ผมได้เล่าความคิดคำนึงเรื่องการหาแนวทางสร้างนวัตกรรมในการพัฒนาสุขภาวะเด็กและเยาวชน ที่นี่ โดยในบันทึกดังกล่าวเสนอให้สร้างภูมิต้านทานภายในตัวเด็ก โดยการพัฒนา EF ให้เข้มแข็ง
ในบันทึกนี้ขอเสนอข้อคิดคำนึงจากการไปเป็นกองหนุนให้ สคส. ไปเสนอผลงานที่ สสส. ในส่วนข้อเสนอแนะการทำงานของ สสส. ในการสร้างเสริมสุขภาพเด็กผ่านมิติโรงเรียน เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๐ โดยผู้เสนอผลงานคือคุณอ้อ (วรรณา เลิศวิจิตรจรัส)
ผมไปให้ข้อเสนอแนะเสริมคุณอ้อ โดยที่ข้อเสนอแนะนี้อิงผลการวิจัยจากทั่วโลก และระบุไว้ ในหนังสือ The Finnish Lessons 2.0 และเคยเขียนไว้ใน บันทึกนี้ คือผลกระทบด้านการเรียนรู้ของเด็ก เพียงหนึ่งในสามเท่านั้นมาจากการดำเนินการของโรงเรียน อีกสองในสามมาจากปัจจัยนอกโรงเรียน (มายาคติข้อที่ ๑ ในบันทึกที่อ้างถึง)
ผมจึงเสนอให้ สสส. ใช้ทรัพยากรก้อนใหญ่ทำงานสนับสนุนหลายฝ่าย ให้ร่วมกันสร้าง สภาพแวดล้อมรอบตัวเด็ก เพื่อให้ปัจจัยส่วนสองในสาม (ที่อยู่นอกโรงเรียน) เพื่อการสร้าง “นิสัยสุขภาวะ” ให้แก่เด็ก
ถามว่าทำอย่างไร
คำตอบคือ มีหลายพื้นที่ในประเทศ ดำเนินการตามที่ผมเสนออยู่บ้างแล้ว ในหลากหลายรูปแบบ ให้เริ่มต้นโดยเสาะหาพื้นที่เหล่านั้น เชิญผู้นำหรือแกนนำของเขามาร่วมกันออกความเห็นว่า จะทำให้ได้ผลดียิ่งขึ้นได้อย่างไร จะขยายผลไปทั่วประเทศได้อย่างไร ปัจจัยที่ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งยวดใน การดำเนินการให้ได้ผลคืออะไร ฯลฯ แล้ว สสส. ให้เงินสนับสนุนหน่วยงานหรือทีมงาน ดำเนินการพัฒนา รูปแบบการเชื่อมโยงและขยายผลกิจกรรมเหล่านั้น ให้ขยายไปทั่วประเทศ และมีการเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ รวมทั้งมีการวัดการหยั่งรากลึกเป็นระบบพัฒนาเด็กและเยาวชน เสริมกิจกรรมที่โรงเรียน บูรณาการเป็นระบบ ส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน ที่อยู่นอกระบบโรงเรียน แต่ร่วมมือและส่งเสริมซึ่งกันและกัน มีเป้าหมายหลักที่การสร้างพลเมืองคุณภาพสูงให้แก่ประเทศ
ปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ และปัจจัยเสี่ยงต่อการเสียคนของเด็ก ก็จะลดไปเองโดยปริยาย
วิจารณ์ พานิช
๒๓ มิ.ย. ๖๐
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย Prof. Vicharn Panich ใน KMI Thailand
คัดลอกจาก: https://www.gotoknow.org/posts/631359