เรียนรู้ทำความเข้าใจกับ "ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2020 เวลา 18:03 น. ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท ประชาสัมพันธ์ - ประชาสัมพันธ์
พิมพ์

12 ความจริงของภาษีกูที่หนูหนูยังเข้าใจไม่ถูกต้อง

 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence และ Actuarial Science and Risk Management คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ประเด็นภาษีกูที่ม็อบปลดแอกและคณะราษฎร (2563) เข้าใจไม่ถูกต้องและเอามาเป็นข้ออ้างในการปลุก ระดมมวลชนอย่างได้ผลนั้นมีอยู่มากมาย จึงขอชี้แจงให้เข้าใจให้ถูกต้องเป็นข้อๆ ดังนี้ดังนี้

 

 1.ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์และทรัพย์สินส่วนพระองค์อันเป็นพระราชมรดกตกทอดได้ถูกแยกขาดออก จากทรัพย์สินของแผ่นดินในสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่ให้ปะปนกัน

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงปฏิวัติสยาม โปรดให้เลิกทาส ทรงให้คนสยามเป็นเจ้าของ กรรมสิทธิ์ที่ดินและโฉนดที่ดินได้ ทรงให้แยกพระคลังข้างที่หรือทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ออกจากทรัพย์สินแผ่นดิน อย่างเด็ดขาด

 2. ทรัพย์สินส่วนพระองค์ คือทรัพย์สินพระราชมรดกของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์นั้นเป็นการเฉพาะ ครับ ราชสกุลมหิดล มีทรัพย์สินส่วนพระองค์เยอะ เพราะสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี สมเด็จพระพันวัสสา อัยยิกาเจ้า ย่าของในหลวง ร.9 ทรงเป็นคนประหยัด ค้าขายเก่ง ขยัน จนรัชกาลที่ 5 ตรัสเสมอว่า แม่กลางร่ำรวย สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงขยันทำนา ทำโรงสีข้าว ทอผ้าไหม (ศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อาจจะทรงดำเนินรอยตามสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าก็ เป็นได้) อย่างเช่นที่ดินหมู่บ้านสัมมากรที่รามคำแหงก็เกิดจากสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เสด็จทางเรือไปตาม คลองแสนแสบเพื่อทรงหาซื้อที่ดินเพื่อการทำนา และต่อมาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) ก็ ทรงนำมาจัดสรรให้ประชาชนที่มีสัมมาชีพมีรายได้ไม่มากนักได้มีโอกาสเป็นเจ้าของบ้าน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นทรัพย์สิน ส่วนพระองค์ในราชสกุลมหิดลทั้งสิ้น

3. ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ คือ พระราชมรดกตกทอดแห่งพระมหาจักรีบรมราชวงศ์ เป็นทรัพย์สิน ของสถาบันพระมหากษัตริย์และย่อมจะสืบทอดต่อไปยังพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ถัดไปในอนาคต เป็นพระราช ทรัพย์ของราชวงศ์จักรี หาได้เป็นทรัพย์ของแผ่นดินไม่ ที่มาของพระราชทรัพย์นี้ที่สำคัญที่สุดคือเงินถุงแดง อันเกิดจากการที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า เจ้าอยู่หัวตั้งแต่ครั้งทรงเป็นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ทรงแต่งสำเภาไปค้าขาย ได้เงินตราต่างประเทศมาเท่าไหร่ก็ ทรงใส่ถุงแดงตีตราครั่งวางไว้ข้างพระแท่นที่บรรทม แต่ทรงค้าขายดีมีกำไรมากจนต้องมีห้องเก็บเงินถุงแดงเป็นการ เฉพาะ เกิดคำว่าพระคลังข้างที่ (พระบรรทม) ขึ้นมา และเงินถุงแดงนี้ก็ได้ใช้กู้ชาติบ้านเมืองเมื่อคราวเกิด วิกฤติการณ์ รศ. 112 ที่พระพุทธเจ้าหลวงได้ทรงใช้เงินของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเก็บไว้ให้ พระเจ้าแผ่นดินในอนาคตทรงกู้บ้านกู้เมืองให้ชาติไทยมีเอกราช จนทุกวันนี้ (และคนไทยยังไม่ได้ใช้หนี้เหล่านี้ถวาย คืนพระบรมราชจักรีวงศ์เลยแม้แต่น้อย) นี่คือที่มาของคำว่าพระคลังข้างที่ (คือข้างที่พระบรรทม) เงินถุงแดงข้างแท่นพระบรรทม เป็นเงินเหรียญนก ทำจากทอง ของเม็กซิโก

