ระหว่างนั่งเครื่องบิน Airbus A380-800 ไปแฟรงค์เฟิร์ต คืนวันที่ ๘ มิ.ย. ๕๖ ผมได้อ่านคอลัมน์ Book Review ของ นสพ. The Wall Street Journal ฉบับวันที่ ๗-๙ มิ.ย. ๕๖ อย่างอิ่มใจ
เรื่องแรกคือเรื่อง The New Prometheus review หนังสือ Comebackเขียนโดย Charles R. Morris เป็นการทำนายว่าเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งหนึ่ง จากการค้นพบหินแก๊ส (shale gas) มากมายมหาศาล ซึ่งจะทำให้สหรัฐอเมริกามีพลังงานราคาถูก และมีการจ้างงานเพิ่ม ๑.๗ ล้านคนในปัจจุบัน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น ๔ ล้านคนในปี ค.ศ. ๒๐๒๐
Promethius เป็นเทพในนิยายโบราณ ที่เป็นผู้ขโมยไฟจากพระเจ้า เอามาให้มนุษย์ ทำไมพระเจ้าจึงใจแคบอย่างนั้นก็ไม่รู้
สภาพดังกล่าว ผสมกับการเปลี่ยนแปลงในประเทศที่เคยรับ outsource การผลิตสินค้า high tech จากอเมริกา จะดึงให้ต้นทุนการผลิตสินค้าในสหรัฐอเมริกาต่ำลงเมื่อเทียบกับการจ้างผลิตในต่างประเทศ และบริษัทต่างๆ ก็จะหันกลับมาใช้ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นฐานการผลิต
ผู้ review หนังสือเล่มนี้คือ Daniel Yergin รองประธานของบริษัทวิจัยและที่ปรึกษา ชื่อ IHS ผู้เขียนหนังสือ The Quest : Energy, Security, and the Remaking of the Modern World
ตอนนี้เริ่มมีข่าวความหวังของยุคอุตสาหกรรมใหม่ในสหรัฐอเมริกา หนาหูขึ้นเรื่อยๆ ผู้เขียนบอกว่า ในไม่ช้าเรื่องการขาดดุลการเงินของรัฐบาลสหรัฐก็จะกลายเป็นอดีต และประเด็นการเมืองก็จะเปลี่ยนไป
ผู้เขียนหนังสือบอกว่า สหรัฐต้องเตรียมตัวรับยุครุ่งโรจน์รอบใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อความสะดวกในการสื่อสารคมนาคม และกิจการอื่นๆ
เขาบอกว่า การค้นพบแหล่งพลังงานมหาศาลเมื่อปี 2008 นี้ มีทั้ง shale gas และ tight oil ซึ่งใช้เทคโนโลยีเดียวกันในการสะกัดออกมา ของ shale gas เขาใช้วิธีฉีดน้ำผสมทรายและสารเคมี ฉีดเข้าไปในชั้นหินแก๊ส ให้เกิดรอยแยก ให้แก๊สไหลไปรวมตัวกันที่รูที่เจาะเอาแก๊สออกมา
กระบวนการเช่นนั้น รบกวนสภาพแวดล้อมอย่างแน่นอน ตอนแรกประมาณกันว่าจะมีก๊าสมีเธนปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศมหาศาล เป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีฤทธิ์สูงกว่าคาร์บอนไดอ็อกไซด์ถึง ๒๕ เท่า แต่ตอนนี้ผลการวิจัยบอกว่า จะมีก๊าซมีเธนปลดปล่อยออกไปในปริมาณที่น้อยกว่าเดิมมาก
คุณสุเมธ ตันธุวณิชย์ อดีตกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์ที่เพิ่งพ้นวาระไป บอกผมเมื่อตอนต้นปีว่า การค้นพบ shale gas ค้นพบทั่วโลก แต่เทคโนโลยีการจัดการ shale gas ของสหรัฐก้าวหน้ากว่าประเทศอื่นๆ มาก เขาจะเปลี่ยนแก๊สเป็นกระแสไฟฟ้าราคาถูก การขนส่งไฟฟ้าราคาถูกกว่าขนน้ำมันหรือแก๊สมาก ดังนั้นต่อไปนี้จะเป็นยุคใช้กระแสไฟฟ้า ในไม่ช้ารถยนต์จะเป็นรถไฟฟ้าทั้งหมด ผมเดาว่าโลกใน 20 ปีข้างหน้าจะเปลี่ยนไปมากทีเดียว ความท้าทายร่วมกันของคนทั้งโลกคือ ภาวะโลกร้อนและภูมิอากาศวิปริตจะทุเลาลงหรือรุนแรงยิ่งขึ้น
ยุครุ่งโรจน์ กับยุคหายนะ อาจเป็นสิ่งคู่กัน หากไม่เอาใจใส่ด้านลบของความรุ่งโรจน์นั้น ไม่ว่าจะเป็นความรุ่งโรจน์ระดับโลก ระดับประเทศ ระดับองค์กร และระดับบุคคล
วันที่ ๑๓ มิ.ย. ๕๖ อ่าน Financial Times พบโฆษณา The FT Global Shale Energy Summit www.ft-live.com/shalesummit ๒๑ ต.ค. ๕๖ ที่ลอนดอน
วิจารณ์ พานิช
๙ มิ.ย. ๕๖ ปรับปรุง ๑๘ มิ.ย. ๕๖
บนเครื่องบิน Airbus A380-800 บินไปแฟรงค์เฟิร์ต
คัดลอกจาก http://www.gotoknow.org/posts/543564