บันทึกไว้ในความทรงจำ
วันนี้ (12 ธ.ค.)
ในหลวงและพระราชินีทรงเป็นองค์ประธานในกิจกรรมอบรมผู้นำเยาวชนจิตอาสา ที่
ทม.11 เขตบางเขน
ทรงมีพระราชกระแสสอนเยาวชนและทรงมีพระราชปฏิสันถารกับเยาวชนจิตอาสาอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเองด้วยความเรียบง่ายแต่ทว่าอบอุ่นยิ่งนัก
เด็กๆบอกเล่าความรู้สึกมากมายที่ได้มาเข้าค่ายเยาวชนเป็นเวลา
3 วัน 2 คืน (คืนนี้เป็นคืนที่ 2 ก่อนจะแยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาในวันพรุ่งนี้)
ในครั้งนี้
น้องๆบางคนเป็นนักเรียนทุนจากโครงการกองทุนการศึกษา
ฐานะยากจน แทบจะไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ แต่ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวง
น้องคนหนึ่งเป็นชาวม้ง
บอกกับในหลวงแบบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ว่า “หนูได้ยินคนพูดว่าเมื่อ ร.9 สวรรคต
ม้งจะไม่มีที่อยู่ ร.10 จะให้ม้งออกไปจากประเทศให้หมด หนูกลัวมาก
กลัวว่าจะไม่มีแผ่นดินอยู่ กลัวว่าจะไม่มีที่ไป ไม่ได้เรียนหนังสือ
แต่หลายปีผ่านไป ร.10 ก็ไม่เคยไล่ พวกเราทุกคนสบายดี
แล้วในหลวงก็ยังให้หนูเรียนหนังสือด้วย”
ในหลวงตรัสตอบน้องคนนั้นความตามที่ฉันพอจะจำความได้ว่า
....ในแผ่นดินนี้ ไม่ว่าจะเชื้อชาติใด เราทุกคนคือคนไทย
ประเทศเราไม่เหมือนชาติอื่นใดในโลก เรารักกัน เราช่วยเหลือเอื้อเฟื้อแบ่งปันกัน
และในหลวงจะไม่มีวันทิ้งคนไทย พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์จะทำทุกอย่างเพื่อคนไทย
ขออย่าได้กังวล
น้องอีกคนถามในหลวงว่า
“ได้มาทราบถึงงานที่ในหลวงทำ แต่กลับมีข่าวไม่ดี ข่าวโกหกเรื่องในหลวงมากมาย
แล้วพระองค์ทรงท้อบ้างหรือไม่” (ถึงตรงนี้ฉันแอบตกใจกับคำถาม
แต่ก็ตั้งใจฟังคำตอบเป็นอย่างมาก)
ในหลวงทรงแย้มพระสรวล
ตรัสตอบด้วยพระสุรเสียงเรียบรื่นแต่หนักแน่น ความตามที่ฉันพอจะจำได้ว่า ...
เป็นเรื่องธรรมดาของทุกคนที่จะเหนื่อย หรือท้อ หรือเสียใจ
แต่เราต้องไม่ปล่อยให้ความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ฉุดรั้งให้เราหยุดทำงาน
หยุดทำหน้าที่ หรือหยุดทำสิ่งดีๆ เพื่อชาติบ้านเมือง
และเมื่อน้องคนหนึ่งถามในหลวงว่ามีอะไรที่ทรงอยากจะบอกกับพวกเรา
(เยาวชน) บ้าง ....
มีประโยคหนึ่งที่ฉันจะจำพระสุรเสียงอันสุขุมและอบอุ่นเป็นกันเองของพระองค์ประโยคนี้ตลอดไป
“... ต้องรู้และเข้าใจให้ถ่องแท้ ค้นหาความจริง
อย่างประวัติศาสตร์ก็มีทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี ที่พูดถึงประวัติศาสตร์
ไม่ใช่ว่าจะเป็นไดโนเสาร์ (ทรงพระสรวลเล็กๆ)
แต่เรื่องราวต่างๆที่ร้อยเรียงกันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเรียนรู้และเข้าใจ
ถอดบทเรียนว่าเราได้เรียนรู้อะไร...”
ที่ฉันจำได้
ทรงยกตัวอย่างให้เด็กๆได้อย่างน่ารักมากๆ ประมาณว่า ตอนนี้เราพูดอยู่ ...
ทรงวางไมค์ลงแล้วตรัสต่อโดยไม่มีไมค์ว่า ...
เราวางไมค์แล้วสิ่งที่เราพูดไปก็เป็นอดีต ... ทรงหยิบไมค์ขึ้นแล้วตรัสว่า ....
เราหยิบไมค์ขึ้นพูดใหม่ตอนนี้ที่เราพูดก็เป็นเรื่องของตอนนี้ ....
ทรงพระสรวลเป็นกันเองด้วยความเมตตา ตรัสถามเด็กๆว่า “เข้าใจใช่มั้ย” ..... บางที
อดีตหรือไม่อดีต หรือตอนนี้
มันก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าได้เรียนรู้อะไรจากสิ่งที่เราพูดบ้าง ...
ขอให้ลองไปประยุกต์ใช้ดู จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อเยาวชน
มีเรื่องราวความประทับใจอีกมากมายสำหรับฉันในค่ำคืนนี้
ปกติฉันจะจำอะไรต่อมิอะไรได้ดี แต่คืนนี้ที่มีทั้งน้ำตาแห่งความปิติ
มีทั้งเสียง(แอบ)หัวเราะคิกคักในความอบอุ่นและแสนน่ารักของทั้ง 2 พระองค์
ทำให้ฉันอิ่มอุ่นจนเรียบเรียงเขียนออกมาแทบไม่ถูกว่าจะเล่าอะไรก่อนหลังอย่างไรดี
.... ก็บรรยากาศมันสุดแสนจะตื่นเต้น
เพราะน้องๆทุกคนรู้แต่เพียงว่าจะมีประธานมาในกิจกรรมรอบกองไฟคืนสุดท้าย
โดยที่ไม่รู้เลยว่าประธานที่พี่ๆพูดถึง คือ “องค์ประธาน” ที่มาถึงในงาน
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
บันทึกไว้ในความทรงจำ
- รายละเอียด
- เขียนโดย: ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท
- หมวด: ประชาสัมพันธ์
- ฮิต: 850