 พระคลังข้างที่ มีส่วนผลักดันเศรษฐกิจไทยอีกมาก เช่น การก่อตั้งกิจการธนาคารในประเทศไทย คือ ธนาคารสยามกัมมาจล ในสมัยรัชกาลที่ 5 ต่อมา คือธนาคารไทยพาณิชย์ ในปัจจุบัน ก่อตั้งบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด เพื่อผลิตซิเมนต์ใช้เองในการพัฒนาประเทศ เตาเผาปูนแห่งแรกคือที่บางซื่อเป็นเตาเผาเปียก ใช้ดินขาวที่ขุด ได้ที่บางซื่อเองเผาปูนซิเมนต์ กิจการทั้งสองคือธนาคารไทยพาณิชย์และเครือซิเมนต์ไทยเติบโตเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างหุ้นปูนซิเมนต์ไทยมีมูลค่ามากกว่าร้อยเท่าตัวนับแต่วันที่เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แทบจะ เป็นหุ้นไทยเพียงไม่กี่ตัวที่มีมูลค่าตั้งแต่เข้าตลาด (Value since its inception) เกินกว่าร้อยเท่า ในอดีตกรมพระคลังข้างที่ดูแลทรัพย์สินพระมหากษัตริย์และทรัพย์สินส่วนพระองค์ ต่อมากลายเป็น สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ปัจจุบันคือสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และพระคลังข้างที่ สังกัด สำนักพระราชวัง

 4.ทั้งนี้พระราชอำนาจในการจัดการพระราชทรัพย์ของพระเจ้าแผ่นดิน ได้ถูกปล้นไปโดยคณะราษฎร โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยจอมพลแปลก พิบูลสงคราม เอาที่ดินขายให้พวกตัวเองกันในราคาถูก ๆ เอาเข้ากระเป๋า ตัวเอง จนทุกวันนี้ ลูกหลานของขุนนิรันดรชัย ยังฟ้องร้องแย่งชิงมรดกที่ดินแปลงงามที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ไปปล้นซื้อมาราคาถูกแสนถูกจากกรมพระคลังข้างที่ แล้วก็มาลิดรอนพระราชอำนาจในการจัดการทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์ โดยการออกพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ ฉบับ พ.ศ.2479 ให้นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ดูแลรักษาการ พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ ฉบับ พ.ศ.2484 ให้กระทรวงการคลังดูแล และ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน ส่วนพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ ฉบับ พ.ศ.2491 ให้มีการจัดตั้งสำนักงาน ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน โดยตำแหน่ง ทั้งหมดนี้เป็นการลิดรอนสิทธิในการถือครองทรัพย์อันเป็นพระราชมรดก และการลิดรอนพระราชอำนาจ ตลอดจนสิทธิส่วนบุคคลในการถือครองทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์ เพราะคณะราษฎรไม่ต้องการให้สถาบัน พระมหากษัตริย์มีพระราชอำนาจใด ๆ เลย การยึดพระราชทรัพย์ทั้งหมดของพระเจ้าแผ่นดินกับสถาบันพระมหากษัตริย์มาได้ จะทำให้พระเจ้า แผ่นดินทรงงานใด ๆ ไม่ได้เลยใช่หรือไม่ เพราะไม่มีพระราชทรัพย์ที่จะทรงงาน และที่จะพระราชทานให้เป็น ประโยชน์แก่ประชาชนและสาธารณะเลยใช่หรือไม่? ทั้งหมดนี้พูดง่าย ๆ คือไม่ต้องการให้พระเจ้าแผ่นดินทรงงาน เพราะกลัวพระเจ้าแผ่นดินจะมีพระราชบารมี และทำให้พวกตนอันมีเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครองไปเป็นระบอบสาธารณะ ทำได้ยากมาก จะทำให้ล้มเจ้าได้ยากมาก ใช่หรือไม่?

