คุณค่าของชีวิตในโลกยุคใหม่
โดย ปริญญา กระจ่างมล
22 พฤศจิกายน 2567
ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงไปมากมาย โลกยุคใหม่เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์ในทุกมิติ ดังนี้:
1. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะในเรื่องของ AI (Artificial Intelligence) และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและมีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้กันอย่างแพร่หลาย และเกิดผลทั้งในเชิงบวกและเชิงลบกับวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลก ในมุมของธุรกิจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น รวมไปถึงด้านการศึกษา และการดูแลสุขภาพ Internet of Things (IoT) ก็เป็นอีกเทคโนโลยีที่มีการคิดค้นอุปกรณ์ชิบ/แผงวงจรคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วที่สามารถนำไปฝังไว้ในอุปกรณ์/เครื่องมือต่างๆและทำให้อุปกรณ์/เครื่องมือเหล่านั้นสามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ รับ/ส่งข้อมูลเพื่อดูผลการทำงานหรือควบคุมการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งจากระยะไกลได้ ทำให้การใช้ชีวิตสะดวกมากขึ้น 3D Printing ก็เป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่ง ที่นำมาใช้ในการออกแบบและผลิตขิ้นงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถพิมพ์ชิ้นงานออกมาเป็นลักษณะ 3 มิติได้เหมือนต้นฉบับที่สแกนภาพมา มีขนาด รูปร่าง สัดส่วน ตรงตามชิ้นงานต้นแบบทุกประการ ผู้ใช้สามารถใช้วัสดุอะไรก็ได้ผลิตชิ้นงานนั้นออกมา เช่นพลาสติกชนิดต่าง ๆ โลหะบางชนิด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเครื่องพิมพ์ที่ใช้และการใส่วัสดุที่ต้องการสร้างชิ้นงานให้กับเครื่องพิมพ์ อีกเทคโนโลยีที่ต้องกล่าวถึงคือเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จากระยะแรก ๆ ที่เคยรับ/ส่งข้อมูลได้ไม่มาก ปัจจุบันสามารถรับส่งข้อมูลรูปภาพ หรือ วืดีโอที่มีปริมาณข้อมูลมาก ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และทำให้มนุษย์ไม่ว่าอยู่ที่ใดในโลกสามารถสื่อสารข้อมูลกันได้ตลอดเวลา
2. การเปลี่ยนแปลงด้านสังคมและเศรษฐกิจ โลกาภิวัตน์ที่เน้นการเชื่อมโยงระหว่างประเทศทำให้ข้อมูลด้านการค้า/การลงทุน และด้านวัฒนธรรมที่มีอยู่ทั่วโลกสามารถแลกเปลี่ยนกันได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งการก้าวสู่ยุคของเศรษฐกิจดิจิทัล ที่ส่งเสริมให้เกิดการทำธุรกิจการค้าแบบดิจิทัล ทำให้การซื้อขายออนไลน์และการดำเนินธุรกิจดิจิทัลมีบทบาทมากในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น การเติบโตของเมือง และการพัฒนาเมืองใหม่เพื่อรองรับการขยายตัวของประชากรที่เกิดการอพยพเปลี่ยนถิ่นที่อยู่กันมากขึ้นกลายเป็นเป็นสังคมเมืองและสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านที่อยู่อาศัยและวิถีชีวิตมากขึ้น
3. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวนมากขึ้น เกิดภาวะโลกร้อนโดยอุณหภูมิสูงมากขึ้นในฤดูร้อน หรือ เกิดพายุและฝนตกรุนแรงมากขึ้นในฤดูฝนหรือนอกฤดู และความกังวลเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะป่าไม้และแหล่งต้นน้ำถูกทำลายไปมาก การลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเป็นความท้าทายที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน การเน้นการใช้พลังงานสะอาด ก็เป็นปัญหาอีกด้านหนึ่งที่มีการค้นคว้าและพยายามนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้แทนพลังงานจากถ่านหินและฟอสซิลเพื่อลดภาวะโลกร้อนและอาจเป็นการกำหนดอนาคตใหม่ของมนุษยชาติ
4. การเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิตจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เช่น ฝุ่น PM 2.5 มลพิษในเมืองและจากโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ การต้องมาอาศัยอยู่ในสังคมเมืองที่แออัดและไม่มีเวลาส่วนตัวมากนัก ทำให้ประชากรเกิดความต้องการมีสุขภาพดีและมีการดูแลตัวเองเพิ่มขึ้น เทคโนโลยีชีวภาพเป็นอีก 1 เทคโนโลยีที่จะถูกพัฒนาและนำมาใช้มากขึ้น ช่วยเพิ่มอายุขัยและคุณภาพชีวิตของประชากรได้
5. การเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษา ระบบการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นที่ใช้นวัตกรรมด้านสื่อการเรียนการสอน เช่น การเรียนผ่านระบบออนไลน์และการใช้เทคโนโลยี AI ช่วยเพิ่มความสามารถในการศึกษา การเน้นทักษะใหม่ที่จำเป็นในโลกดิจิทัล
ในที่นี้จะเน้นการสร้างคุณค่าของชีวิตจากการก้าวเข้าสู่ยุคของ AI ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของผู้คนและการดำเนินธุรกิจต่าง ๆ ค่อนข้างชัดเจน บางธุรกิจที่ไม่สามารถปรับตัวได้ถึงกับต้องปิดกิจการไปเลยที่เดียว ประชาชนคนทั่วไปก็เริ่มสับสนจากการใช้สื่อสังคมออนไลน์ รวมทั้งสื่อโทรทัศน์ หรือสื่ออื่น ๆ ไม่รู้ว่าอะไรจริง อะไรมาจาก AI คนมานั่งอ่านข่าวอาจไม่ใช่คนจริง ๆ แต่สร้างมาจาก AI การโพสข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ ถูกตามเก็บพฤติกรรมจาก AI เมื่อเราเข้าไปดูสินค้าบนลาซาด้า พอไปใช้เฟสบุค ก็มีโฆษณาสินค้านั้นขึ้นมาให้เห็น แวดล้อมต่าง ๆ ดูเปลี่ยนไปมาก ชีวิตอาจดีกว่าที่คิด หรือแย่ลงจากเดิม มาดูกันต่อไป
ธุรกิจมักประสบปัญหาเกี่ยวกับต้นทุนที่สูง ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และเสมือนมีพนักงานล้นเกิน เมื่อปี 1980 หรือ ปี พ.ศ.2523 Michal Hammer ได้เสนอแนวคิดการปรับรื้อโครงสร้างขององค์กรแบบถอนรากถอนโคน (Reengineering) ขึ้นมาเพื่อให้เกิดการปรับปรุง 4 ด้านคือ การลดต้นทุน การเพิ่มคุณภาพของผลผลิต บริการ และความรวดเร็ว และในช่วงเวลา 15 ปีหลังจากนั้นธุรกิจต่าง ๆ ก็นำแนวคิดนี้ไปใช้ โดยลดจำนวนคนลงและนำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้งานทั้งองค์กร เพื่อทำให้กระบวนการทำงานสั้นลง การผลิตสินค้าและการให้บริการลูกค้ารวดเร็วมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์มีราคาถูกลงและซอฟต์แวร์สำหรับองค์การก็พัฒนาสนองความต้องการของธุรกิจมากขึ้น คำถามคือ ใครคือผู้ที่ต้องออกจากองค์กร ใครคือผู้ที่ได้ทำงานนต่อ กิจการย่อมต้องเลือกคนที่สามารถทำงานกับระบบคอมพิวเตอร์ และปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ และนั่นคือคุณค่าของคนที่สามารถทำงานต่อได้ในสถานะการณ์การเปลี่ยนแปลงนั้น ใช่หรือไม่ ในช่วงเวลานั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนต้องให้ความสำคํญกับกระบวนการทำงานทั้งระบบ
คุณค่าของคน ประกอบไปด้วย ความรู้ ความเชี่ยวชาญ ความชำนาญ ประสบการณ์ในการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งเกิดประโยชน์ต่อกิจการ เกิดประโยชน์ต่อผู้ร่วมงาน รวมไปถึงสภาวะของอารมณ์ เป็นคนจิตใจดี มีจริยธรรม มีคุณธรรม และเป็นคนมีเสน่ห์ สามารถเข้ากับผู้อื่นได้ดี มีเครือข่ายในแวดวงต่าง ๆ มากมาย ใครมีคุณสมบัติแบบที่ว่า น่าจะมีชีวิตที่ไม่ยากลำบากมากนัก
