ตอบประเด็นเรื่องเรือดำน้ำ

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2020 เวลา 12:39 น. ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท ประชาสัมพันธ์ - ประชาสัมพันธ์
พิมพ์

อ่านแล้วได้ความรู้และเข้าใจง่ายจริง ๆ​ เสียดายผู้เขียนไม่ระบุชื่อและวันที่​ ขออนุญาตแชร์ต่อนะคะ

ปรียาสมุย

26/08/63

*ตอบประเด็นร้อนเรื่อง เรือดำน้ำ ฉบับเข้าใจง่าย

โพสนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง ไม่ได้อยู่ฝ่ายการเมืองใด แต่จะขอพูดเฉพาะประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเรือดำน้ำในมุมของคนที่ทำงานอยู่ในทะเลมาเกือบทั้งชีวิตของการเป็นทหารเรือ ผ่านการฝึกกับมิตรประเทศเพื่อนบ้าน (หรืออาจกลายเป็นคู่ขัดแย้งในอนาคต) มาทุกประเทศ โดยกล่าวถึงเฉพาะในสามประเด็น คือ

1. ทำไมประเทศไทยต้องมีเรือดำน้ำ

2. ทำไมต้องซื้อตอนนี้ จำเป็นเร่งด่วนจริงไหม

3.ในช่วงเวลาแบบนี้ เอาเงินจำนวนนี้ไปทำอย่างอื่นไม่ดีกว่าหรือ ผมว่าคนไทยอยากรู้แค่นี้แหละครับ

ประเด็นแรก ทำไมประเทศไทยต้องมีเรือดำน้ำ เราจะซื้อมาไว้รบกับใคร มันจะมีสงครามจริงหรือ ผมตอบอย่างสั้นๆว่า ใช่ครับ เราซื้อมาเพราะเราไม่ต้องการที่จะรบกับใครเลยต่างหาก

กฎของโลกใบนี้เกี่ยวกับทะเลที่บังคับใช้ร่วมกันทั้งโลก หรือที่เรียกว่าอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982 กล่าวเอาไว้ว่า ประเทศใดจะเป็นเจ้าของน่านน้ำใดๆก็ต่อเมื่อ น่านน้ำนั้นอยู่ในเขต200ไมล์ทะเลจากเส้นฐานของรัฐชายฝั่ง (1ไมล์ทะเล เท่ากับ 1.852 กิโลเมตร)

แปลง่ายๆก็คือ ถ้าเราลากเส้นตั้งฉากจากแนวชายหาดของเราออกไปในทะเลได้ไกล 370กิโลเมตร น่านน้ำนั้นจะเป็นน่านน้ำของเรา ที่เรามีสิทธิ์ความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่ ใช้ทรัพยากรที่อยู่ข้างล่างนั้นได้อย่างเต็มที่ และเป็นพื้นที่หวงห้ามสำหรับชาติอื่นไม่ให้เข้ามาใช้ประโยชน์ เพราะขัดต่อกฎหมาย ใครล่วงล้ำเรามีสิทธิ์ขับไล่ หรือถ้ามันเจ๋งกว่าเรา เราก็จะฟ้องนานาชาติให้ช่วยจัดการได้

ถัดจาก 370กิโลเมตรออกไป คือทะเลสากล(ทะเลหลวง) เป็นน่านน้ำสากลที่ทุกคนในโลกมีสิทธิ์ใช้ผ่านไปผ่านมาร่วมกัน กฎหมายเขียนไว้ง่ายๆแค่นี้ ดูเหมือนง่ายใช่ไหมครับ จริงๆมันก็คงจะง่ายครับ ถ้าทุกประเทศทั่วโลกมีภูมิศาสตร์ตั้งเรียงต่อกันไปในแนวยาว ต่อเนื่องกันไป และประเทศที่ตั้งอยู่ตรงข้ามคนละฝั่งทะเลกัน มีระยะห่างกันเกินกว่า 370 กิโลเมตร มันจะไม่มีปัญหาอะไรเลย ทะเลในโลกนี้ก็จะสงบสุขด้วยกฎหมายฉบับนี้

แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นครับ ชาติต่างๆมีภูมิศาสตร์ที่ซับซ้อน เป็นส่วนเว้าส่วนโค้ง มีแหลมมีติ่ง ยื่นล้ำออกไปในทะเล หักงอคดไปคดมา บางแห่งโค้งเข้าหากัน บางชาติก็ตั้งอยู่ตรงข้ามฝั่งทะเลกันแต่มีระยะห่างไม่ถึง200ไมล์ทะเลหรือ370 กิโลเมตร เมื่อต่างคนต่างลากเส้นโดยชอบด้วยกฎหมายออกมาจากแผ่นดินของตัวเอง มันจึงมาจ๊ะเอ๋กันกลางทะเล เกิดเป็นพื้นที่ทับซ้อนเกิดขึ้น ที่กฎหมายโลกก็ไม่สามารถตัดสิ้นชี้ขาดได้ว่ามันเป็นของใคร ได้แต่โยนกลับไปให้เจ้าของรัฐที่มีพื้นที่ทับซ้อนไปตกลงกันเอง

ตรงพื้นที่ทับซ้อนต่าง ๆทั่วโลกนี้เองที่มันเป็นปัญหา เพราะมันไม่ได้มีแต่น้ำทะเลไงครับ ข้างล่างมันเต็มไปด้วยทรัพยากรที่นำมาซึ่งรายได้มหาศาล ทั้งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ การประมง และการเป็นเจ้าของเส้นทางขนส่งคมนาคม ซึ่งนำมาซึ่งเม็ดเงินจำนวนมหาศาลกินใช้กันกี่ชั่วอายุคนก็ไม่หมด

เมื่อต่างคนต่างไม่ยอมเสียสิทธิ์ ก็ต้องมีข้อตกลงกัน ข้อตกลงในที่นี้จะมีขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทั้งสองชาติอยู่ในระดับที่ต้องเกรงอกเกรงใจกันในระดับหนึ่งเท่านั้น ที่จะบรรลุข้อตกลงใช้ประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนนี้ได้อย่างสันติวิธี นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทุกชาติที่มีทะเลต้องมีกองทัพเรือของตัวเอง และต้องพัฒนาให้สมดุลกับกองทัพเรือของประเทศที่เรามีพื้นที่ทับซ้อนกันอยู่ คือถ้าเหนือกว่าไม่ได้ อย่างน้อยต้องไม่ด้อยไปกว่าเขาจนถูกทิ้งห่าง เพราะผู้กุมอำนาจรัฐคือมนุษย์ มนุษย์ที่เปลี่ยนกลุ่ม เปลี่ยนวิธีคิดและนโยบายได้ตลอดเวลา เราไม่มีทางรู้เลยว่าถ้าเข้าเปลี่ยนรัฐบาล นโยบายของเขาจะเปลี่ยนไหม นั่นจึงเป็นสิ่งที่เราประมาทไม่ได้

ถ้าวันหนึ่งที่เขามองว่าศักยภาพของเขาทิ้งห่างจากเราไปมากจนเทียบกันไม่ได้แล้ว แล้วเขาอ้างว่าพื้นที่ทับซ้อนตรงนั้นเป็นของเขาตามกฎหมาย และขอใช้ประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว เราคงทำได้แต่นั่งกัดฟันน้ำตาซึม และยอมยกน่านน้ำตรงนั้นให้เขาไป เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหลายจุดทั่วโลกครับ ที่เราจะไม่มีทางยอมให้เกิดขึ้นในน่านน้ำของเราเป็นอันขาด เพราะถ้าเราเสียสิทธิ์ในน่านน้ำตรงนั้นไป ความเสียหายมันจะมากกว่าราคาเรือดำน้ำ        เป็นร้อย ๆลำเสียอีก

