกว่านั้น ยังนิยมปลูกไม้ไทยดอกหอม ไม่ว่าฤดูกาลใด ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ อยู่เสมอ ไม้เหล่านี้ที่บ้านผมไม่มีเสียแล้ว เพราะต้นไม้ใหญ่โตและแตกกิ่งก้าน จนต้นไม้เล็กไม่ได้แดด พากันล้มตายไปเกือบหมด ที่ทนอยู่ได้คือต้นโมก

เช้าวันนี้ ผมฉวยกล้องถ่ายรูปคู่ใจไปเดินด้วย และถ่ายรูปวิวและดอกไม้งามๆ ไว้เป็นที่ระลึก ที่เสียดายคือต้นบัวหลวงในสระใหญ่ ที่โดนขุดรากถอนโคนไปหมดสิ้น สระน้ำในหมู่บ้านกลายเป็นสระว่างเปล่า ขาดความงามของใบบัวและดอกบัว แต่เมื่อถ่ายรูปก็ได้ความงามไปอีกแบบ คือได้เงาต้นไม้ริมสระ

 

 

วิจารณ์ พานิช
๑๔ ก.ค. ๕๖

 

กาหลงที่เกสรสีนี้ ผมไม่เคยเห็น ตรวจสอบในอินเทอร์เน็ตก็ไม่มี

 

ลั่นทมที่งามพิศ ทั้งสี การจัดเรียงกลีบ ดอกตูม และใบที่เป็นฉากหลัง

 

ต้นไม่ทราบชื่อ สะและทรงงามสะดุดตา

 

นี่ก็ไม่ทราบชื่อ

 

ยางอินเดียใบด่างต้นนี้สวยมาก

 

ยิ่งส่วนยอดสียิ่งสวย

 

สระน้ำ ที่บัดนี้ไร้บัวเสียแล้ว

 

ให้เงาสะท้อนต้นไม้และเมฆบนท้องฟ้า งามไปอีกแบบ

ไม้ใบงามใต้แสงเงา

 

บัวดินที่บ้านลูกสาว


คัดลอกจาก http://www.gotoknow.org/posts/546223

 

ชีวิตที่พอเพียง : ๑๙๗๗. สดชื่นในเช้าอากาศดี

พิมพ์ PDF

ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ ฝนตกตอนกลางคืน ตอนเช้าอากาศเย็น และมีลมพัดเอื่อยๆ ผมจึงได้เดินออกกำลังด้วยความสดชื่น ยิ่งในวันหยุด ออกเดินสาย มีแสงให้ถ่ายรูปความงามรอบตัว ได้ความสุขจากชีวิตที่พอเพียง คือไม่มีค่าใช้จ่าย
ในหมู่บ้านสิวลี ติวานนท์ ที่ผมอยู่ มีบ้านที่ปลูกไม้ดอกสวยงามหลายบ้าน และยิ่งกว่านั้น ยังนิยมปลูกไม้ไทยดอกหอม ไม่ว่าฤดูกาลใด ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ อยู่เสมอ ไม้เหล่านี้ที่บ้านผมไม่มีเสียแล้ว เพราะต้นไม้ใหญ่โตและแตกกิ่งก้าน จนต้นไม้เล็กไม่ได้แดด พากันล้มตายไปเกือบหมด ที่ทนอยู่ได้คือต้นโมก

เช้าวันนี้ ผมฉวยกล้องถ่ายรูปคู่ใจไปเดินด้วย และถ่ายรูปวิวและดอกไม้งามๆ ไว้เป็นที่ระลึก ที่เสียดายคือต้นบัวหลวงในสระใหญ่ ที่โดนขุดรากถอนโคนไปหมดสิ้น สระน้ำในหมู่บ้านกลายเป็นสระว่างเปล่า ขาดความงามของใบบัวและดอกบัว แต่เมื่อถ่ายรูปก็ได้ความงามไปอีกแบบ คือได้เงาต้นไม้ริมสระ

 

 

วิจารณ์ พานิช
๑๔ ก.ค. ๕๖

 