แต่โลกไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลาเพราะการพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นไปอย่างราดเร็ว ทั้งในส่วนของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ จากโทรศัพท์ตั้งโต๊ะกลายเป็นโทรศัพท์มือถือ จากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะกลายเป็นโน้ตบุค พกพาไปใช้ที่ไหนได้ และยิ่งไปกว่านั้นเทคโนโลยีเครือข่ายสื่อสารข้อมูลก็นพัฒนาไปอย่ารวดเร็วสามารถรับ/ส่งข้อมูล รูปภาพและภาพวีดีโอได้ในปริมาณมาก ๆ และรวดเร็ว รวมทั้งมีการพัฒนาคอมพิวเตอร์ก็เข้าไปฝังอยู่ในเครื่องรับโทรทัศน์ด้วย จึงเป็นยุคของการใช้ข้อมูลข่าวสารกันอย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น เพราะมีทั้งสื่อสังคมออนไลน์ ที่ให้ชาวโลกใช้กันได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารด้วยเสียง ข้อความ รวมถึงการสนทนาแบบเห็นหน้ากัน การค้นหาข้อมูลที่อยากรู้ และค้นได้จากทั่วทุกมุมโลก มีแพล็ทฟอร์มซื้อขายสินค้าเกิดขึ้นมากมายทำให้การค้าขายสินค้าทำได้ง่ายขึ้น สะดวกรวดเร็วมากขึ้น ที่กล่าวมานี้ชี้ให้เห็นว่าการที่โลกพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้งส่งผลทำให้คนเราต้องเรียนรู้ตลอดเวลาเช่นกัน แต่คำถามคือเราจะเลือกเรียนรู้อะไรบ้างที่จะทำให้เรามีคุณค่าชีวิตที่ดีมากขึ้น
วิธีการเรียนรู้และปรับตัวเพื่อทำให้ชีวิตมีคุณค่า
1. การพัฒนาตนเอง ด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยี การพัฒนาทักษะความเชี่ยวชาญใหม่ ๆ และอาจพัฒนานวัตกรรมขึ้นมา เพื่อให้ทันกับการการเปลี่ยนแปลง โดยการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน: การเลือกทำงานหรือกิจกรรมที่ถนัดและสอดคล้องกับคุณค่าและเป้าหมายของชีวิต
2. การสร้างสมดุลระหว่างเทคโนโลยีกับการใช้ชีวิต โดยการเน้นใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น การวางแผนการเงินและสุขภาพผ่านแอพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน การสนทนากับเพื่อนผ่านช่องทางโซเชี่ยลมีเดียต่าง ๆ การค้นหาและศึกษาความรู้ที่สนใจ การออกกำลังกายในประเภทและท่าที่เหมาะสมโดยดูตัวอย่างจากคลิบสอนการออกกำลังกาย ฝึกเล่นเครื่องดนตรีจากคลิบที่สอนการเล่นเครื่องดนตรีนั้น ฯลฯ แต่ต้องจำกัดการพึ่งพาเทคโนโลยีไม่ให้มากเกินไปด้วย เพราะสังคมมนุษย์ยังต้องการการพบปะพูดคุยและทำกิจกรรมร่วมกัน เป็นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ในโลกแห่งความเป็นจริงด้วย
3. การพัฒนาความสัมพันธ์และการเข้าสังคม ควรสร้างเครือข่ายที่มีคุณค่าโดยหาความสัมพันธ์เชื่อมต่อกับคนที่สนับสนุนการเรียนรู้ การพัฒนาและการประกอบอาชีพให้เราได้ การไปมีส่วนร่วมในชุมชน โดยใช้ความรู้และทักษะที่มีอยู่ช่วยเหลือสังคม เช่น การแบ่งปันข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม การแนะนำการใช้แอพลิเคชั่นบนสมาร์โฟน หรืคอมพิวเตอร์ เพื่อการประกอบอาชีพหรือเพิ่มพูนความรู้ ฯลฯ เป็นต้น
4. การปรับตัวในที่ทำงานและสังคม การพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา (Problem Solving) ต่าง ๆเพื่อให้สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี (Collaboration with Technology) เช่นเรียนรู้เรื่องการใช้ AI และระบบอัตโนมัติที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
5. การพัฒนาทักษะด้านจริยธรรมและความคิดสร้างสรรค์ สร้างจริยธรรมในการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ฝึกความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาและสร้างสิ่งใหม่ ๆ ทั้งนี้ต้องเริ่มจากความคิดที่ถูกต้องก่อนที่จะทำอะไรก็ตาม มิฉะนั้นอาจเกิดการกระทำที่ผิดพลาดและมีปัญหาตามมามากมาย
6. การพัฒนาความยืดหยุ่นและการปรับตัว (Resilience) เปิดใจรับการเปลี่ยนแปลง ฝึกปรับตัวต่อสถานการณ์ใหม่ ๆ ทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ต้องตระหนักอยู่เสมอว่าไม่มีอะไรหยุดอยู่กับที่ แวดล้อมทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ดังนั้นต้องไม่ยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป รวมทั้งต้องเรียนรู้และเสริมทักษะความชำนาญให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา