เรียนรู้มหาวิทยาลัยหุ้นส่วนสังคมที่สหราชอาณาจักร ๓. เปลี่ยนวัฒนธรรม

วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2018 เวลา 00:00 น. ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช บทความ - การศึกษา
พิมพ์

ในเว็บไซต์ของ NCCPE (https://www.publicengagement.ac.uk ) ระบุเป้าหมายขององค์กรว่า “NCCPE seeks to support a culture change in universities. Our vision is of a higher education sector making a vital, strategic and valued contribution to 21st century society through its public engagement activity” 

อ่านแล้วผมตีความว่า ในยุคศตวรรษที่ ๒๑ สถาบันอุดมศึกษาต้องไม่ใช่เพียงสร้างบัณฑิตออกไปทำงานพัฒนา บ้านเมือง     ตัวมหาวิทยาลัยเองต้องเข้าไปร่วมพัฒนาบ้านเมืองด้วย    ผมตีความต่อว่า การเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ ต้องเริ่มที่กิจกรรมในชีวิตจริง หรือเริ่มที่ความรู้ปฏิบัติ    แล้วจึงย้อนกลับมาเรียนความรู้ทฤษฎี    มหาวิทยาลัยจะเอื้อต่อการเรียนรู้แบบนี้ได้ดี มหาวิทยาลัยต้องมีประสบการณ์ในการปฏิบัติด้วย

มหาวิทยาลัยในศตวรรษที่ ๒๑ จึงต้องเปลี่ยนหลายชั้นในเวลาเดียวกัน    และชั้นลึกที่สุดคือชุดความเชื่อ (mindset)  และวิถีปฏิบัติ หรือวัฒนธรรมของคนมหาวิทยาลัย  

ผมตีความว่า ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยทั่วโลก ทำงานวิชาการในรูปแบบ diffusion approach มาเป็นเวลานานนับร้อยปี   บัดนี้ต้องเปลี่ยนไปเป็น engagement approach   และสหราชอาณาจักรมีวิธีเปลี่ยนความเชื่อและวัฒนธรรมนี้อย่างแยบยล   ที่ผมต้องการไปสัมผัสและขุดคุ้ยตีความ    สำหรับนำมาเผยแพร่และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของอุดมศึกษาไทย    

Diffusion approach หมายความว่า มหาวิทยาลัยทำงานค้นคว้าสร้างสรรค์ความรู้ใหม่จากการทดลองหรือคิดค้นทางทฤษฎี    แล้วเผยแพร่อย่างกว้างขวางให้คนนำไปใช้อย่างอิสระ   เมื่อเอาความรู้นั้นไปใช้ได้ผลอย่างไรแล้วมีการตีความยกระดับความรู้และเผยแพร่ต่อไปอีก    ทำให้เกิดวัฒนธรรมวิชาการแบบต่อยอดซึ่งกันและกัน ก่อความก้าวหน้าแก่สังคมมนุษย์อย่างมหาศาล    แต่บัดนี้พบว่า วิชาการแบบ diffusion approach ไม่เพียงพอ    ต้องการ engagement approach เข้ามาเสริม หรือดำเนินการคู่ขนาน

Engagement approach หมายความตามที่กล่าวแล้วในตอนที่ ๑ ว่า  “ร่วมคิดร่วมทำแบบหุ้นส่วน   เกิดประโยชน์ร่วมกันแก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย   มีการใช้ความรู้และการเรียนรู้ร่วมกัน   เกิดผลกระทบต่อสังคมที่ประเมินได้”    และมีการสร้างกระบวนทัศน์ของผู้เกี่ยวข้อง  มียุทธศาสตร์สร้างการเปลี่ยนแปลง  มีกลไกดำเนินงานให้ได้ผล   และมีการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมมหาวิทยาลัย 

 การเปลี่ยนวัฒนธรรมไม่สามารถทำได้ผ่านการบังคับ    ต้องผ่านการกระทำ เรียนรู้ เห็นคุณค่า  และซึมซับ    นี่คือจุดสำคัญที่สุดที่ผมไปเรียนรู้ในช่วงเวลา ๘ วันของการเดินทาง    และนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในบันทึกชุด “มหาวิทยาลัยหุ้นส่วนสังคม” นี้

 กลไกสำคัญที่สุดคือ “พื้นที่ดำเนินการ” (action space)    ให้คนมหาวิทยาลัยส่วนหนึ่งได้มีโอกาสทำสิ่งใหม่ๆ ที่มีคุณค่า  แล้วเรียนรู้คุณค่านั้น    ทั้งด้วยสัมผัสของตนเอง และด้วยการเข้าร่วม “พื้นที่เรียนรู้คุณค่า” (learning space)    โดยผมตีความว่า การประชุม Engagement 2017 นี้ เป็น “พื้นที่เรียนรู้คุณค่า” ของกิจกรรมมหาวิทยาลัยหุ้นส่วนสังคม  

แน่นอนว่า การประชุม Engagement Conference 2017 เป็นพื้นที่เรียนรู้เทคนิควิธีการจัดการและดำเนินการกิจกรรมมหาวิทยาลัยหุ้นส่วนสังคมด้วย   แต่คุณค่าสำคัญที่สุดของการประชุม Engagement 2017 ในสายตาของผม คือ เป็น “พื้นที่เรียนรู้คุณค่า”