กาหลงที่เกสรสีนี้ ผมไม่เคยเห็น ตรวจสอบในอินเทอร์เน็ตก็ไม่มี

 

ลั่นทมที่งามพิศ ทั้งสี การจัดเรียงกลีบ ดอกตูม และใบที่เป็นฉากหลัง

 

ต้นไม่ทราบชื่อ สะและทรงงามสะดุดตา

 

นี่ก็ไม่ทราบชื่อ

 

ยางอินเดียใบด่างต้นนี้สวยมาก

 

ยิ่งส่วนยอดสียิ่งสวย

 

สระน้ำ ที่บัดนี้ไร้บัวเสียแล้ว

 

ให้เงาสะท้อนต้นไม้และเมฆบนท้องฟ้า งามไปอีกแบบ

ไม้ใบงามใต้แสงเงา

 

บัวดินที่บ้านลูกสาว


คัดลอกจาก http://www.gotoknow.org/posts/546223

 

ชีวิตที่พอเพียง : ๑๙๔๔. คนพันธุ์ เอ็ม

พิมพ์ PDF

นิตยสาร ไทม์ ฉบับวันที่ ๒๐ พ.ค. ๕๖ ลงเรื่องเด่นประจำฉบับ  Me Me Me Generation. Millenials are lazy, entitled narcissists who still live with their parents. Why they’ll save us all เขียนโดย Joel Steinน่าอ่านมาก  ช่วยให้เราเข้าใจคนรุ่นใหม่ ที่เขาเรียกว่า millenials ซึ่งหมายถึงคนที่เกิดในช่วง ค.ศ. ๑๙๘๐ - ๒๐๐๐  เติบโตมากับการมีสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตครบครัน หรือมีมากเกินไป

เขาจำแนกคน (อเมริกัน) ออกเป็น ๗ รุ่น (generation) ตามช่วงปีเกิด คือ Missionary Generation (1860 – 82), The Lost Generation (1883 – 1900), The Greatest Generation (1901 – 24), The Silent Generation (1925 – 1942), Baby Boomers (1943 – 1960), Generation X (1961 – 1980), และ The Millenials (1980 – 2000) ซึ่งบางครั้งเรียก Generation Y  โดยมีคำอธิบายคนแต่ละรุ่น และมีรูปคนที่เด่นที่สุดในรุ่นนั้นๆ ด้วย

เขาบอกว่า ลักษณะของ “คนพันธุ์ เอ็ม” นี้ ไม่ได้มีเฉพาะในสหรัฐอเมริกา  แต่มีส่วนคล้ายกันทั่วโลก  เพราะคนรุ่นนี้ผ่านประสบการณ์ชีวิตคล้ายกัน  ซึ่งที่จริงเราพูดกันเรื่อง Gen Y มาหลายปีแล้ว  และคนพันธุ์เอ็มนี้ยังจำแนกแยกแยะออกเป็นกลุ่มย่อย (micro generations) ได้อีกมาก

ผมอ่านบทความนี้เพื่อทำความเข้าใจว่า สภาพแวดล้อมในสังคมมีผลหล่อหลอมคนอย่างไร  และเพื่อให้เรียกง่าย ผมใช้คำว่า คนพันธุ์ เอ็ม และผมเข้าใจว่าปัจจัยสำคัญที่สุดที่หล่อหลอมคนรุ่น เอ็ม นี้คือ  เขาเกิดมา และเติบโตในสังคมที่ข้อมูลข่าวสารเปิดกว้างถึงกันหมด  ผู้คนติตต่อสื่อสารถึงกันได้ตลอดเวลา  เทคโนโลยีสื่อสาร และ โซเชี่ยล มีเดีย มีอิทธิพลต่อการหล่อหลอมจิตใจและพฤติกรรมของเด็ก ยิ่งกว่าพ่อแม่

บทความบอกว่า คนรุ่นนี้ ตกอยู่ใต้อิทธิพลของเพื่อน มากกว่าคนรุ่นก่อนๆ  เขาใช้คำว่า peer-enting แทนคำว่า parenting  ศาสตราจารย์ด้านภาษาอังกฤษ Mark Bauerlein แห่งมหาวิทยาลัย Emory ผู้เขียนหนังสือ The Dumbest Generation : How the Digital Age Stupefies Young Americans and Jeopardizes Our Future (Or, Don’t Trust Anyone Under 30) บอกว่าเด็กอเมริกันรุ่นนี้ตกอยู่ใต้อิทธิพลของเพื่อน รุนแรงกว่าสมัยไหนๆ  แรงกดดันของเพื่อน (peer pressure) มีผลต้านปัญญา (anti-intellectual),  ต้านประวัติศาสตร์ (anti-historical),  และต้านวาทศิลป์ (anti-eloquence)  โดยสิ่งที่ขาดคือการคลุกคลีสื่อสารแลกเปลี่ยนกับคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า

แม้คนพันธุ์เอ็ม จะติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นถี่กระชั้นมาก  ผ่านไอซีที หรือโซเชี่ยลมีเดีย  แต่เป็นการสื่อสารผ่านจอ  และสื่อสารกับเพื่อนรุ่นเดียวกันเกือบทั้งหมด  ขาดมนุษย์สัมผัสมนุษย์ โดยเฉพาะมนุษย์ที่เป็นผู้ใหญ่กว่า

ผู้เขียนออกตัวในเบื้องต้นว่า เป็นธรรมดา ที่คนรุ่นก่อนจะกล่าวถึงคนรุ่นหลังว่า เป็นคนขี้เกียจ, เรียกร้องสิทธิ์, เห็นแก่ตัว, และ ตื้นเขิน  แต่ที่เขียนบทความนี้ เขาเขียนด้วยข้อมูลอ้างอิง จากผลงานวิจัย  และจากหนังสือดีๆ หลายเล่ม

เขาบอกว่า คนพันธุ์ เอ็ม มีลักษณะ หลงตัวเอง (narcissism), วัตถุนิยม (materialism), เสพติดเทคโนโลยี (technology addiction), เป็นผู้ใหญ่ช้า (stunted development คือยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่แม้อายุจะมากแล้ว คล้ายๆ ช่วงอายุระหว่างทีนเอจ กับการเป็นผู้ใหญ่ ยาวขึ้น), ไม่ค่อยสนใจเรื่องของสังคม (less civic engagement), ไม่ค่อยสนในการเมือง, ไม่เคารพผู้มีอำนาจรับผิดชอบ (เพราะไม่สนใจเรื่องอำนาจรับผิดชอบ), ชอบอ้างสิทธิ์ (entitlement), แต่งงานช้าลง, ชอบทำตัวเป็นคนรวย

ศาสตราจารย์ Roy Baumeister  ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย ฟลอริดา สเตท ผู้เป็นบรรณาธิการหนังสือ Self-Esteem : The Puzzle of Low Self Regardบอกว่า เหตุที่เกิด คนพันธุ์ เอ็ม ก็เพราะในช่วงทศวรรษ 1970 ได้มีการกระตุ้นเด็กให้มีความเคารพเชื่อมั่นในตนเอง (self-esteem)  โดยเชื่อว่า เด็กที่เคารพเชื่อมั่นในตนเอง จะมีผลการเรียนดีกว่า และโอกาสเป็นเด็กมีปัญหาน้อยกว่า ผลคือเด็กที่มีความเคารพเชื่อมั่นในตนเองเหล่านี้เก่งกว่าในการหางานหรือหาเพื่อน  แต่ด้อยกว่าในการทำงานที่ใดที่หนึ่งนาน หรือในการดำรงสัมพันธภาพกับเพื่อน

ศ. รอย เบาไมสเตอร์ บอกว่า ในเรื่องเรียนดี และประพฤติดีนั้น  ความเคารพเชื่อมั่นในตนเองเป็นผล ไม่ใช่เหตุ

