Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

กรณีศึกษา โรงแรมสยามเบย์วิว และ โรงแรมสยสมเบย์ชอร์

พิมพ์ PDF

กรณีศึกษา โรงแรมสยามเบย์วิว และ โรงแรมสยสมเบย์ชอร์

            คุณณรงค์ เสาวลักษณ์ (อดีตลูกค้าซื้อตั๋วเครื่องบิน) ชวนผมทำงานตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายโรงแรมสยามเบย์วิว พัทยา  คุณณรงค์ เป็นผู้อำนวยการบริหาร และคุณกมลา สุโกศล เป็นเจ้าของโรงแรม เป็นโอกาสและโชคของผมที่ได้รับการเสนองานในตำแหน่งนี้  ทั้งๆที่ผมยังไม่เคยทำงานโรงแรมมาก่อน  ผมมีความชำนาญด้านการขายตั๋วเครื่องบิน ลูกค้าส่วนมากที่ซื้อตั๋วเครื่องบินกับผมเป็นนักธุรกิจ เดินทางหลายประเทศ และมีกำหนดช่วงเวลาการเดินทางที่จำกัด จึงต้องมีผู้เชียวชาญจัดตารางการเดินทางให้ ผมเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญในข่วงนั้น ลูกค้าของผมจะเรียกใช้บริการกับผมทุกครั้งที่มีการเดินทาง  และผมไม่เคยทำให้ลูกค้าคนใดผิดหวัง  ทำให้คุณณรงค์ ไว้ใจและเสนอตำแหน่งนี้ให้ผม

ผมเข้าทำงานที่โรงแรมสยามเบย์วิวตั้งแต่โรงแรมยังสร้างไม่เสร็จ  ทำให้ผมมีเวลาเรียนรู้งานด้านโรงแรมอย่างเต็มที่ มีโอกาสร่วมเปิดโรงแรม ถือว่าเป็นงานที่ยากที่สุดของการบริหารโรงแรม คุณณรงค์ ให้โอกาสผมได้เรียนรู้  ให้คำปรึกษาและแนะนำสั่งสอนผมอย่างใกล้ชิด ประกอบกับผมเป็นคนขยันและเรียนรู้ตลอดเวลา ทำให้ผมไปได้เร็ว สามารถทำงานให้สำเร็จลุล่วงเกินเป้าหมาย  ผมทำงานโดยไม่มีวันหยุด วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ ผมทำงานที่กรุงเทพ สำนักงานอยู่ที่สยามสแควร์ วันเสาร์เช้า จะเดินทางไปพัทยา เพื่อประชุมร่วมกับหัวหน้าแผนกต่างๆโดยมีคุณณรงค์ เป็นประธานการประชุม (การเข้าร่วมประชุมทำให้ผมได้เรียนรู้เร็วขึ้น) นอกจากการประชุม ผมยังเข้าไปศึกษางานของแต่ละแผนก  ทำให้ทราบปัญหา และความพร้อมของแต่ละส่วน ทำให้รู้จุดอ่อนจุดแข็ง เพื่อนำไปใช้ในการพิจารณาเลือกลูกค้าที่เหมาะสมกับการบริการของเรา ผมใช้เวลาในคืนวันเสาร์ เลี้ยงรับรองลูกค้า และจะเดินทางกลับกรุงเทพบ่ายวันอาทิตย์

หลังจากทำงานได้ไม่นานก็ได้รับมอบหมายให้ดูแลโรงแรมสยามเบย์ชอร์ อีกโรงแรมหนึ่ง ต้องทำงานหนักขึ้นแต่ก็สนุกกับงาน และโชคดีที่ ผู้จัดการสำนักงานที่กรุงเทพของทั้งสองโรงแรม เก่งมาก จบจากประเทศอังกฤษทั้งคู่ ช่วยเหลืองานเอกสาร และดูแลควบคุมการรับจองห้องพักได้ดีเยี่ยม  ทำให้แบ่งเบาภาระผมได้อย่างมาก คุณณรงค์ เจ้านายของผมเก่งมาก เป็น 1ใน 5 ของผู้บริหารโรงแรมที่เป็นคนไทยที่เก่งและมีค่าตัวมากที่สุดในเวลานั้น ผมขึ้นตรงกับคุณณรงค์ ทั้งๆที่ตามตำแหน่งแล้วผมต้องขึ้นกับ Room Division หรือ General Manager ผมทำงานได้ 2 ปี คุณณรงค์ไม่ต่อสัญญาบริหารโรงแรมสยามเบย์วิวและสยามเบย์ชอร์ คุณกมลา ไม่หาคนมาแทน และเข้ามาบริหารเองเต็มตัว ว่าจ้างผู้จัดการฝรั่งเข้ามาเป็นผู้จัดการทั่วไป แทนผู้จัดการชุดเก่าของคุณณรงค์

ผมยังอยู่ในตำแหน่งเดิมแต่เพิ่มงานส่วนตลาดต่างประเทศที่เดิมคุณณรงค์ทำอยู่มาทำแทน มีอำนาจในการอนุมุติหลายๆอย่างที่เดิมต้องขออนุมัติจากคุณณรงค์ คุณกมลาได้เฝ้ามองการทำงานของผมมาตลอด และพอใจผมค่อนข้างมาก ให้ผมขึ้นตรงกับคุณกมลา แทนที่จะขึ้นกับผู้จัดการทั่วไป  ไม่มีใครกล้าโต้แย้งคุณกมลา มีผมเพียงผู้เดียวที่กล้าขัดและให้เหตุผล  คุณกมลาเคยต่อว่าผมในสิ่งที่ผมอนุมัติ และเรียกคืนอำนาจที่ผมสามารถอนุมัติได้เป็นต้องขออนุมัติจากคุณกมลาแทน แต่ไม่เกิน 2 อาทิตย์ก็ต้องคืนอำนาจให้ผมเป็นผู้ดำเนินการอนุมัติได้เอง คุณณรงค์ที่ว่าเก่งเรื่องการตลาด แต่คุณกมลาเก่งกว่า ผมเรียนรู้เรื่องการตลาดและการเป็นนักธุรกิจจากคุณกมลา ทำให้เข้าใจมุมมองของนักธุรกิจ ผมรักและเคารพคุณกมลามาก (เหมือนญาติผู้ใหญ่)

ท่านเป็นทั้งเจ้าของและนักบริหารโรงแรมที่ผมยกย่องที่สุด ผมเสียดายที่ไม่ฟังท่าน ผมพลาดโอกาส ไปถึง 2 ครั้ง จนทำให้ท่านโกรธในความโง่ของผม ผมเชื่อว่าช่วงที่ผมทำงานให้คุณกมลา ท่านให้ความเมตตาผมมาก ท่านเป็นเจ้านายคนเดียวที่ออกหนังสือตักเตือนผม แต่ผมก็ไม่เคยโกรธท่าน เพราะผมเป็นผู้หาเรื่องใส่ตัวเอง ท่านเข้าใจผิดคิดว่าผมโกรธท่านทำให้ผมลาออก