จอมพลแปลก พิบูลสงคราม คณะราษฎร นายกรัฐมนตรีผู้ลิดรอนพระราชอำนาจในการจัดการทรัพย์สินส่วน พระองค์และพระมหากษัตริย์ ตราประจำตัวจอมพลป. พิบูลสงครามคือตราไก่ (เพราะจอมพล ป. เกิดปีระกา) เอา ตีนไก่เหยียบคีบคฑาจอมพลพระครุฑพ่าห์ (อันเป็นสัญลักษณ์แห่งองค์จอมทัพไทยและพระครุฑพ่าห์ คือตรา แผ่นดิน)

 5. พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ 2560 และ 2561 ทั้งทรัพย์สินส่วนพระองค์ (พระเจ้าแผ่นดินในฐานะตัวบุคคล) และทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ (พระเจ้าแผ่นดินในฐานะสถาบัน พระมหากษัตริย์) ดูแลจัดการโดยสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ที่เปลี่ยนมาจากสำนักงานทรัพย์สินส่วน พระมหากษัตริย์ โดยที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งกรรมการสำนักงานได้ตามพระราชอัธยาศัย ทำให้ทรงจัดการพระราชทรัพย์ได้สะดวกและเป็นประโยชน์ได้ง่ายขึ้น ทำให้ทรงเสียภาษีอย่างถูกต้องได้ทั้งหมด ทำให้ทรงได้รับสิทธิ์อันชอบธรรมในการดูแลพระราชมรดกแห่งพระราชวงศ์จักรี ทำให้ทรงงานและทรงใช้พระราชทรัพย์ในการทรงงานเพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาชน สืบสาน ต่อยอด พระราชดำริแห่งในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อให้ประเทศมีการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไปได้

ตัวอย่างหนึ่งคือ การที่พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานที่ดินมากมายที่เคยอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงาน ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไปเป็นสาธารณประโยชน์ และทรงยกให้หน่วยราชการจำนวนมาก โดยที่ไม่ทรง เสียดายพระราชทรัพย์แต่ประการใดเลยมีมูลค่านับหลายแสนล้านบาท ไม่ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและ ราชการหรือ?

วังลดาวัลย์ ที่ตั้งสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ในปัจจุบัน

 6. สำนักงานพระคลังข้างที่ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ยังคงดำรงอยู่ในฐานะหน่วยงาน เล็กๆ ในสำนักพระราชวัง ปัจจุบันอยู่ในสังกัด กรมบังคับการสำนักพระราชวัง มีหน้าที่ดูแลเงินปีเจ้านายทุก พระองค์ตั้งแต่หม่อมเจ้าขึ้นไปที่พระราชทาน ยังคงมีที่ดินให้เช่าอยู่บ้าง ดูแลมูลนิธิอานันทมหิดล ดูแลผลประโยชน์ ของมรดกพระบรมวงศานุวงศ์แต่ละพระองค์ หรือกล่าวง่ายๆ ว่า สำนักงานพระคลังข้างที่ ไม่ได้ดูแลทรัพย์สินส่วน พระองค์และทรัพย์สินพระมหากษัตริย์แล้ว แต่ดูแลทรัพย์สินพระราชมรดกของพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจ น กิจการด้านการเงินอื่นๆ

ตราเครื่องหมายสำนักพระราชวัง เป็นพระมหามงกุฎผูกลายแพรแถบ ภายใต้พระมหามงกุฎมีตราอุณาโลมและเลข สิบไทย