ศ. Jean Twenge ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา แห่งมหาวิทยาลัย ซานดิเอโก ผู้เขียนหนังสือ Generation Me และ The Narcissism Epidemicกล่าวว่า เมื่อดำเนินการส่งเสริมความเคารพเชื่อมั่นในตนเอง (self-esteem)  เรามักไพล่ไปส่งเสริม ความหลงตัวเอง (narcissism) แทน  โดยที่เมื่อลูกยังเล็ก พ่อแม่และคนอื่นๆ เอาอกเอาใจเหมือนเป็นเจ้าชายเจ้าหญิง  หรือตนเองเป็นผู้ยิ่งใหญ่  แต่พออายุเข้าทีนเอจ เติบโตเข้าสู่ตัวตนที่แท้จริง พบว่าตนไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างที่คิด  คนรุ่นนี้จึงมีความผิดหวังในชีวิต  ทำงานไม่ได้ผลดีอย่างที่ตนตั้งความหวังไว้   ตรงตามหนังสือ Managing the New Workforce : International Perspectives on the Millenial Generationที่บอกว่าคนรุ่นนี้มักมีเป้าหมายสูงในชีวิต แต่ทำไม่ได้ตามเป้าหมายนั้น

ผลจากความหลงตัวเอง (narcissism) ทำให้คนพันธุ์เอ็ม ชอบอ้างสิทธิ์ (entitlement)  หรือชอบขอสิทธิพิเศษ  ทำให้ครูภาษาอังกฤษชื่อ David McCullough Jr.กล่าวในพิธีฉลองการจบชั้น ม. ๖ ของโรงเรียน Wellesley High School ด้วยหัวข้อ You Are Not Specialและเป็นที่ชื่นชอบกันมาก ในหมู่คนพันธุ์เอ็มเอง  มีคนเข้าไปชมรายการ YouTube นี้เกือบ ๒ ล้านครั้ง   โปรดสังเกตว่าพิธี ฉลองการจบการศึกษานี้จัดในสนามหญ้ากลางแจ้ง  ไม่ใช่ในอาคารโอ่อ่าใหญ่โต

ศาสตราจารย์ Larry Rosen ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา แห่ง California State University at Dominguez Hills ผู้เขียนหนังสือiDisorderกล่าวว่า คนพันธุ์เอ็มมีความวิตกกังวลสูง จึงมีพฤติกรรมเช็คเมล์ หรือโต้ตอบ SMS บ่อย แบบย้ำคิดย้ำทำ  เพื่อทำตัวให้เป็นที่นิยมชมชอบในหมู่เพื่อนๆ  มีผลให้ความริเริ่มสร้างสรรค์ลดลง  ความเห็นอกเห็นใจคนอื่นลดลง

เป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้จัก Torrence Test of Creative Thinkingtest of empathyNarcissism Score

ศาสตราจารย์ W. Keith Campbell นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Georgia ผู้เขียนหนังสือถึง ๓ เล่ม เกี่ยวกับดีกรีความหลงตัวเองเพิ่มขึ้นรุ่นต่อรุ่น  รวมทั้งหนังสือ When You Love a Man Who Loves Himself กล่าวว่า ทุกคนต่างก็ยกย่องตนเองใน Facebook และโซเชี่ยลมีเดียอื่นๆ  จนตนเองคล้ายเป็นดาราย่อยๆ

การดูรายการ เรียลลิตี้โชว์ใน ทีวี ก็มีส่วนกระตุ้นให้คนหลงตัวเอง  เตรียมตัวเป็นดาราในเรียลลิตี้โชว์

ในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ Christopher Lasch เขียนหนังสือ The Culture of Narcissismบอกว่า สื่อมวลชนประโคมความฝันที่จะเป็นดารา  ทำให้คนทั่วไปเอาตัวไปผูกพันกับดารา และรังเกียจหรือดูถูกสังคมธรรมดา