คุณกมลาต้องการที่จะให้ผมเดินทางไปประเทศสิงคโปร์ เพื่อไปติดต่อลูกค้า แต่ผมเห็นว่าลูกค้าจากสิงคโปร์ใช้เราอยู่แล้วและขึ้นอยู่กับเอเยนที่ประเทศไทย ผมจึงไม่ไปเพราะเห็นว่าไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย บังเอิญ คุณเถกิง สวัสดิพันธ์ เจ้าของเถกิงทัวร์ (เจ้านายเก่า)  ขอให้ผมช่วยเป็นหัวหน้าทัวร์นำนักท่องเที่ยวของเถกิงทัวร์ไปเที่ยวสิงคโปร์ ผมดูโปรแกรม และเห็นว่ามีวันว่างปล่อยให้ลูกทัวร์เที่ยวกันเอง ถึง 2 วัน ผมสามารถใช้วันดังกล่าวไปพบเอเยนในสิงคโปร์ได้ตามที่คุณกมลาต้องการ เท่ากับผมได้ทำงานสองงานในเวลาเดียวกัน ได้ตอบแทนเจ้านายเก่า และได้ทำงานให้เจ้านายปัจจุบันโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ผมตอบตกลงกับคุณเถกิง บังเอิญช่วงนั้นคุณกมลาไปอเมริกา ผมจึงไปแจ้งให้ผู้จัดการโรงแรมสยามเบย์วิวรับทราบตามมารยาท เพราะปกติผมไม่ได้ขออนุญาตอะไรจากผู้จัดการ เมื่อผู้จัดการฝรั่งทราบเรื่องจากผม เขาได้สั่งไม่ให้ผมไป ผมจึงได้อธิบายว่า ผมทำงาน 7 วัน มากว่า 4 ปี โดยไม่มีวันหยุด สามารถใช้วันหยุดลาได้ และผมไม่ได้ขึ้นกับเขาที่มาบอกนี่ทำตามมารยาทแต่ไม่ได้มาขออนุมัติ ผู้จัดการฝรั่งทำท่ายียวนมากและพูดแต่คำว่า No  ผมจึงวิ่งเข้าไปชก แต่ไม่ทันถูกและมีคนมาแยก เมื่อคุณแม่และคุณน้าของคุณกมลาทราบเรื่องจึงเรียกผมไปสอบถามเรื่องราวและได้อนุมัติให้ผมไปได้ เรื่องน่าจะจบด้วยดี แต่ผมหาเรื่องเอง เมื่อคุณกมลากลับมาผมได้เขียนจดหมายถึงคุณกมลา และด่าผู้จัดการฝรั่งคนนั้น คุณกมลาโกรธมาก พูดกับคนใกล้ชิดว่า ผมด่าผู้จัดการก็เหมือนกับด่าคุณกมลา เพราะคุณกมลาเป็นผู้เลือกผู้จัดการ คุณกมลาไม่พูดกับผมร่วม 3 เดือน และออกหนังสือตักเตือนผม ผมไม่เคยโกรธท่านเลยและเห็นว่าท่านทำถูก เพราะการกระทำของผมทำให้เสียระบบการปกครอง

ผมได้รับการเชิญให้ไปเป็นผู้อำนวยการบริหารที่โรงแรมปอยหลวง เชียงใหม่ เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีจะได้เข้าบริหารโรงแรมเต็มตัว จึงไปขอลาออกจากคุณกมลา แต่คุณกมลาไม่ยอมให้ลาออก และไม่พิจารณาหนังสือลาออก โดยให้เหตุผลว่า ผมไม่มีความสามารถกับตำแหน่งที่เขาเสนอให้ ตำแหน่งนี้สูงเกินไป  ทำให้ผมคิดว่าดูถูกผม ควรจะปล่อยให้ผมไปทดลองดู และถ้าไม่ได้จริงๆให้กลับมา ในที่สุดคุณกมลาก็ไม่ยอมอนุมัติใบลาของผม และผมก็ไปเพราะเห็นว่าเป็นโอกาสของผม ไม่มีการเลี้ยงลา (ทราบจากคนใกล้ชิดว่าคุณกมลาเข้าใจว่าผมไม่รักท่านจริงทิ้งท่านไป ประกอบกับยังโกรธเรื่องที่ผมไปด่าผู้จัดการ และเข้าใจว่าผมโกรธท่านที่ให้ใบเตือนผม ความจริงถ้าท่านพูดว่าอย่าทิ้งท่านเหมือนกับที่พูดกับคนอื่น ผมไม่มีวันไปจากท่าน ) เป็นการเสียโอกาสครั้งที่หนึ่งของผมที่ไม่เชื่อฟังท่าน

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

15 พฤศจิกายน 2553

แก้ไขล่าสุด ใน วันอังคารที่ 13 กันยายน 2011 เวลา 18:10 น.
 

ผู้นำที่ดีต้องมีทุน ๘ K

พิมพ์ PDF

ผู้นำที่ดีต้องมีทุน ๘ K

 

มนุษย์ทุกคนย่อมมีทุนของตัวเอง เรียกง่ายๆว่าทุนมนุษย์ ทุนมนุษย์ได้แก่  ทุนที่ได้มาจากความรู้ขั้นพื้นฐานของการศึกษาเล่าเรียนในสถาบันการศึกษาซึ่งถือว่าเป็นทุนขั้นพื้นฐานที่ทุกคนจะต้องมี    

ทุนมนุษย์ของแต่ละคนจะมีมากน้อยขึ้นอยู่กับมนุษย์ผู้นั้นเกิดอยู่ในครอบครัวใด สังคมใด ถ้าเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยก็มีโอกาสที่จะมีทุนมนุษย์มากกว่าคนอื่น การศึกษาเป็นจุดเริ่มต้นนับคุณค่าของมนุษย์ในสังคม มนุษย์ทุกคนจึงพยามยามศึกษาเล่าเรียนในสถาบันการศึกษาที่มอบวุฒิบัตรเพื่อให้ได้รับการยกย่องจากสังคมว่าเป็นผู้มีการศึกษาสูง  เป็นบันไดในการเข้าทำงานในบริษัทที่ดีมีเงินเดือนสูง

มนุษย์ในปัจจุบันมีการศึกษาสูงมากกว่ามนุษย์ในสมัย ๒๐ ๓๐ ปีก่อน สถานประกอบการรับพนักงานใหม่ที่จบปริญญาตรีเป็นอย่างต่ำ ดังนั้นมนุษย์ทุกคนจึงต่างลงทุนเพื่อให้ได้เรียนมหาวิทยาลัย ถ้าไม่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐได้ก็ต้องไปเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของเอกชน ซึ่งค่าเล่าเรียนแพงมาก

เด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลายนอกจากต้องเรียนหลักสูตรปกติแล้ว ยังต้องไปเรียนพิเศษเพื่อติวเข้มในบางวิชาตามสถานที่กวดวิชา ทำให้ต้องใช้เงินในการศึกษามากขึ้น เมื่อถึงเวลาเข้ามหาวิทยาก็เลือกเข้าเรียนในคณะที่ตัวเองได้คะแนนพอที่จะเข้าได้ โดยไม่คำนึงว่าคณะที่เลือกเรียนจะทำให้มีความรู้เพื่อไปประกอบอาชีพที่ตัวเองพอใจหรือไม่ ขออย่างเดียวให้ได้เรียนมหาวิทยาลัย และให้จบปริญญาตรีเป็นใช้ได้

เมื่อจบปริญญาตรีก็วิ่งหางานที่สบายและได้เงินเดือนสูงๆ ความรับผิดชอบน้อยๆโดยไม่สนใจว่าตัวเองมีความรู้ในงานแค่ไหน ถ้าหางานที่ตัวเองต้องการไม่ได้ก็ไปเรียนปริญญาโทต่อเพื่อไม่ให้เสียหน้า

ผมไม่ทราบว่ามีผู้ใดทำวิจัยไว้หรือยังว่า มนุษย์แต่ละคนนั้นต้องใช้เงินเป็นจำนวนเท่าใดโดยเริ่มนับตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งจบปริญญาตรี ทุนส่วนตัวเท่าใดและทุนจากรัฐเท่าใด

ปัจจุบันประเทศไทยมีปัญหาเรื่องขาดแรงงานคุณภาพเป็นจำนวนมาก แรงงานในที่นี้ผมหมายถึงพนักงานลูกจ้างทุกประเภท ทั้งที่ใช้แรงงานและใช้สมอง พนักงานปัจจุบันมีเงื่อนไขและต้องการผลตอบแทนในการทำงานมากกว่าสมัยก่อน ส่วนเจ้าของกิจการต้องการได้คนที่ทำงานเก่งและมีความซื่อสัตย์ ลูกจ้างและเจ้าของกิจการมักจะมองเรื่องรายได้เป็นหลัก เจ้าของกิจการจะมองที่กำไรและมองว่าค่าจ้างเป็นรายจ่าย จึงต้องการจ่ายน้อยที่สุดได้งานมากที่สุด สำหรับลูกจ้างต้องการได้รายได้มาก เพราะได้ลงทุนในการศึกษาเล่าเรียนไปมาก และมีรายจ่ายประจำทั้งของตัวเองและผู้ที่อยู่ในความดูแล

เจ้าของกิจการไม่ได้สนใจความเป็นอยู่ของลูกจ้างมากนักถือว่าค่าจ้างคือค่าใช้จ่าย ดังนั้นจึงดูที่ผลการประกอบการเป็นสำคัญ ไม่ได้ดูว่าลูกจ้างจะอยู่ได้หรือไม่ จึงทำให้ลูกจ้างขาดทุนแห่งความสุข จึงไม่สามารถทำงานให้มีคุณภาพได้ เมื่อรายได้ไม่เพียงพอ มองหาโอกาสได้งานใหม่ที่มีรายได้มากกว่า  ถ้ายังหางานใหม่ที่มีรายได้ดีกว่าไม่ได้ ก็ต้องจำยอมทำงานไปวันๆ โดยไม่มีความสุข

เจ้าของกิจการส่วนมากมักจะโทษพนักงานว่าไม่มีฝีมือ พนักงานไม่สนใจทำงาน พนักงานไม่มีความซื่อสัตย์ พนักงานไม่มีความอดทน กิจการเล็กๆมีโอกาสน้อยที่จะได้พนักงานตรงตามคุณสมบัติที่ต้องการเพราะค่าจ้างต่ำ ดังนั้นถ้าต้องการได้พนักงานที่มีคุณภาพสูง เจ้าของกิจการจะต้องลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ โดยกำหนดให้ทรัพยากรมนุษย์เป็นทุนในการประกอบธุรกิจ ไม่ใช่คิดว่าทรัพยากรมนุษย์เป็นรายจ่าย

ผู้ที่อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย หรืออยู่ในสังคมชั้นสูง ผู้ปกครองมีตำแหน่งหน้าที่การงานในระดับสูงของหน่วยงานราชการหรือผู้ที่อยู่ในฐานะที่สังคมยกย่อง ก็จะได้เปรียบมนุษย์ทั่วๆไป จึงสามารถมีงานทำในตำแหน่งสูงๆและรายได้ดี

 

 

สำหรับมนุษย์ทั่วไปที่ไม่ได้มีเส้นสายหรือมีปัญญาเลิศ จะต้องตั้งสติให้ดีว่า เราอยากจะทำงานอะไร และควรจะเรียนอะไรเพื่อจะได้ออกไปทำงานตามอาชีพที่ต้องการ ถ้าเราสามารถเรียนในหลักสูตรที่ตรงกับงานที่เราอยากจะทำ ก็จะทำให้เรามีความสุข เกิดการ เรียนรู้ทำให้เกิดปัญญา และสามารถเข้าทำงานที่ชอบและถนัด ทำงานอย่างมีความสุข มนุษย์ผู้นั้นถือว่ามีทุน มนุษย์ ทุนปัญญา และทุนแห่งความสุข

ทรัพยากรมนุษย์ในระดับหัวหน้า จะต้องเพิ่มทุนทางจริยธรรม ทุนทางสังคม ทุนแห่งความยั่งยืน        ทุนทางเทคโนโลยี  ทุนความรู้ ทักษะ และทัศนคติ จึงจะมีคุณสมบัติเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าได้ หากขาดทุนใดทุนหนึ่ง ก็ไม่สามารถที่จะเป็นผู้นำที่ดีได้

 

ทุนที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นทฤษฎี 8 K ของ ศ . ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ หากท่านสนใจและต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมขอให้ท่านเข้าไปค้นคว้าได้ใน website : www.chiraacademy.com

 

ผู้นำที่ดีจะต้องมองถึงประโยชน์ของสังคมและประเทศชาติมากกว่าประโยชน์ของตัวเองและพวกพร้อง หากสังคมอ่อนแอ ประเทศชาติก็จะล่มสลาย สุดท้ายเราเองก็จะอยู่ไม่ได้เช่นกัน

 

 

 

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

๒๑ พฤษภาคม ๒๕๔๙

แก้ไขล่าสุด ใน วันอังคารที่ 13 กันยายน 2011 เวลา 18:11 น.
 

ทุนมนุษย์

พิมพ์ PDF

ทุนมนุษย์

 

คุณค่ามนุษย์ได้แก่การกระทำของมนุษย์ที่ทำให้มนุษย์ผู้นั้นและมนุษย์ผู้อื่นได้รับความพอใจ หรือได้รับผลประโยชน์  คุณค่ามนุษย์แบ่งออกเป็น ๓ ประเภท

๑)     คุณค่าสำหรับมนุษย์ผู้นั้นเอง ได้แก่การกระทำที่ทำให้มนุษย์ผู้นั้นรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า แบ่งออกเป็นคุณค่าภายใน และคุณค่าภายนอก คุณค่าภายในได้แก่จิตสำนึกรู้ดีรู้ชั่วของมนุษย์ผู้นั้น เป็นคุณค่าที่แท้จริง ได้แก่คุณค่าที่ทำความดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น กระทำโดยไม่หวังผลตอบแทน การกระทำเหล่านี้เป็นการกระทำที่บริสุทธิ์ออกมาจากจิตสำนึกของบุคคลนั้นๆ ส่วนคุณค่าภายนอกได้แก่คุณค่าที่ถูกกำหนดขึ้นโดยสังคม ไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริง  เป็นคุณค่าที่กำหนดขึ้นเพื่อการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ตอบแทน เช่นการเข้าเรียนในสถาบันการศึกษาเพื่อให้ได้รับใบวุฒิบัตร เพื่อทำให้มนุษย์ผู้อื่นเห็นว่าตัวเองมีคุณค่าเพราะสำเร็จการศึกษาสูง เพื่อจะได้มีโอกาสเข้าทำงานในสถานที่ทำงานดีๆมีเงินเดือนสูงๆ เป็นต้น

๒)    คุณค่าสำหรับมนุษย์ที่เป็นเครือญาติและมนุษย์ที่อยู่ในสังคมเดียวกัน  ได้แก่การกระทำที่ทำให้กับญาติพี่น้องและครอบครัว ตลอดจนมนุษย์ที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นทั้งที่เป็นหน้าที และเพื่อผลประโยชน์ตอบแทน

๓)    คุณค่าสำหรับสังคม ได้แก่การกระทำเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม ไม่เจาะจงที่มนุษย์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เป็นการกระทำที่มาจากภายใน จากจิตสำนึกที่แท้จริงโดยไม่หวังผลประโยชน์เพื่อตัวเอง เครือญาติและพวกพร้อง

 

มนุษย์จะมีคุณค่าได้ก็ต้องมีการลงทุน การลงทุนของมนุษย์ประกอบด้วยทุนทางปัญญา และทุนด้านเงินทอง ทุนทางปัญญาเป็นทุนภายในที่จะต้องลงทุนด้วยตัวเอง สำหรับทุนด้านเงินทองเป็นทุนจากภายนอก ทุนทางสังคม และทุนจากผู้ปกครองเครือญาติ มนุษย์แรกเกิดจะต้องได้รับการเลี้ยงดูจากผู้ปกครองทั้งด้านอาหารการกิน เครื่องแต่งตัว เครื่องใช้ ค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกมากมาย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการลงทุนด้านเงินทองของมนุษย์แต่ละคน  การลงทุนมากน้อยขึ้นอยู่กับมนุษย์ผู้นั้นอยู่ในสังคมใด 

 

เงินทองเป็นทุนส่วนหนึ่งที่สร้างให้มนุษย์มีคุณค่า ถ้าไม่มีเงินทองมาซื้ออาหารและเครื่องนุ่งห่มทารกคงไม่สามารถเจริญเติมโตจนเป็นมนุษย์ที่มีคุณค่าได้ มนุษย์ที่มีเงินทองน้อยก็จะเสียเปรียบมนุษย์ที่มีเงินทองมากในด้านการศึกษาหาความรู้ไม่ว่าจะเป็นในห้องเรียนหรือนอกห้องเรียน  การกำหนดคุณค่าของมนุษย์ในแต่ละสังคมล้วนมีความแตกต่างกัน คุณค่าของมนุษย์ในสังคมนายทุนถูกกำหนดให้มองที่การมีเงินทองมาก มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ใหญ่โต เป็นเจ้าของธุรกิจ จบการศึกษาจากต่างประเทศ จบการศึกษาระดับสูงๆ แต่คุณค่าของมนุษย์ในสังคมที่มีความเจริญภายในมองที่การเป็นคนดี มีน้ำใจ  ให้ความช่วยเหลือเพื่อนบ้านและไม่เบียดเบียนผู้อื่น

 

การลงทุนของมนุษย์ที่อยู่ในสังคมของนายทุน หรือ สังคมของทุนนิยม ต้องใช้การลงทุนด้านเงินทองมาก เพื่อให้เป็นมนุษย์ที่มีคุณค่าสูงในสายตาของมนุษย์ที่อยู่ในสังคมของทุนนิยม ดังนั้นเมื่อใช้เงินลงทุนสูงในการสร้างคุณค่า จึงต้องการผลตอบแทนที่สูงค่าเช่นกัน  มนุษย์ในกลุ่มนี้จะมองที่ผลประโยชน์ตอบแทนเป็นสำคัญ

 

แตกต่างจากมนุษย์ที่อยู่ในสังคมที่เจริญภายใน มนุษย์เหล่านี้ไม่ต้องใช้เงินทองมากมายในการสร้างคุณค่าของมนุษย์ เพราะมนุษย์กลุ่มนี้ใช้ทุนทางปัญญาที่มาจากภายใน ทุนส่วนมากได้มาจากการเรียนรู้ของสังคมที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ เป็นสังคมที่อยู่อย่างพอเพียง ล้วนประกอบไปด้วยของจริง ไม่มีภาพลวงตา  สังคมมีแต่ความสุข ทุกคนมีความจริงใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่มีการเบียดเบียนและแก่งแย่ง

 

ระบบทุนนิยมทำให้มนุษย์ทุกคนต่างแข่งขันกันสร้างคุณค่าของตัวเองเพื่อให้สังคมยอมรับ ผู้ปกครองและตัวเองต้องลงทุนด้านการเงินเป็นจำนวนมากเพื่อเข้าเรียนในสถานศึกษาที่สูงๆเพื่อจะได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้มีความรู้สามารถหางานในบริษัทที่มั่นคงและได้รับเงินเดือนสูงๆ แต่ตำแหน่งงานที่ทุกคนต้องการและใฝ่หามีจำนวนจำกัด ดังนั้นจึงมีผู้ผิดหวังเป็นจำนวนมากที่ไม่สามารถได้เข้าทำงานตามความคาดหวัง

 

สังคมเป็นผู้ที่สร้างค่านิยมให้กับมนุษย์ ดังนั้นสังคมจะต้องหันมาเอาใจใส่และช่วยกันลงทุนเพื่อสร้างมนุษย์ให้มีคุณค่าที่เหมาะสมกับสังคมนั้นๆ ไม่ใช่ปล่อยให้แต่ละครอบครัวต้องแข่งขันกันลงทุนสร้างคุณค่าให้กับตัวเองแบบผิดๆตามกระแสของสังคม

 

 

 

 

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

๒๕ ธันวาคม ๒๕๔๘

 

แก้ไขล่าสุด ใน วันอังคารที่ 13 กันยายน 2011 เวลา 18:12 น.
 