โฟกัสมาที่น่านน้ำไทย ประกอบด้วยทะเลสองฝั่งคือฝั่งอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามัน ฝั่งอันดามันผมไม่ขอกล่าวถึงเพราะภูมิศาสตร์ไม่ค่อยซับซ้อน เป็นทะเลเปิดสู่มหาสมุทรอินเดีย ที่ไม่มีรัฐฝั่งตรงข้ามอยู่ในระยะใกล้ มาเป็นเรื่องให้ครุ่นคิด

ปัญหาหลักของเราอยู่ในอ่าวไทยครับ ดูจากแผนที่ตามภาพอ่าวไทยเป็นอ่าวปิด กล่าวคือเป็นเวิ้งอ่าวที่อยู่ภายในประเทศไทย ขนาบข้างปิดล้อมด้วยประเทศเพื่อนบ้าน 3ประเทศ นั่นหมายความว่า เมื่อทุกชาติลากเส้น200ไมล์จากแผ่นดินตัวเองออกไป จะทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนทับไปทับมากันทุกประเทศ ลากตรงไหนก็จ๊ะเอ๋กันไปหมด เพราะภูมิศาสตร์มันตั้งอยู่แบบนั้น

และถ้ามองในภาพมุมกว้าง ถ้าเดินทางเข้ามาจากมหาสมุทรแปซิฟิก ปากประตูทางเข้าอ่าวไทยของเรานั้นกลับตั้งอยู่ในเขตทะเลของเพื่อนบ้าน เรือสินค้าเรือน้ำมันต่างๆที่จะเข้ามาประเทศเรา จะเข้ามาไม่ได้เลย ถ้าเขาไม่ยอมให้ผ่าน กล่าวง่ายๆก็คือเป็นน่านน้ำที่เปราะบางต่อการเกิดความขัดแย้งเป็นที่สุด เปราะบางที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ที่นี้ถามว่าถ้าชาติทั้ง4 เกิดความบาดหมางกันขึ้นวันใด ชาติที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือใครครับ ใช่ครับ ประเทศไทยอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะน่านน้ำของไทยอยู่ในสุด และทางเข้าออกอยู่ในเขตประเทศของเขา

ประเทศไทยของเราใช้ประโยชน์จากอ่าวไทยมากมายมหาศาล ทั้งการนำเข้า ส่งออกสินค้า การขุดเจาะน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ การประมง ถ้าวันใดวันหนึ่งที่อ่าวไทยมีปัญหา ไม่ต้องถึงกับรบกันหรอกครับ สมมุติแค่ง่ายๆว่าเขาบอกว่าปากทางเข้าอ่าวไทยที่ตั้งอยู่ในเขตประเทศเขา เขาไม่อนุญาตให้เรือที่จะเข้ามาติดต่อกับไทยผ่านเข้า แค่นี้ก็ชิบหายแล้วครับ ประเทศไทยทั้งประเทศจะหยุกชะงักภายในพริบตา ถ้าอ่าวไทยใช้งานไม่ได้เพียงไม่กี่วัน การขนส่งทรัพยากรที่เป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงทุกลมหายใจของคนในชาติถูกตัดขาด เราจะขับรถออกจากบ้านมาพบกับปั๊มน้ำมันที่ขึ้นป้ายพร้อมกันทั่วประเทศว่าน้ำมันหมด เข้าร้านอาหารไหนก็หยุดขาย เพราะแก๊สหมด อะไรเสียก็ซ่อมไม่ได้เพราะอะไหล่นำเข้าไม่ได้ ฯลฯ คนคัดค้านวันนี้มีใครการันตีได้ไหมครับว่าเรื่องนี้มันจะไม่มีวันเกิดขึ้น