7. ส่วนกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ(ปัจจุบันกระทรวงการคลัง) ดูแลทรัพย์สินของแผ่นดิน เช่น กรมธนา รักษ์ ดูแลที่ราชพัสดุ เป็นต้น แต่สำนักทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน กรมธนารักษ์ก็ดูแลทรัพย์สินแผ่นดินอันเป็นสา ธารณสมบัติของชาติที่เกี่ยวเนื่องกับพระราชวงศ์จักรีด้วย อันได้แก่ เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ เครื่องราชูปโภค พระบรมโกศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเครื่องยศ เป็นต้น

8. เดิมทีที่ดินทุกหย่อมหญ้าในประเทศไทยย่อมเป็นของพระเจ้าแผ่นดิน อันหมายความว่าทรงเป็นพระผู้ ทรงเป็นเจ้าของแผ่นดินทั่วราชอาณาจักร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระเมตตาต่อประชาชน อยากให้ประชาชนได้มีที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง จึงโปรดให้ตั้งกรมที่ดินและกรมแผนที่ขึ้น ทรงจ้างฝรั่งสองคน มาเป็นอธิบดีกรมที่ดิน (มิสเตอร์ดับบลิว เอ. เกรแฮม) และอธิบดีกรมแผนที่ (เฮนรี่ อาลาบาสเตอร์) ต้นตระกูลเศวต ศิลา เพราะไทยเรายังทำแผนที่และรังวัดที่ดินไม่เป็น

ตราเครื่องหมายกรมธนารักษ์ กรมที่ดิน และกรมแผนที่ทหาร ที่ราชพัสดุเป็นที่ของราชการ ดูแลโดยกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ที่ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์และที่ทรัพย์สินส่วนพระองค์ดูแลโดย กรมพระคลังข้างที่ หรือปัจจุบัน สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ที่ดินพระราชมรดกของพระบรมวงศานุวงศ์ ดูแลโดยสำนักงานพระคลังข้างที่ กรมสนับสนุน สำนัก พระราชวัง ที่เฉพาะของหน่วยราชการอื่นๆ ที่เวนคืน มาเป็นกรรมสิทธิ์ ได้แก่ ที่การรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นต้น ที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่ที่ราชพัสดุ อย่างที่นายสุรชัย ชัชวาลพงษ์พันธ์ พยายาม บิดเบือน เป็นคนละส่วนกันมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ควรไปศึกษาประวัติศาสตร์มาให้ถูกต้องเสียก่อน

9. พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีไม่ทรงรับเงินปีที่รัฐบาลถวายพระองค์ละ 60 ล้านบาทต่อปี มาตั้งแต่ทรง ขึ้นครองราชย์และสถาปนา

10. สำนักพระราชวัง ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินเฉพาะหมวดค่าจ้างเงินเดือน หมวดค่าดำเนินการ และ หมวดค่าสาธารณูปโภค พระเจ้าอยู่หัวทรงห้ามสำนักพระราชวังตั้งของบพัสดุ ครุภัณฑ์ และงบอื่นใดๆ จาก สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ทั้งๆ ที่ทรงตั้งงบประมาณได้ เช่นเดียวกันกับหน่วยราชการอื่นๆ แต่ทรงไม่โปรดให้ทำเช่นนั้น การตั้งเบิกต้องตั้งฎีกาไปที่กรมบัญชีกลางเช่นเดียวกันกับกระทรวงทบวงกรมอื่นๆ ทุกประการ ต้องเสีย ภาษีหัก ณ ที่จ่าย และต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ทุกรายการที่กฎหมายกำหนดเช่นเดียวกับประชาชนทุกคน ข้าราชการในสำนักพระราชวังแทบทุกคนที่ต้องซื้อของจะมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของสำนักพระราชวังเพื่อขอ ใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มแบบเต็มรูปแบบ หากต้องซื้อของและตั้งฎีกาเบิกเงิน งบประมาณสำนักพระราชวังนี้ ประเทศต่าง ๆ ที่ปกครองด้วยระบอบ Constitutional monarchy ทั่ว โลก ก็ต้องมีงบประมาณในส่วนนี้เหมือนกันทั้งโลก และรัฐบาลก็จัดถวายทุกประเทศทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่น the Imperial Household Agency ของประเทศญี่ปุ่น Royal Households of the United Kingdom ของสหราช อาณาจักร ปัจจุบันสำนักพระราชวังมีบุคลากรทั้งสิ้นประมาณหนึ่งหมื่นคน และได้รับงบประมาณปีละหกพันแปดร้อย ล้านบาท ซึ่งไม่ได้ถือว่ามากแต่อย่างใด จำนวนอัตราข้าราชการในสำนักพระราชวังถูกควบคุมและจำกัดโดยกฎเกณฑ์ของสำนักงานข้าราชการพล เรือน (กพ) เช่นเดียวกับทุกกระทรวง ทบวง กรม

11. พระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเงินท้ายที่นั่งอันเป็นดอกผลและกำไรแห่งพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์แบ่ง ออกเป็นบัญชีแม่บ้าน 1 และบัญชีแม่บ้าน 2 เพราะใช้ประโยชน์วัตถุประสงค์ต่างกัน และทรงใช้อย่างประหยัดมาก เช่น -ไม่มีการให้ข้าราชการสำนักพระราชวังเบิกค่าล่วงเวลา -การจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงข้าราชการสำนักพระราชวัง เป็นไปตามอัตราที่ทางราชการกำหนด หากไปทำงานใน จังหวัดหรือท้องที่ใดๆ ที่มีการจัดที่พักของทางราชการให้หรือมีการเลี้ยงอาหารพระราชทาน ไม่ทรงให้เบิกค่าเบี้ย เลี้ยงใดๆ ทั้งสิ้น -ห้ามมีรถประจำตำแหน่ง แม้กระทั่งองคมนตรีก็ไม่มีรถประจำตำแหน่ง มีรถหลวงให้เรียกใช้บริการเป็น ส่วนกลางทุกคน มีรถพระประเทียบกลางสำหรับองคมนตรีและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในการไปทำงานแทนพระองค์ -การจะขอซื้อพัสดุหรือครุภัณฑ์ใดๆ ในสำนักพระราชวัง ใช้เงินท้ายที่นั่งที่ทรงออกเอง ต้องกราบบังคมทูล พระกรุณา ทำให้ทุกคนพยายามประหยัดให้มากที่สุด

 12. พระเจ้าอยู่หัวทั้งยังทรงใช้จ่ายเงินท้ายที่นั่งเพื่อกิจการอันเป็นประโยชน์แก่ประชาชนอยู่เนืองๆ เป็น จำนวนมาก แม้เงินงบประมาณของสำนักพระราชวังขาดไปก็ทรงจ่ายเอง

หากสังเกตอินทรธนูของพนักงานสำนักพระราชวัง ที่ปัก ตัว ททน อันย่อมาจาก ท้ายที่นั่ง ให้พึงทราบว่า เงินเดือนค่าจ้างของพนักงานสำนักพระราชวังผู้นั้น พระเจ้าอยู่ทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จ่ายเองในการ ว่าจ้างพนักงานคนนั้น

อินทรธนู ททน ภายใต้พระมหามงกุฎ เครื่องหมายของสำนักพระราชวัง ตัวเลขข้างใต้ตัวอักษร ททน คืออายุ ราชการของผู้ใส่อินทรธนู ททน คำว่า ททน ย่อมาจาก เงินท้ายที่นั่ง อันเป็นเงินพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่พระ เจ้าอยู่หัวทรงออกค่าจ้างเงินเดือนเอง เมื่อได้รู้รายละเอียดและข้อเท็จจริง เกี่ยวกับ ภาษีกู ทั้ง 12 ประการนี้ แล้ว หนูๆ ก็ควรไปพิจารณาดูว่า ตกลงมีภาษีกูเท่าไหร่ ภาษีกูที่มีคือเงินเดือนข้าราชการในสำนักพระราชวัง ถ้าเช่นนั้นเจอหน้าข้าราชการ กระทรวง ทบวง กรม ไหนก็ตาม ก็ต้องไปตะโกนใส่ว่าภาษีกู แบบเดียวกันให้เท่าเทียมกันนะน้อง อย่าเลือกปฏิบัติ อย่าสอง มาตรฐาน ขอขอบคุณ