ทุนภายใน

พิมพ์ PDF

ทุนภายใน

 

 

มนุษย์มีทุนติดตัวมาไม่เท่าเทียมกัน  ขึ้นอยู่กับผลของการกระทำในอดีตชาติ ทุนมนุษย์แบ่งออกเป็นสองทุนใหญ่ๆได้แก่ทุนภายในและทุนภายนอก ทุนภายในได้แก่ทุนทางจิตเป็นทุนดั้งเดิมของมนุษย์แต่ละคน ส่วนทุนภายนอกได้แก่ทุนที่ได้มาจากผู้อื่นกับทุนที่แสวงหามาเพิ่มเติม เป็นทุนที่ไม่แน่นอน  เช่นทุนทางสังคม ได้แก่การมีหน้ามีตาได้รับการยกย่องในสังคม  ทุนทางการศึกษา ได้รับการยกย่องว่ามีความรู้  ทุนทางปัญญา ได้แก่การแสวงหาความรู้และนำความรู้ที่ได้มาไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเองและผู้อื่น  รวมถึงทุนทางทรัพย์สินเงินทอง

มนุษย์ที่เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย ถือว่ามีทุนภายนอกมากกว่ามนุษย์ที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีทุนภายในมากกว่า ทุนภายในเป็นทุนที่กำหนดคุณค่าของความเป็นมนุษย์ โดยมีทุนภายนอกเป็นส่วนประกอบที่มีทั้งส่วนให้การสนับสนุนและส่วนที่ช่วยทำลายคุณค่าของความเป็นมนุษย์

สังคมทุนนิยมเป็นตัวกำหนดให้มนุษย์มุ่งเน้นเพื่อแสวงหาทุนภายนอกให้กับตัวเองและครอบครัว โดยเข้าใจว่าการมีทุนมากกว่าจะเป็นผู้ที่เหนือกว่าคนอื่น ต่างแข่งขันกันหาเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อจะได้มีชีวิตที่เหนือกว่าผู้อื่น โดยไม่คำนึงถึงความพอเพียงและการแบ่งปัน

ผู้ที่มีฐานะร่ำรวยใช้เงินซื้อทุกสิ่งที่ตัวเองอยากได้โดยไม่คำนึงถึงมนุษยธรรม ผู้ที่มีอำนาจวาสนาใช้อำนาจในการแสวงหาเงินทอง เพื่อเก็บเงินทองไว้เป็นมรดกให้กับลูกหลาน  มนุษย์ที่เกิดมาในครอบครัวเหล่านี้จึงมีโอกาสมากกว่า มนุษย์ที่เกิดมาในครอบครัวธรรมดาที่ไม่ได้ร่ำรวยและไม่มีอำนาจ เช่นการศึกษามนุษย์ที่เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย หรือ ครอบครัวที่มีอำนาจวาสนา จะมีโอกาสได้ร่ำเรียนสูงกว่า มนุษย์ที่เกิดมาในครอบครัวปานกลางหรือครอบครัวที่ยากจน จึงมีโอกาสที่จะได้ทำงานที่ดีมีรายได้มากกว่า มีโอกาสที่จะได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนหรือผู้นำของสังคม

ผู้นำสังคมในปัจจุบันมาจากกลุ่มผู้มีเงินและอำนาจวาสนา จึงได้กำหนดคุณค่าของมนุษย์โดยใช้ตัวชี้วัดตามคุณสมบัติของกลุ่มตัวเองว่าเป็นผู้ที่มีคุณค่ามากกว่ามนุษย์ในกลุ่มอื่น สังคมได้กำหนดตัวชี้วัดคุณค่าของมนุษย์จากทุนภายนอกดังนี้

๑)     เศรษฐี มีเงินทองและทรัพย์สมบัติมาก ( ทุนทางทรัพย์สิน)

๒)    เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ (ทุนทางสังคม)

๓)    ข้าราชการระดับสูงหรือนักการเมือง (ทุนทางสังคม)

๔)    นักวิชาการ (ทุนทางการศึกษา)

๕)    ผู้ที่จบการศึกษาสูงๆ (ทุนทางการศึกษา)

 

จากตัวชี้วัดดังกล่าว ทำให้มนุษย์ต้องแข่งขันกันหาเงินและอำนาจเพื่อทำให้ตัวเองหรือลูกหลานได้รับ

การยอมรับว่าเป็นผู้มีคุณค่า  ผู้ที่ยังไม่ร่ำรวยหรือมีอำนาจวาสนาต้องวิ่งหาเงินทองเพื่อนำมาเป็นทุนให้ลูกได้เรียนสูงๆเพื่อมีโอกาสแข่งขันกับผู้อื่น  เกิดการชิงดีชิงเด่น แข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำให้สังคมขาดความสามัคคี ไม่มีความจริงใจ และซื่อสัตย์  มีแต่ผู้คอยรับ แต่ขาดผู้ให้ เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้โดยไม่คำนึงถึงส่วนรวม มนุษย์ที่ร่ำรวยและมีอำนาจส่วนใหญ่ ไม่รู้จักพอเพียง  ยิ่งรวยมากเท่าใดก็ยิ่งต้องการได้มากขึ้นอีกเป็นเงาตามตัว ไม่มีการแบ่งปันให้คนอื่น แถมยังเอาเปรียบและฉ้อโกงเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินทองและอำนาจที่มากขึ้น ทั้งๆที่อำนาจและเงินทองที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือไม่มีวันใช้ได้หมด แต่ก็ยังต้องการหามาเพิ่ม แทนที่จะนำไปแบ่งให้กับผู้ยากจนและขัดสน หรือให้การสนับสนุนกับผู้ที่ด้อยกว่า

               

 

มนุษย์ที่มีทุนภายนอกมากจะไม่ได้รับความสุขอย่างแท้จริงถ้าไม่มีทุนภายในมากพอ ยิ่งแสวงหาทุนภายนอกมากเท่าใด โดยไม่รู้จักความพอเพียง  เอาเปรียบไม่รู้จักการแบ่งปันและให้ผู้อื่นบ้าง  ทุนภายในก็จะลดน้อยลงไปเรื่อยๆจนแทบจะไม่เหลือหรือติดลบ จนในที่สุดความล่มสลายก็จะเกิดขึ้นกับตัวเองและครอบครัว

               

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นตัวชีวัดทุนภายในของมนุษย์ได้ชัดเจนที่สุด ถ้ามนุษย์ผู้ใดเข้าใจ เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้นำไปปฏิบัติ มนุษย์ผู้นั้นจะเป็นมนุษย์ที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง  

 

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๙

 

แก้ไขล่าสุด ใน วันอังคารที่ 13 กันยายน 2011 เวลา 18:13 น.
 