การเรียนรู้คุณค่า  นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงวิถีปฏิบัติในชีวิตการทำงานประจำวัน  เปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ ซึ่งก็คือการเปลี่ยนวัฒนธรรม    ซึ่งในที่นี้เป็นการเปลี่ยนวัฒนธรรมของคนในระบบอุดมศึกษา     จากวัฒนธรรมวิชาการลอยตัว ไปสู่วัฒนธรรมวิชาการหุ้นส่วนสังคม    ที่หากประเทศไทยเราดำเนินการได้ผลภายใน ๑๐ ปี    ก็จะมีความหมายต่อการบรรลุเป้าหมาย ประเทศไทย ๔.๐    ดังที่ผมเคยเสนอไว้ว่า ประเทศไทย ๔.๐ ไม่มีทางบรรลุได้ หากมหาวิทยาลัยไม่เปลี่ยนกระบวนทัศน์ (https://www.gotoknow.org/posts/634621) 

ผมตั้งข้อสังเกตว่า NCPPE มีเครื่องมือหลายชิ้น สำหรับช่วยให้มหาวิทยาลัยเปลี่ยนวัฒนธรรมของตนเอง เช่นเครื่องมือประเมินตนเอง ที่เรียกว่า EDGE (https://www.publicengagement.ac.uk/support-it/self-assess-with-edge-tool)    ในชื่อเต็มว่า Embryonic, Developing, Gripping, and Embedded approaches to supporting engagement     

ในปี 2014 NCCPE ออกรายงาน  Building an Engaged Future for UK Higher Education ซึ่งอ่านรายงานสรุปได้ที่ https://www.publicengagement.ac.uk/sites/default/files/publication/engaged_futures_summary_report_final.pdf    และอ่านรายงานฉบับสมบูรณ์ได้ที่ https://www.publicengagement.ac.uk/sites/default/files/publication/t64422_-_engaged_futures_final_report_72.pdf    รายงานดังกล่าวชี้ชวนให้เห็นว่าสถานการณ์แวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ทำให้มหาวิทยาลัยจะต้องเปลี่ยนแปลง     เปลี่ยนจากการเป็นหอคอยงาช้าง  ไปเป็นสถาบันที่มองออกข้างนอก และเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนากิจการต่างๆ ของสังคม    โดยที่รายงานนี้ไม่ใช่ได้จากการนั่งเทียนเขียน   แต่มาจากการทำงานวิจัยตั้งคำถามหลัก ๕ คำถาม    สอบถามความเห็นของผู้คนในภาคส่วนต่างๆ     

ผมสรุปสาระหลักจากรายงานดังกล่าวว่า  มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรถูกกดดันเรียกร้อง ให้ต้องรับผิดชอบเพิ่มจากเดิมหลากหลายด้าน    และการตอบสนองไม่มีทางทำได้โดยมหาวิทยาลัยเอง    ต้องอาศัยการทำงานร่วมกับหุ้นส่วนต่างๆ ในสังคม    รายงานสรุปหน้า ๓ ระบุหุ้นส่วนดังนี้ “public, students, museums, local authorities, local and national charities, think tanks and artists, across all fields of economy and society” 

รางวัล Engage Watermark  (https://www.publicengagement.ac.uk/work-with-us/engage-watermark) เป็นเครื่องมืออีกอย่างหนึ่งของการส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรเปลี่ยนวัฒนธรรม สู่วัฒนธรรมหุ้นส่วนสังคม    เป็นรางวัลที่มอบให้แก่มหาวิทยาลัยที่เป็นเลิศในการดำเนินการสนับสนุนเชิงสถาบันต่อ engagement    คำว่า watermark แปลว่า “ลายน้ำ” หมายถึงลายน้ำในกระดาษ ที่ฝังอยู่ในเนื้อกระดาษ    ในกรณีของรางวัล Engage Watermark จึงหมายถึงมีการจัดการที่มี engagement ฝังอยู่ในเนื้อใน (embedded) ทั่วทั้งองค์กร    

การยื่นขอรางวัล เป็นการสำรวจตนเองของสถาบัน     ช่วยการปรับปรุงการดำเนินการด้านต่างๆ ให้เอื้อต่อการทำหน้าที่หุ้นส่วนสังคม

รางวัลนี้มี ๔ ระดับ คือ เหรียญบรอนซ์, เงิน, ทอง, และพลาตินั่ม    มีรายละเอียดที่ https://www.publicengagement.ac.uk/work-with-us/engage-watermark/engage-watermark-award-levels     และในปี 2018 จะเริ่มมีรางวัลให้แก่ระดับคณะหรือสถาบันวิจัย เรียกว่า Engage Watermark Faculty Award  

NCCPE Public Engagement Network (https://www.publicengagement.ac.uk/work-with-us/public-engagement-network) เป็นอีกกลไกหนึ่งของการส่งเสริมวัฒนธรรมหุ้นส่วนสังคม    ในระดับบุคคล    ผ่านกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ใน digital platform  

  ในเว็บไซต์ของ NCCPE ส่วน Work with Us (https://www.publicengagement.ac.uk/work-with-us) ระบุกิจรรมที่ทำร่วมกับภาคีไว้ ๑๔ รายการ    ซึ่งผมตีความว่า เป็นกิจกรรมที่มีผลเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยสู่วัฒนธรรมหุ้นส่วนสังคมทั้งสิ้น    และบางประเด็นผมได้นำมาตีความดังข้างบน  



วิจารณ์ พานิช

๒๐ พ.ย. ๖๐  ปรับปรุง ๑๘ ธ.ค. ๖๐ 

แก้ไขล่าสุด ใน วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2018 เวลา 16:30 น.