ชีวิตที่พอเพียง : ๒๐๖๙. ชื่นใจในการทำหน้าที่ บอร์ด

วันอังคารที่ 07 มกราคม 2014 เวลา 00:00 น. ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช บทความ - การศึกษา
พิมพ์

วันที่ ๒๑ และ ๒๒ พ.๕๖ผมได้เสพความชุ่มชื่นหัวใจ    จากการทำงานรับใช้สังคม ด้วยการเป็น บอร์ด ของหน่วยงานที่ทรงคุณค่ายิ่งต่อสังคม ๒ องค์กร

องค์กรแรกคือ มูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส ที่มี ศ. นพ. ประเวศ วะสี เป็นประธาน   ดร. เสนาะ อูนากูล เป็นรองประธาน   และกรรมการที่เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอีกหลายท่าน    มูลนิธินี้ทำงานมา ๓ ปี   มีการจัดองค์กร และทำงานอย่างมืออาชีพ บวกกับจิตกุศลหรืออาสาสมัคร   ทำงานเพื่อสังคม

ดร. เสนาะ ได้แนะนำให้ทีมจากบริษัทปูนซีเมนต์ไทย มาจัดระบบการบริหารงาน   ทำระเบียบข้อบังคับต่างๆ    และระบบตรวจสอบ   ทำให้งานเป็นระบบขึ้นมากอย่างน่าพอใจ   ขั้นตอนต่อไปคือการมีกลไกตรวจสอบ compliance   คือตรวจสอบว่า มีการดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับที่กำหนด

กิจกรรมที่ดำเนินการรวมแล้วเป็น วงเงินปีละเกือบ ๔๐ ล้านบาท    โดยที่รายรับกับรายจ่ายพอๆ กัน   แต่เมื่อคิดค่าเสื่อมราคาของอาคาร จะติดลบประมาณปีละ ๑๐ ล้าน   คณะกรรมการจึงมีมติให้ดำเนินการรับบริจาคให้ชัดเจนขึ้น   ซึ่งหมายความว่า ให้อำนวยความสะดวกต่อผู้ศรัทธา และต้องการบริจาค   แต่ไม่มีการกระตุ้นหรือชักชวนให้บริจาค    และคณะกรรมการจัดหาทุนที่นำโดยคุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม ก็จะไปปรึกษาหารือหาวิธีเพิ่มกองทุนสนับสนุนการดำเนินการ

ที่จริง หอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ ทำงานเทียบมูลค่าแล้ว มากกว่า ๔๐ ล้านอย่างมากมาย   เพราะงานหลายส่วนดำเนินการโดยอาสาสมัคร   โดยอาศัยความสามารถในการเชื่อมโยงเครือข่ายของผู้อำนวยการหอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ คือ นพ.​บัญชา พงษ์พานิช

ผมจึงมีความสุข ที่ได้มีส่วนร่วมเป็นกรรมการ ช่วยกันกำกับดูแลองค์กรสาธารณกุศลแห่งนี้

องค์กรที่สอง คือ สถาบันคลังสมองของชาติ ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่ความเข้มแข็งของสถาบันและระบบอุดมศึกษา    ในลักษณะทำงานหารายได้เลี้ยงตัวเอง    โดยได้รับการสนับสนุนจากงบประมาณแผ่นดินปีละ ๙ ล้านบาท    รวมวงเงินดำเนินการ รายรับรายจ่ายก็เท่าๆ กัน    และเกือบเท่ากับของหอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ    องค์กรนี้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ และมีการพัฒนาและวิวัฒนาการในการทำงานดีขึ้นมากมายในช่วง ๔ ปีที่ผ่านมา ที่ ศ. ดร. ปิยะวัติ บุญ-หลง มาเป็นผู้อำนวยการ

ประธาน บอร์ด ของสถาบันคลังสมองฯ คือ ศ. ดร. พจน์ สะเพียรชัย   และมีกรรมการที่เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองเช่นเดียวกัน    และที่ซ้อนกับของมูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส คือคุณหญิงชฎา กับผม

ปีนี้มีการเสนอให้ปรับการบริหารงานภายใน เพื่อให้ประหยัด และการตอบแทนพนักงานเป็นไปตามผลประกอบการยิ่งขึ้น    โดยที่มีการวิเคราะห์กิจการเป็น ๓ ชั้น   ชี้ให้เห็นว่าชั้นกลางเป็นงานหลัก  ประกอบด้วย ๒ กลุ่มงาน  ที่เป็นงานหลักและทำงานเลี้ยงตัวเองได้    คืองานกลุ่ม ฝึกอบรมด้านธรรมาภิบาลอุดมศึกษา     กับงานกลุ่ม study visit และ workshop เพื่อพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา

หน้าที่ของ บอร์ด คือ กำกับดูแลเชิงรุก ใน 3 mode ของการทำหน้าที่ธรรมาภิบาล    เพื่อให้องค์กรทำหน้าที่ยังประโยชน์แก่สังคมได้อย่างแท้จริงตามเป้าหมาย   อย่างน่าเชื่อถือ   และอย่างต่อเนื่องยั่งยืน 3 mode คือ Fiduciary Mode, Strategic Mode,และ Generative Mode

ผมเคยเขียนเปรียบเทียบการกำกับดูแลองค์กร ๓ แบบ คือ อุดมศึกษา  มูลนิธิ  และธุรกิจ ไว้ ที่นี่

 

 

วิจารณ์ พานิช

๒๓.๕๖

 

 

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย 

แก้ไขล่าสุด ใน วันอังคารที่ 07 มกราคม 2014 เวลา 09:06 น.