ทรัพยากรมนุษย์ในธุรกิจโรงแรม

พิมพ์ PDF

ทรัพยากรมนุษย์ในธุรกิจโรงแรม 

ธุรกิจโรงแรมประกอบด้วยส่วนใหญ่ๆ  ส่วน ดังนี้

1.     ที่ดิน ได้แก่ที่ตั้งและบริเวณโดยรอบของโรงแรม  

2.     ตัวอาคารโรงแรม  ห้องพัก ห้องจัดเลี้ยง ห้องประชุม และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งภายในและภายนอก  ได้แก่บริเวณสวน ที่จอดรถ เป็นต้น 

3.     อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ในดำเนินธุรกิจ รวมถึงระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้า ระบบน้ำประปา  ระบบการรักษาสิ่งแวดล้อม และระบบอื่นๆอีกมากมาย 

4.     อุปกรณ์ที่ใช้เพื่อนำไปให้บริการแก่ลูกค้าโดยตรง 

5.     การบริหารการจัดการทั้งด้านการตลาด การบริการ การควบคุม การเงิน และอื่นๆ 

6.     ทรัพยากรมนุษย์ได้แก่ ผู้ที่เป็นเจ้าของกิจการ ผู้ลงทุน  ผู้บริหาร และพนักงานทั้งหมด

 

ส่วนประกอบลำดับที่ ๑ ๔ เป็นสิ่งที่มองเห็นและจับต้องได้ แต่ละส่วนต้องมีความสอดคล้องกันโดยมีการตลาดเป็นตัวกำหนด แต่โรงแรมในประเทศไทยส่วนมากไม่ได้นำการตลาดมาเป็นตัวกำหนด โดยมากกำหนดขึ้นโดยความพอใจของเจ้าของเป็นหลัก สร้างโรงแรมตามกระแสโดยไม่เคยมีความรู้ด้านธุรกิจมาก่อน บางรายสร้างโรงแรมมาเพื่อนำไปขายต่อ มิได้มีความตั้งใจที่จะทำธุรกิจโรงแรม บางรายก็ทำธุรกิจโรงแรมเพื่อการฟอกเงิน หรือเพื่อหน้าตา

 

ส่วนประกอบที่ ๕ และ ๖ เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ส่วนประกอบทั้งสองส่วนนี้ได้มาจากทรัพยากรมนุษย์ ทั้งสิ้น ทรัพยากรมนุษย์ มีความแตกต่างกันหลายระดับ เป็นการยากที่จะมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงของทรัพยากรนั้นๆจากภายนอก

 

ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมส่วนมากใช้เงินลงทุนกับส่วนประกอบในลำดับที่ ๑-๔  เท่านั้น ส่วนประกอบลำดับที่ ๕ และ ๖ มักจะไม่ได้รับการดูแล ไม่มีการจัดงบไว้สำหรับการลงทุนในส่วนนี้  เจ้าของจะเป็นผู้บริหารและจัดการเอง โดยจ้างผู้จัดการมาทำงานเป็นกันชน และทำงานตามความต้องการของเจ้าของ ส่วนพนักงานทั่วๆไปจะจ้างตามสถานะของธุรกิจในชั่วนั้นๆ มองค่าจ้างแรงงานเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ดังนั้นเมื่อธุรกิจไม่ดี ก็จะลดต้นทุนการดำเนินการ  โดยการลดจำนวนพนักงานหรือตั้งเงินเดือนพนักงานให้น้อยที่สุด โดยไม่คำนึงถึงกฎหมายแรงงานเพราะมีวิธีเลี่ยงหลายวิธีด้วยกัน

 

ทรัพยากรมนุษย์ถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดเพราะเมื่อไม่มีมนุษย์ก็ไม่มีการดำเนินการอะไรทั้งสิ้น ทรัพยากรมนุษย์มิได้หมายถึงเฉพาะลูกจ้างเท่านั้น เจ้าของหรือผู้ลงทุนเองก็เป็นทรัพยากรมนุษย์เช่นกัน ดังนั้นประเทศชาติและสังคมจะอยู่ได้ก็ต้องมีทรัพยากรมนุษย์ที่ดีมีคุณภาพ ถ้าประเทศใดหรือสังคมใดมีทรัพยากรมนุษย์ที่ไม่ดีมีคุณภาพต่ำ ประเทศและสังคมนั้นก็จะมีปัญหามากไม่เจริญเหมือนกับประเทศและสังคมที่มีทรัพยากรมนุษย์ที่ดีและมีคุณภาพที่สูงกว่า

 

 

ธุรกิจโรงแรมเป็นธุรกิจการให้บริการประกอบด้วนส่วนโครงสร้างตัวโรงแรมและสิ่งของที่เป็นวัตถุที่จับต้องและมองเห็นได้กับส่วนของการให้บริการและการจัดการ ทั้งสองส่วนจะต้องสอดคล้องกันจึงจะทำให้ธุรกิจประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการอธิบายและทำความเข้าใจค่อนข้างยากและซับซ้อน ผมจึงจะไม่ขอกล่าวถึง แต่จะไปเน้นพูดในเรื่องของส่วนที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรมนุษย์เท่านั้น

ทรัพยากรมนุษย์ในธุรกิจโรงแรมแยกเป็นกลุ่มต่างๆดังนี้ 

๑) พนักงานระดับล่าง ความจริงธุรกิจโรงแรมต้องการพนักงานระดับล่างเป็นจำนวนมากและหลากหลายตำแหน่งด้วยกัน เช่นพนักงานบัญชี พนักงานการเงิน พนักงานต้อนรับ พนักงานเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม พนักงานทำความสะอาดในห้องพักลูกค้า พนักงานทำความสะอาดบริเวณทั่วไป พนักงานทำอาหาร พนักงานทำสวน พนักงานด้านธุรการ พนักงานยกกระเป๋า พนักงานฝ่ายบุคคล ยาม และอื่นๆอีกหลายตำแหน่ง  พนักงานในแต่ละตำแหน่งต้องการทักษะและความรู้ในการทำงานแตกต่างกัน ถึงแม้นว่าจะเป็นตำแหน่งงานในตำแหน่งเดียวกันแต่ต่างโรงแรม ก็ยังมีความต้องการความรู้ที่แตกต่างกัน เช่นพนักงานเสิร์ฟในห้องอาหารของโรงแรมในเมืองหลวงที่ลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ กับโรงแรมในต่างจังหวัดที่ลูกค้าเป็นคนไทยจะมีมาตรฐานของทักษะความรู้ที่แตกต่างกัน

