เฝ้าติดตามวง อีเมล์ วงหนึ่ง เสวนาถกเถียงกันเรื่องการเมืองการแบ่งขั้วในสุงคมไทยยุคปัจจุบันได้ความรู้มากทีเดียวว่าความเชื่อและความยึดมั่นถือมั่นแตกต่างกันมากในกลุ่มคนที่เชื่อต่างกัน หรือในคนต่างขั้วโดยที่คนต่างขั้ว ต่างก็ยึดถือมายากันคนละแบบ

 

ผมยึดถือมายา (บางทีเรียกว่าอุดมคติ) ไม่เอาคนโกง มาปกครองบ้านเมือง และหาทางรู้เท่าทันคนโกง

 

มีคนตั้งกระทู้ว่า “คุณเคยโกงโอทีไหม” “เคยเอาเวลาราชการไปทำกิจส่วนตัวไหม” “เคยรับค่านายหน้าจากบริษัทยาไหม”ในทำนองเพื่อจะบอกว่า การโกงนั้นเป็นปกติวิสัยในเมื่อตัวคุณเองก็เคยโกง เมื่อรัฐบาลโกงบ้าง จะร้องแรกแหกกะเฌอไปไย

 

ไม่ว่าจะโดยจงใจหรือไม่ ผมเรียกกระทู้เหล่านี้ว่า วาทกรรมลวง ล่อหลอกให้คนคิดว่าการโกงหรือคอรัปชั่น เป็นเรื่อง ธรรมดา

 

ประเด็นหนึ่งที่เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยพูดกัน คือจริยธรรมของผู้ทำงานสาธารณะ (public service) อันได้แก่นักการเมือง และข้าราชการและในยุคปัจจุบัน แม้งานธุรกิจ ก็มีแนวโน้มกลายเป็นงานสาธารณะมากขึ้นจึงมีการพูดกันถึงเรื่อง Corporate Social Responsibility มากขึ้น

 

คนที่ทำงานสาธารณะ หากทำชั่ว จะก่อผลร้ายต่อสังคม ต่อบ้านเมืองรุนแรงมากกว่าชาวบ้านทั่วๆ ไป เพราะมีโอกาสมากกว่ามีโอกาส “กินคำโต” กว่าและมีโอกาส “กินแบบปิดบังมิดชิด” ได้มากกว่าโชคดีของประเทศไทย ที่รัฐบาลทักษิณที่มียิ่งลักษณ์เป็นหุ่นเชิดกินมูมมามมากกินอย่างโจ่งแจ้ง และกินทั้งตระกูล จึงปิดบังความชั่วยาก

 

คนทำงานสาธารณะในตำแหน่งสูงจึงต้อง “ถือศีล” ข้อ “จริยธรรมในการไม่แสวงหาลาภโดยมิชอบจากตำแหน่งหน้าที่” ที่มีความเคร่งครัดกว่าเจ้าหน้าที่ระดับล่าง และเคร่งครัดกว่าคนทั่วไป นี่คือศีลที่ผมยึดถือมาตลอดชีวิตและให้คุณประโยชน์ทางอ้อมแก่ชีวิตที่ดีอย่างคาดไม่ถึง

 

วาทกรรมลวงของคนที่สนับสนุนหรือรักชอบรัฐบาลทักษิณ ที่มียิ่งลักษณ์เป็นหุ่นเชิดเป็นวาทกรรมที่ทำร้ายประเทศไทยฉุดดึงระดับศีลธรรม ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของผู้คนให้ตกต่ำ

 

สังคมที่ศีลธรรม จริยธรรมตกต่ำ เป็นสังคมที่ไม่เข้มแข็ง ไม่ยั่งยืน เกิดวิกฤติต่างๆ ได้ง่าย

 

วิจารณ์ พานิช

 

๑ เม.ย. ๕๗

 

 

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย Prof. Vicharn Panich