อาจจะไม่ใช่วันนี้พรุ่งนี้ แต่อีก10-20ปีล่ะ ใครตอบได้บ้าง ใครจะไปเดาใจลูกหลานของพวกนั้นออกว่ามันจะคิดอย่างไร ในเมื่อมันเต็มไปด้วยผลประโยชน์มหาศาลอยู่ในทะเล ในเมื่อไม่มีใครเดาใจใครออก ความสมดุลของกำลังทางเรือ จึงเป็นหลักประกันที่มั่นคงที่สุดสำหรับความเสี่ยงนี้ อย่างน้อยก็ทำให้เขาต้องคิดหลายตลบถ้าหากจะเปลี่ยนโยบายกับเราไป หรือถ้าเขากล้าทำจริง เราก็ต้องมีของที่ดีพอที่จะคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับคืนเร็วที่สุด นี่คือคำตอบครับ

ทำไมต้องซื้อตอนนี้ จำเป็นเร่งด่วนจริงหรือ การซื้อเรือดำน้ำไม่เหมือนซื้อรถครับ ที่เราไปยื่นสลิปแล้วถอยรถออกมาได้ การซื้อเรือรบสักลำเราต้องวางแผนกันหลายปี หลังจากวันอนุมัติให้ซื้อจนถึงวันที่เรือเดินทางเข้าประจำการ ใช้เวลาประมาณ7ปีขึ้นไปครับ โดยเฉพาะเรือดำน้ำที่เป็นเรื่องใหม่สำหรับกองทัพเรือ เราต้องวางโครงการสร้างอู่ซ่อมเรือ ฝึกคน ท่าจอดเรือ ซึ่งมันใช้ร่วมกับเรือผิวน้ำแบบที่ประจำการอยู่ไม่ได้ เราเพิ่งอนุมัติวันนี้ กว่าเรือจะมาถึงก็อีกไม่ต่ำกว่า7ปี ในขณะที่ชาติที่เขาล้อมรอบบ้านเราอยู่ เขามีมาเป็นสิบปีแล้วครับ

ความเปราะบางด้านกำลังทางเรือตรงนี้ เป็นจุดที่กองทัพเรือตระหนักดีมาโดยตลอด และพยายามผลักดันโครงการมาอย่างต่อเนื่อง จนยอมชะลอโครงการจัดหายุทธโธปกรณ์อื่นๆแทบทั้งหมดเพื่อทุ่มเทงบประมาณเท่าที่ได้รับมาเพื่อสิ่งนี้ เพราะเราเห็นแล้วว่าความเปราะบางของกำลังทางเรือของเราอยู่ตรงจุดไหน ไม่อย่างนั้

เราคงไม่เห็นข่าวเครื่องบิน ทร.รุ่นเก่าคร่ำครึ ล้อหน้าไม่กางลงจอดแบบฉุกเฉิน นักบินทหารเรือยอมบินเครื่องเก่าๆไปก่อน กำลังรักษาฝั่งใช้ปืนใหญ่และปืนต่อสู้อากาศยานยุคโบราณไปก่อน เช่นเดียวกับกำลังส่วนอื่นๆที่พร้อมจะชะลอไว้ เพื่อให้เรามีเรือดำน้ำกับเขาเสียที เราไม่สามารถชะลอโครงการที่มันล่าช้ามาสิบกว่าปีไปได้อีกแล้วครับ มันเสี่ยงกับวิถีชีวิตปกติของคนในชาติ การกินอิ่ม นอนอุ่น ของพวกเราทุกคนเกินไป

เอาเงินจำนวนนี้ไปทำอย่างอื่นไม่ดีกว่าหรือ ผมตอบอย่างไม่อิงการเมืองนะครับ ถ้าเปรียบประเทศเราเป็นองค์กรหนึ่ง กระทรวงกลาโหมก็เหมือนพนักงานคนหนึ่งที่มีเงินเดือนของตัวเอง เงินเดือนจำนวนนี้ถูกปรับเพิ่มหรือลงก็ตามสถานการณ์ขององค์กร ถ้ามีเรื่องจำเป็นสำหรับส่วนอื่นๆ เราก็ถูกปรับลดเงินของเราลงไปช่วยอย่างอื่น และเราก็ทำแบบนี้มาโดยตลอด ในช่วงนี้ประเทศของเราโยกงบประมาณไปที่กระทรวงอื่นๆที่ไม่ใช่กองทัพเพื่อไปแก้ปัญหาในประเทศในด้านจำเป็นเร่งด่วนเยอะมาก

กระทรวงที่ได้งบประมาณมากที่สุดคือศึกษาธิการ แสดงว่าเราให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอันดับแรก รองลงมาคือมหาดไทยที่ทุ่มงบไปพัฒนาคุณภาพชีวิตตามท้องถิ่นต่างๆ อันดับ 3คือกระทรวงการคลังที่ใช้งบไปเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ

กระทรวงกลาโหมอยู่ในอันดับ4เท่านั้น ซึ่งโดนกระทรวง3อันดับแรก ทิ้งห่างอยู่พอสมควร การพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชาติ จึงอยู่ที่การติดตามตรวจสอบการบริหารงบประมาณที่ทุกกระทรวงได้รับว่าได้ใช้ไปอย่างถูกต้องโปร่งใสมากเพียงใด ไม่ใช่ให้ความสำคัญกับเรื่องเรือดำน้ำเพียงจุดเดียว สื่อหลายสื่อเล่นตรงจุดนี้ ทำให้เรื่องอื่นๆของกระทรวงอื่นๆถูกมองข้ามไป ทั้งๆที่เม็ดเงินมหาศาลกว่ากันมากมายนัก

โฟกัสมาที่กองทัพเรือ เราไม่ได้ดึงงบประมาณจากกระทรวงอื่นๆมาซื้อเรือดำน้ำ ไม่ได้ขอเงินจากใครเพิ่มเติม แต่เราเอาเงินที่เราได้รับตามโควต้าอยู่แล้วมาผ่อนจ่าย จะได้เพิ่มได้ลดแล้วแต่นโยบายของรัฐสภาเป็นปีต่อปี ได้รับแค่ไหนก็ใช้แค่นั้น ไม่พอจ่ายก็ขอต่อรองผ่อนผันระยะยาวกันไปเท่าที่กองทัพเรือไหว เพราะเราเห็นถึงความสำคัญในส่วนของเราว่าสิ่งนี้จำเป็นที่สุดในหน้าที่ของเรา โดยไม่ก้าวก่ายงบประมาณส่วนอื่นๆของประเทศเลย โดยในปีนี้เราผ่อนงวดแรกไปหลักพันล้านบาทและอยู่ในส่วนงบของเราเองที่ได้รับอยู่แล้ว ไม่ได้ดึงงบโควิดหรืองบกระตุ้นเศรษฐกิจมาใช้แต่อย่างใด ถึงไม่ซื้อเรือดำน้ำเราก็ต้องเอาไปทำอย่างอื่น แต่เราเห็นว่าเรือดำน้ำสำคัญที่สุดในตอนนี้ เราจึงเลือก

 

ส่วนเรื่องความโปรงใส เงินทอน อันนั้นก็ให้ผู้มีหน้าที่โดยตรงทั้งสื่อและองค์กรอิสระเป็นผู้ตรวจสอบกันต่อไป ผมก็ไม่เห็นด้วยกับการอุบอิบเช่นกันครับ แต่เราต้องแยกให้ออก ไม่อยากให้โกง กับไม่อยากให้มีเรือ มันเป็นคนละประเด็นกัน

ถ้ามีใจรับฟังปัญหา มีเวลาศึกษาหาข้อมูลรอบด้านมากกว่าที่สื่อเจตนาเสี้ยม เราจะเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น และเห็นถึงความเสี่ยงและเปราะบางของอ่าวไทยและน่านน้ำในละแวกบ้านเราไปพร้อมๆกัน ประเทศเพื่อนบ้านที่จนๆกว่าเรา เขายังมีกันหมดแล้วครับและคนในชาติของเขาก็สนับสนุนเต็มที่ด้วยซ้ำไป เพราะมันคือหลักประกันความมั่นคง การกินอิ่ม นอนอุ่น มีชีวิตปกติสุข และปากท้องของพวกเขาโดยตรงและสำคัญจริงๆ ขอบคุณครับ