๒) พนักงานระดับหัวหน้างาน ได้แก่พนักงานที่ดูแลลูกน้องที่เป็นพนักงานในสายงานให้ทำงานถูกต้องมีประสิทธิภาพในสายงานนั้นๆ  เมื่อหัวหน้างานลาออก ผู้จัดการที่รับผิดชอบในสายงานนั้นก็จะแต่งตั้งให้พนักงานที่มีอายุการทำงานมากกว่าเพื่อนร่วมงานในสายงานเดียวกัน หรือผู้ที่ทำงานดีให้ขึ้นมาเป็นหัวหน้างาน โดยไม่มีการอบรมและสอนงานการเป็นหัวหน้า ด้วยเหตุนี้หลายๆโรงแรมจึงมีปัญหาเรื่องการให้บริการลูกค้า

๓) ผู้บริหารระดับกลาง ได้แก่พนักงานระดับบริหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับสายงานของแต่ละสายงาน จะต้องได้ผู้ที่มีความรู้และเข้าใจในงานของสายงานนั้นอย่างละเอียด สามารถบริหารและจัดการให้งานในฝ่ายที่รับผิดชอบมีประสิทธิภาพและมาตรฐานตามที่ผู้บริหารระดับสูงตั้งเป้าไว้ นอกเหนือกว่านั้นยังต้องมีความเป็นผู้นำที่ดี และมีความรู้และเหตุผลในการชี้แจงต่อผู้บริหารระดับสูงขึ้นไป

๔) ผู้บริหารระดับสูง คนไทยมีโอกาสน้อยมากที่ได้ตำแหน่งนี้ เพราะโดยทั่วไปแล้ว เจ้าของหรือลูกหลานเจ้าของ จะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งนี้เอง

๕) เจ้าของโรงแรม คือผู้ที่สำคัญที่สุดเพราะธุรกิจจะออกมาอย่างไรขึ้นอยู่กับเจ้าของเกือบจะ ๑๐๐ % โรงแรมบางแห่งมีเจ้าของคนเดียว บางโรงแรมมีหลายเจ้าของ (หุ้นส่วน) เจ้าของจะต้องเป็นผู้กำหนดวิธีการบริหารและจัดการว่าจะดำเนินการบริหารเองหรือจ้างคนอื่นมาบริหาร โรงแรมขนาดเล็กจนถึงขนาดกลางในประเทศไทยส่วนมากเจ้าของจะเป็นผู้บริหารเอง และจ้างผู้จัดการมาเป็นกันชน

 

ปัจจุบันธุรกิจโรงแรมขาดแคลนพนักงานเป็นจำนวนมากเกือบทุกระดับ โรงแรมระดับ ๔ ๕ ดาวไม่ค่อยมีปัญหา เพราะ โรงแรมระดับนี้ส่วนมากบริหารงานโดยเชนจากต่างประเทศ เป็นโรงแรมที่มีรายได้ดีอย่างสม่ำเสมอ มีการตลาดระดับนานาชาติ โรงแรมระดับนี้มีการบริหารงานแบบมืออาชีพ โดยคนต่างชาติ พนักงานที่ทำงานด้านโรงแรมอยู่แล้ว และเด็กจบใหม่ที่ต้องการจะยึดงานโรงแรมเป็นอาชีพ จะพากันมาสมัครงานในโรงแรมระดับนี้ เมื่อมีผู้มาสมัครจำนวนมาก ทางโรงแรมก็มีโอกาสคัดเลือกคนที่มีคุณสมบัติตามที่โรงแรมต้องการ เมื่อรับพนักงานใหม่เข้ามาแล้ว โรงแรมก็ยังมีการจัดอบรมเพื่อพัฒนาพนักงานให้มีทักษะและความสามารถในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น โรงแรมมีหน่วยงานดูแลเรื่องการพัฒนาคุณภาพของพนักงานโดยตรง ทำให้โรงแรมได้พนักงานดี มีทักษะและความสามารถสูง ประกอบกับความพร้อมด้านมาตรฐานในส่วนอื่นๆ ทำให้กิจการของโรงแรมดี มีรายได้สูง พนักงานได้รับค่า “ services charge “ สูง ส่วนเงินเดือนไม่แตกต่างกว่าโรงแรมในระดับอื่นมากนัก ( Services Charge คือเงินที่ทางโรงแรมเรียกเก็บจากลูกค้า และนำมาแบ่งให้กับพนักงานในอัตราที่เท่ากัน ดังนั้นเงินจำนวนนี้จะได้มากน้อยขึ้นอยู่กับการมาใช้บริการของลูกค้า ทางโรงแรมไม่ได้เป็นผู้จ่ายเงินจำนวนนี้  )

                โรงแรมที่บริหารโดยเจ้าของจะมีปัญหาเรื่องการขาดพนักงานมากที่สุด เพราะพนักงานเข้าใหม่ส่วนมากจะเป็นเด็กจบใหม่ที่เหลือมาจากโรงแรมที่บริหารโดยเชนต่างชาติ  เด็กที่มาสมัครไม่ค่อยรู้อะไรแต่โรงแรมก็จำเป็นต้องรับเข้ามาเพราะไม่มีพนักงานคอยให้บริการลูกค้า  พนักงานที่เข้าใหม่ไม่ได้รับการฝึกอบรมเป็นเรื่องเป็นราว เรียนรู้จากพนักงานที่อยู่มาก่อนหรือจากหัวหน้างานที่ไม่ค่อยได้สอนเพราะสอนไม่เป็น หรือหัวหน้างานบางคนก็สอนแบบผิดๆถูกๆ งานหนักมากเพราะมีพนักงานน้อย  เงินเดือน และ services charge ค่อนข้างต่ำไม่พอเพียงกับค่าใช้จ่าย (โรงแรมระดับนี้มีรายได้จากค่า Services Charge น้อยกว่าโรงแรมที่บริหารโดยเชนจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก) พนักงานไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนและพัฒนาในด้านการเรียนรู้มากนัก พนักงานที่เก่งเพราะเรียนรู้ด้วยตัวเองเมื่อมีโอกาสก็จะไปสมัครงานกับโรงแรมที่มีได้รายได้มากกว่า หรือได้รับการซื้อตัวให้ไปดำรงตำแหน่งงานที่สูงขึ้นจากโรงแรมอื่น พนักงานที่มีความสามารถไม่สูงนักก็จะต้องทนทำงานให้ผ่านไปวันๆโดยไม่มีอนาคต แถมวันดีคืนดีธุรกิจโรงแรมตกต่ำ พนักงานที่ยังไม่พ้นการทดลองงานก็จะถูกปลดออกส่วนพนักงานที่ยังเหลืออยู่ก็อาจถูกลดเงินเดือน