ในด้านบวก คนพันธุ์เอ็ม มีความจริงจัง (earnest), มองโลกแง่ดี (optimistic), อัธยาศัยดี, นำเอาระบบมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต (ไม่เป็นกบฎต่อระบบ), เป็นคนมีอุดมการณ์แบบยอมรับความจริง, ชอบหาประสบการณ์ใหม่ๆ และให้คุณค่าต่อประสบ���ารณ์ใหม่ๆ มากกว่าวัตถุสิ่งของ, เป็นคนคิดมากกว่าฝัน, เป็นนักเจาะหาคุณค่าของชีวิต (life hacker), ไม่มีหัวหน้า, ต้องการการยอมรับอยู่ตลอดเวลา (คอยสำรวจหาคนมากด like ในโซเชี่ยลมีเดียของตน), โพสต์รูปของตนเองบ่อยๆ, ไม่เป็นส่วนหนึ่งของสถาบันใหญ่, ไม่เคร่งศาสนา, ท้าทายสิ่งที่ถือปฏิบัติกันโดยทั่วไป (challenge convention), ต้องการมีประสบการณ์ใหม่ๆ, เป็นผู้รับรู้มาก แต่ไม่ค่อยทำ, ให้คุณค่าต่อธุรกิจ, รับผิดชอบทางการเงิน, ยอมรับความแตกต่าง

เขาแนะนำการบรรยายใน TEDx โดย Scott Hess เรื่องMillenials : Who They Are and Why We Hate Themที่ทำความเข้าใจลักษณะของ คนรุ่น millenials  เปรียบเทียบกับคนรุ่นก่อน คือ Generation X

โดยสรุป ผู้เขียนบอกว่า คนพันธุ์เอ็ม จะเป็นผู้ประกอบการที่มีความหวัง  และสร้างสรรค์โลกในอนาคต ได้จริงหรือไม่  คำตอบสุดท้ายอยู่ที่คนพันธุ์เอ็มจะสนองความท้าทายในอนาคตอย่างไร   ไม่ใช่อยู่ที่ข้อมูลที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด

 

 

วิจารณ์ พานิช

๒๐ พ.ค. ๕๖

 

คัดลอกจาก http://www.gotoknow.org/posts/541268

แก้ไขล่าสุด ใน วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2013 เวลา 09:29 น.
 

ภาวะผู้นำกับการเปลี่ยนแปลงสังคม

พิมพ์ PDF

คศน. ฟอรั่ม เชิญผมไปพูดเรื่อง ภาวะผู้นำกับการเปลี่ยนแปลงสังคม เมื่อวันที่ ๒๐ ก.ค. ๕๖

จึงนำ narrated ppt มา ลปรร. ที่นี่

ผมพูด ๗๕ นาที มีเวลาเสวนา ๔๕ นาที ในการเสวนามีคนถามว่า ที่ผมพูด เน้นผู้นำที่ลงมือทำ แล้วผู้นำทางความคิดมีไหม ตอนเสวนาไม่ได้บันทึกเสียงลงใน ppt ผมจึงขอนำความเป็นเรื่องนี้มาบันทึกไว้ ว่า ผู้นำทางความคิดอย่างที่มีในสมัยอดีตจะมีได้ยากขึ้นทุกๆ วัน ด้วยนิสัยคนสมัยใหม่ที่ถือตนเองเป็นที่ตั้ง ดัง บันทึกนี้ แต่ความเห็นนี้อาจผิดก็ได้ เพราะในสมัยใหม่ การสื่อสารมีพลังมาก คนที่ต้องการตั้งตนเป็นศาสดา เผยแพร่ลัทธิของตนในคนวงกว้างง่ายกว่าสมัยก่อน

แต่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม โดยคนจำนวนมาก หรือโดยคนส่วนใหญ่ ต้องไม่ยึดมั่น เชื่อ “ผู้นำทางทฤษฎี” โดยไม่ผ่านการทดสอบโดยการปฏิบัติ เพราะทฤษฎีผิดได้ง่าย หากไม่ผ่านการพิสูจน์เสียก่อน ไม่ควรเชื่อทฤษฎี คือต้องยึดหลักกาลามสูตร

 

วิจารณ์ พานิช
๒๒ ก.ค. ๕๖

คัดลอกจากhttp://www.gotoknow.org/posts/546255

แก้ไขล่าสุด ใน วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2013 เวลา 09:06 น.
 

