โครงการ DFC3 : ๓. ความท้าทายต่ออุดมศึกษาเยอรมัน

วันศุกร์ที่ 12 กรกฏาคม 2013 เวลา 00:00 น. ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท บทความ - การศึกษา
พิมพ์

วันที่ ๑๐ มิ.ย. ๕๖ ช่วงเช้าเราประชุมที่โรงแรม  เพื่อเรียนรู้ความท้าทายต่อระบบอุดมศึกษาเยอรมัน จากวิทยากร ๒ ท่าน

ต่อไปนี้เป็นบันทึกใน iPadที่ผมบันทึกระหว่างวัน

 

ตื่นตี ๔ ได้นอน ๖ ชั่วโมงฟ้าเริ่มสางพอ๔.๓๐ น. ก็สว่างเปิดหน้าต่างได้ยินเสียงนกร้องเซ็งแซ่เพราะโรงแรมStreignebergerอยู่ติดกับสวนสาธารณะเล็กๆอากาศเย็นไม่มาก

พยายามจำชื่อและความสนใจของผู้ร่วมเดินทางและคิดวางแผนการทำ AAR ในช่วงการเดินทางบนรถเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ที่สุดจะเสนอให้สมาชิกอาสาสมัครทำหน้าที่ "ดร. ลิขิต" ของ AAR ในแต่ละวันสรุปประเด็นจากการ AAR แต่ละวันเอามาสรุป ๒ - ๓ นาทีให้กลุ่มได้ใช้ต่อความรู้ในวันต่อๆไปและจะได้เป็นเอกสารของรุ่นด้วย

ได้ความคิดว่าน่าจะทำความตกลงหมุนเวียนกันอาสาสมัครทำหน้าที่จดสรุปสาระสำคัญของแต่ละsession  สำหรับทำเป็นรวมบันทึกประจำรุ่น


ช่วงเช้า

ฟังบรรยายที่โรงแรมเพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่รัฐบาลกลางเข้าไปสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบของอุดมศึกษา  ด้วย Excellence Initiative  ซึ่งประกอบด้วย ๓ ส่วนคือ  (๑) บัณฑิตศึกษา  (๒) กลุ่มวิจัย  (๓) การสร้างความเข้มแข็งในอนาคต


ศ. ดร.ปิยะวัติบุญ-หลง

- เบอร์ลิน เป็นเมืองหลวงที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด

- Excellence Initiative, - for the Future :เป็นเครื่องมือที่รัฐบาลกลางใช้induce การเปลี่ยนแปลงในระบบอุดมศึกษา

ขอให้ฟังและทำความเข้าใจอะไร,ทำไม, บริบทคืออะไรมองลึกที่เบื้องหลัง, เอากลับไปใช้, หวังให้เกิดความร่วมมือกับเยอรมันที่เป็นรูปธรรม

Ingo Rollwagen: Doing More with Less ซึ่งดู pptการนำเสนอซึ่งซ้ำกับการนำเสนอที่อื่นของเขาได้ที่  และดู pptที่เขาใช้ประกอบการบรรยายในวันนั้นได้ ที่นี่

ในยุค knowledge-based economy มหาฯต้องเข้าไปทำหน้าที่ร่วมพัฒนาประเทศและพื้นที่ร่วมมือแสวงหาโอกาสใหม่ๆออกจากข้อจำกัดโดยเฉพาะ bureaucracy  ใช้พลังใหม่ๆเช่น ICT สาระที่สำคัญที่สุดของเขาคือ สถาบันอุดมศึกษาต้องหาทางทำประโยชน์ให้แก่สังคมมากขึ้น โดยที่ต่อไปจะได้รับเงินสนับสนุนโดยตรงจากรัฐน้อยลง

Tim Flink : German University Paradox เสนอผลการวิจัยผลกระทบจากโครงการ Excellence Initiative เนื่องจากเขาเป็นนักสังคมศาสตร์  การศึกษาผลกระทบนี้จึงศึกษาทั้งโดยวิธีวิทยาแบบ quantitative และ qualitative