                พนักงานระดับหัวหน้างานและพนักงานบริหารระดับกลางยิ่งแล้วใหญ่ ปัจจุบันขาดเป็นจำนวนมาก โรงแรมที่บริหารโดยการจ้างเชนจากต่างประเทศมาบริหาร ผู้บริหารระดับกลางขึ้นไปจะเป็นคนต่างด้าว หรือถ้าเป็นคนไทยก็มีตำแหน่งให้น้อยและพนักงานเก่าไม่ค่อยจะออก จึงทำให้พนักงานที่มาทีหลังมีโอกาสที่จะได้ตำแหน่งยาก ในที่สุดก็ต้องออกไปอยู่โรงแรมที่บริหารโดยเจ้าของ เมื่อไปอยู่ด้วยกันต่างคนก็ต่างผิดหวังทั้งเจ้าของและพนักงาน ส่วนของพนักงานเมื่อเคยอยู่โรงแรมที่มีระบบในการบริหารการจัดการที่แน่นอน เมื่อมาอยู่โรงแรมที่เจ้าของเป็นผู้บริหารทุกอย่างไม่แน่นอนแล้วแต่อารมณ์ของเจ้าของ ประกอบกับสิ่งอำนวยความสะดวกหลายๆอย่างต่างกันมากจึงทำให้พนักงานไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ทำให้ผลงานไม่เด่นชัด ทางเจ้าของก็ผิดหวัง ในที่สุดพนักงานผู้นั้นก็ต้องไปหางานที่อื่น หรืออยู่แบบผ่านไปวันๆ

               

 

สืบเนื่องจากรัฐบาลปัจจุบันได้ให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมากกว่ารัฐบาลที่ผ่านๆมา        ทำให้มีผู้สร้างโรงแรมเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก นักธุรกิจต่างแย่งกันลงทุนสร้างโรงแรมเพราะเห็นว่าจะได้กำไรแน่ๆ แม้นธุรกิจโรงแรมจะทำกำไรได้ไม่มากนักก็ไม่เดือดร้อนเพราะเงินที่ลงทุนไม่สูญหายไปไหน โรงแรมเป็นทรัพย์สิน นานๆไปก็มีกำไรในตัวของมันเอง แต่การลงทุนสร้างบุคลากรไม่ใช่ทรัพย์สิน จึงไม่สนใจที่จะลงทุน เมื่อสร้างโรงแรมเสร็จก็ไปดึงตัวบุคลากรจากโรงแรมอื่นถ้าธุรกิจไม่ดีก็ปลดพนักงานออก ปัญหาจึงไปตกหนักอยู่ที่ผู้บริหาร หรือผู้จัดการที่ถูกจ้างมาบริหารและจัดการ

                โรงแรมที่สร้างด้วยเงินจำนวนมากจะกลายเป็นโรงแรมล้างทันที่ถ้าขาดพนักงาน งานโรงแรมเป็นงานบริการที่ละเอียดอ่อน แต่ละหน่วยงานมีความสำคัญพอๆกัน เกี่ยวข้องกันเป็นลูกโซ่  ธุรกิจโรงแรมจำเป็นต้อได้รับการลงทุนด้านทรัพยากรมนุษย์เป็นอย่างมาก  มนุษย์เป็นได้ทั้งผู้สร้างและผู้ทำลาย การสร้างทรัพยากรมนุษย์เพื่อมารองรับธุรกิจโรงแรมต้องทำให้ถูกทาง มีการร่วมมือกันเป็นเครือข่าย รัฐบาลต้องให้การสนับสนุนฝ่ายเอกชนอย่างถูกต้อง เอกชนหรือผู้ประกอบการโรงแรมเองก็ต้องปรับทัศนคติ เปลี่ยนวิสัยทัศน์ และหันมาลงทุนด้านทรัพย์ยากรมนุษย์อย่างจริงจัง

                นับเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่นายกสมาคมโรงแรมไทย และประธานมูลนิธิกำหนดมาตรฐานและพัฒนาบุคลากรด้านอุตสาหกรรมการบริการ ตลอดจนผู้ประกอบการโรงแรมหลายแห่งได้ยอมรับว่าขณะนี้ธุรกิจโรงแรมมีปัญหาเรื่องมบุคคลากรเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านการขาดแคลนพนักงานทุกระดับ และการพัฒนาประสิทธิภาพของพนักงาน จึงได้เชิญ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์  ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่ให้ความสนใจและมีผลงานในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างต่อเนื่อง ให้มาช่วยแก้ปัญหาด้านทรัพยากรมนุษย์ให้กับธุรกิจโรงแรม

                ท่าน ศ.ดร จีระมีความตั้งใจอย่างสูงที่จะเข้ามาช่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาคธุรกิจโรงแรม เพราะเห็นว่าเกี่ยวของกับประชาชนคนไทยเป็นจำนวนมาก ทำไมชาวต่างชาติจึงได้ตำแหน่งงานผู้บริหารระดับสูงและระดับกลาง  ทำไมชาวต่างชาติจึงได้เงินเดือนสูงกว่าคนไทย  ทำอย่างไรสถาบันการศึกษาจะสามารถผลิตนักศึกษาให้เหมาะสมกับตำแหน่งงานที่โรงแรมต้องการ  ทำอย่างไรให้เจ้าของโรงแรมหันมาลงทุนเรื่องทรัพยากรมนุษย์             ทำอย่างไรให้พนักงานโรงแรมได้รับการพัฒนาและเรียนรู้เพื่อขึ้นไปเป็นผู้บริหารที่มีความสามารถและได้ค่าตอบแทนที่เหมาะสม  ทำอย่างไรให้โรงแรมที่บริหารโดยคนไทยสามารถแข่งขันและทำรายได้เช่นเดียวกับโรงแรมที่บริหารโดยเชนต่างประเทศได้ ทำอย่างไรให้พนักงานโรงแรมมีงานที่มั่นคงและได้รับผลตอบแทนที่พอเพียงต่อการเลี้ยงชีพและครอบครัว

 

 

 

ขอเชิญเจ้าของโรงแรม SME และพนักงานโรงแรมในทุกระดับ สมัครเป็นสมาชิกของ ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ เพื่อช่วยกันบริหารจัดการทุนมนุษย์ภาคธุรกิจโรงแรมแบบูรณาการเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจโรงแรม 

 

 

เจ้าของโรงแรมท่านใดต้องการที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการธุรกิจโรงแรม โปรดติดต่อ ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท ได้ที่ e-mail address : อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน หรือ โทร 089-1381950

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

๒๒ มกราคม ๒๕๔๙

 

 

                                                               

แก้ไขล่าสุด ใน วันพุธที่ 12 ตุลาคม 2011 เวลา 18:42 น.
 


หน้า 539 จาก 558
Home

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5609
Content : 3052
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8629544

facebook

Twitter


บทความเก่า