เกิดเป็นคนต้องได้ปริญญาสองใบ

พิมพ์ PDF

.ที่เมืองไทยปีที่แล้วมีข่าวเกรียวกราวมาก
คือมีดาราคนหนึ่งซึ่งมีชื่อดังมาก
เป็นคนดำเนินรายการคนค้นคน
ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร นะ
มาเรียนที่อเมริกา
เป็นคนเพอร์เฟคชั่นนิส
ทำงานทุกอย่างต้องดูดีที่สุดแม้กระทั้งล้างจาน
ล้างเสร็จแล้วแกต้องเอามาดมดู
ว่าสะอาดจริงมั้ย
กลับไปเมืองไทยก็ไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
มีแฟนก็จีบดาวมหาวิทยาลัยเลย
ต้องให้ดีที่สุด
เวลาแกไปเสนองานอะไรต่าง ๆ
เขียนไว้สามแผน
แผนที่หนึ่งลูกค้าไม่ซื้อ
แกเสนอแผนที่สอง
แผนที่สองลูกค้าไม่ซื้อแกเสนอแผนที่สาม
ใครไปดีลงานกับแกติดทุกราย
แกมีบ้าน มีรถ มีลูก มีภรรยา
มีธุรกิจ
มีชื่อเสียงทุกอย่าง
แกมีทุกอย่าง
วันหนึ่งแกพักผ่อน
หลังจากที่ทำงานแบบไม่ได้พักเลย
ลูกเมียไปขอพบ
บอกไปเจอพ่อที่ออฟฟิต
วันหนึ่งแกไปพักที่ปากช่อง
ตื่นขึ้นมากลางวันล้มฟุ๊บลงไป
ภรรยาพาเข้าโรงบาล
ตรวจพบมะเร็ง
พอพบปุ๊บเป็นระยะสุดท้ายเลย
จริง ๆ เค้าก็เตือนตลอด
แต่พอไม่มีเวลาไปตรวจมันก็แก้ไม่ได้
แกไปนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล
แล้วก็สารภาพให้รายการคนค้นคน
บันทึกชีวิตแก
ก่อนจะเสียชีวิต
แกก็ไปนอนให้พ่อแม่เช็ดเนื้อเช็ดตัว
แกก็บอกว่าสังเวชตัวเองมากแทนที่ลูกจะได้ดูแลพ่อแม่
กลับมาเป็นว่าพ่อแม่ต้องมาดูแลลูก

ก่อนจะเสียชีวิตแกให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์คมชัดลึกบอกว่า
พ่อผมเคยบอกว่า ...
เกิดเป็นคนต้องได้ปริญญาสองใบ

1...ปริญญาใบที่หนึ่ง ....
"ปริญญาวิชาชีพ"
เราจะต้องทำมาหากินเป็น
กินอิ่ม นอนอุ่น พูดง่าย ๆ
ล้วงไปในกระเป๋าแล้วมีเงินใช้
อยากจะนอนมีบ้านเป็นของตัวเอง
แค่นี้คือปริญญาวิชาชีพ

2...แต่"ปริญญาวิชาชีวิต" ..
ซึ่งเป็นปริญญาใบที่สองที่พ่อแกบอกไว้
แกบอกว่าผมสอบตกโดยสิ้นเชิง
ผมเป็นดอกเตอร์จากอเมริกาได้ปริญญาวิชาชีพ
แต่ปริญญาวิชาชีวิตสอบตก
เพราะอะไร
เพราะทำงานจนป่วยตาย