มหาฯต้อง differentiate ทั้ง vertical และ horizontal  กลไกกลางกระตุ้นด้วย Excellence Initiative  ผลคือเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างแต่วัฒนธรรมเน้น Academic Excellence ของอจ. ไม่เปลี่ยนดู pptของ Tim Flinkได้ ที่นี่


ช่วงบ่าย

เยี่ยมเรียนรู้กิจการของ BSEL(Berlin School of Economics and Law) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐในกลุ่มUniversity of Applied Sciences and Artsคือเน้นการประยุกต์ใช้ความรู้โดย BSEL เน้นด้านสังคมศาสตร์นศ. ที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยกลุ่มนี้เน้นเพื่อการมีงานทำเป็นหลักเป็นมหาวิทยาลัยประเภทที่มีจำนวนมากที่สุดคือมี ๒๒๑​ แห่งทั่วประเทศ BSEL มีนศ. ๑ หมื่นคนศาสตราจารย์ ๒๐๐ เจ้าหน้าที่สนับสนุน ๗๐๐

เน้นบริการนักศึกษาเพื่อให้มีงานทำสร้างคนให้หน่วยงานเอกชน - Cooperative Study Programmeแบบที่ นศ. เรียน ๓ เดือน ทำงาน ๓ เดือนสลับกัน  ได้รับเงินเดือนจากบริษัท  เรียน ๓ ปี เมื่อจบปริญญาตรี ๘๐% บริษัทรับเข้าทำงานประจำ  โดยที่ตอนคัดเลือก บริษัทเป็นผู้คัดเลือก  เป็น “สหกิจศึกษา” ที่เข้มข้นกว่าของบ้านเรามาก

ริเริ่มวิธีการพัฒนาสมรรถนะเพื่อการมีงานทำ หรือเป็นที่ต้องการของนายจ้าง  หรือเพื่อออกไปสร้างงานเอง หลากลายวิธี ได้แก่ บริการให้คำแนะนำปรึกษา (student counseling), การจัดฝึกอบรมทักษะเพิ่มเติมด้าน soft skills, การให้คำแนะนำปรึกษาด้านการทำงาน, ศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการ, หน่วยประสานงานกับนายจ้าง, เครือข่ายบริการการมีงานทำ, cross cultural mentoring

รุกไปร่วมมือต่างประเทศหลากหลายประเทศโดยร่วมกันจัดการศึกษาแบบ๒ ปริญญา ทั้งระดับปริญญาตรี และโท

สถานที่/campus ง่ายๆ

ความริเริ่มสร้างสรรค์ของมหาวิทยาลัยแบบนี้ เน้นที่การพัฒนานักศึกษา  เพื่อการมีอาชีพที่ดี  เราได้เห็นความภาคภูมิใจ ในตัวตนของมหาวิทยาลัยเพื่อการมีงานทำของนักศึกษา  ความร่วมมือกับต่างประเทศก็เพื่อบรรลุผลการทำหน้าที่นี้


ช่วงเย็น

ชมอาคารรัฐสภาเป็น guided tour เฉพาะกลุ่มเราเป็นทัวร์ประวัติศาสตร์มากกว่าทัวร์อาคารได้เห็นวิธีคิดสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ที่ใช้ประโยชน์หรือเกิดคุณค่าหลายด้านต่อสังคมเยอรมันรวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย

หลังจากนั้นเดินไปบริเวณBrandenberg Gate ที่เคยกั้นระหว่างเยอรมันตะวันออกกับตะวันตกบริเวณกว้างบรรยากาศคึกคักมีรถจักรยานคนถีบ ๑๐ คนนั่งรอบเป็นวงกลมแต่มีกลไกให้ส่งแรงไปทางเดียวกัน

หลังกินอาหารเย็นที่ภัตตาคารแถวนั้นชื่อTucher am TorเดินไปHolocaust Memorial ให้ความรู้สึกสังเวชกับการที่มนุษย์เกลียดชังเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์แล้วนั่งรถกลับโรงแรมโดยรถพาวนไปชมย่านสถานทูตด้วย

 

วิจารณ์ พานิช

๑๕ มิ.ย. ๕๖

คัดลอกจาก http://www.gotoknow.org/posts/542088