ก่อนที่จะเสียชีวิตแกได้สารภาพว่าผมได้เตรียมทุกอย่าง
บ้าน รถ
มอบมันให้กับลูกและภรรยา
แต่ในวันที่ผมมีทุกสิ่งทุกอย่าง
ผมกลับลืมมอบหนึ่งอย่างให้กับลูกและภรรยา
สิ่งนั้นคือสิ่งที่ผมลืมและทำให้ผมล้มเจ็บใหญ่ครั้งนี้
สิ่งที่ว่านี้คือผมลืมมอบตัวเองเป็นของขวัญให้กับลูกและเมีย
เพราะทำงานหนักจนกระทั่งป่วยตาย

...นี่คือปริญญาวิชาชีวิต ...
ธรรมะเราจะต้องมี
ถ้าเราไม่มีธรรมะ
เราจะกลายเป็นหุ่นยนต์เท่านั้นเอง
ที่ทำงานแทบล้มประดาตายแล้วสุขภาพไม่ดี
ดังนั้นเมื่อเราทุกคนทำงานแล้ว
อย่าลืมชั่วโมงสุขภาพของตัวเองในแต่ละวันนะ
แต่ละวันควรจะมี
ให้ดูแลตัวเอง ดูจิต
ดูใจตัวเอง
ว่าเราเอ๊ะมันทุกข์
มันทุกข์มากเกินไปรึเปล่า
แบกเรื่องโน้นเรื่องนี้
เกินไปหรือเปล่า
พยายามลดลงในแต่ละวัน ๆ
เพื่อที่ว่าอะไร
เพื่อที่ว่าเราจะได้ปริญญาสองใบในชีวิต
หนึ่งปริญญาวิชาชีพ
เราทำมาหากินจนประสบความสำเร็จร่ำรวยมั่งคั่ง
มีเงินมีทองใช้มีบ้านอยู่
แต่ต้องไม่ลืมปริญญาใบที่สอง
คือวิชาธรรมะ
สำหรับจะดูแลชีวิตให้ดำเนินอยู่ในทางสายกลาง
ไม่ทุกข์เกินไปไม่เดือนร้อนเกินไป
ทำอะไรให้พอดี
พอดีอยู่ดีมีสุข
อยากเที่ยวให้ได้เที่ยว
อยากพักให้ได้พัก
อยากทำบุญให้ได้ทำบุญ
ลูกหลานมาหาก็ให้ได้มีเวลากับลูกกับหลานบ้าง
อย่าวิ่งไปจนซ้ายสุด ขวาสุด
และมารู้สึกตัวอีกทำจนล้มเจ็บใหญ่ไม่ดี
เพราะอะไร
เพราะว่าสิ่งสูงค่าทีสุดในชีวิตของเรา

เคยมีคนไปทูลถามพระพุทธเจ้า..
ว่าอะไรคือสิ่งสูงค่าที่สุด
บางคนก็ตอบเงิน
บางคนก็ตอบเพชร
บางคนก็ตอบทอง
บางคนก็ตอบอำนาจ
บางคนก็ตอบราชบัลลังก์

พระพุทธเจ้าบอกไม่ใช่
สิ่งสูงค่าที่สุดในชีวิตของพวกเธอคือสุขภาพและชีวิต..
สุขภาพก็คือการที่เราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย
คนที่สุขภาพดีดื่มน้ำธรรมดาก็อร่อยนะ
และก็ชีวิตของเรา

หากบุญกุศลอันใดจะเกิดได้จากการเผยแพร่เรื่องราว 
ผู้บันทึกก็ขอให้กุศลผลบุญนี้ จงเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขเพื่อปัญญาของเพื่อนผู้ร่วมวัฏฏะทุกท่าน และขอให้ ดร.อภิวัฒน์ ไม่ว่าจะไปอยู่ภพไหนหนใดก็ขอให้มีปัญญาเท่าทันต้นเหตุแห่งทุกข์เช่นที่ท่าน ได้ถ่ายทอดเรื่องราวเตือนสติผู้อื่นไว้...
...ขอขอบพระคุณในข้อคิดดีดี...

คัดลอกมาจาก facebook

 


หน้า 454 จาก 558
Home

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5609
Content : 3052
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8632551

facebook

Twitter


บทความเก่า