บ่ายวันที่ ๑๕ ต.ค. ๕๖ ผมบินกลับจากภูเก็ต ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ ออกจากสนามบินเวลา ๑๕.๓๐ น. ก็นั่งรถไปวัดประยุรวงศาวาส ที่เชิงสะพานพุทธฯ ฝั่งธนบุรี เพื่อไปงานสวดพระอภิธรรมศพ ศ. นพ. กวี ทังสุบุตร อดีตอธิการบดี มข. และเคยเป็นอาจารย์สอนวิชารังสีวิทยาผมสมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ที่ศิริราช
พิธีสวดเริ่ม ๑ ทุ่ม แต่ผมไปถึงวัดตั้งแต่ ๑๗ น. เทวดาดลใจให้ผมเดินชมรอบพระเจดีย์องค์ประธาน แล้วก็ไปพบพิพิธภัณฑ์พระประยูรภัณฑาคาร ที่เปิดให้คนทั่วไปเข้าชม และเจ้าหน้าที่ยังแนะนำว่าเข้าไปเดินรอบด้านในบริเวณรอบพระบรมธาตุมหาเจดีย์ได้ รวมทั้งขึ้นไปชมด้านในของพระมหาเจดีย์ได้ด้วย เขาบอกว่าต้องเดินขึ้น ๒๕ ขั้น ไหวไหม
ระเบียงชั้นบนโดยรอบพระมหาเจดีย์สะอาด และชมวิวในวัดและโดยรอบได้ แต่เนื่องจากระเบียงสูงไม่ถึงสิบเมตร วิวก็ไม่ไกลมากนัก แต่เมื่อเดินเข้าไปด้านในขององค์เจดีย์ ก็ได้เห็นโบราณวัตถุที่มีชิ้นเดียวในประเทศไทย คือเสาแกนกลางของพระมหาเจดีย์
ทั้งพระบรมธาตุมหาเจดีย์ และพิพิธภัณฑ์พระประยูรภัณฑาคาร รวมกันได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอันดับ ๑ ด้านอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม ระดับภูมิภาค จากยูเนสโก ปี ๒๕๕๖ อ่านเรื่องราวประวัติการขุดค้นและการบูรณะได้ ที่นี่
วิจารณ์ พานิช
๑๕ ต.ค. ๕๖
พระบรมธาตุมหาเจดีย์
ป้ายบอกว่าได้รับ UNESCO Award Cultural Conservation 2013
พระพุทธรูปองค์หนึ่งที่ตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์
ระเบียงพระเจดีย์ชั้นบน
พระวิหารและพระอุโบสถ ถ่ายจากระเบียงชั้นบนของพระเจดีย์
บันไดขึ้นพระเจดีย์
เสาแกนกลางพระบรมธาตุเจดีย์
คำอธิบายเรื่องเสาแกนกลาง
ภายในองค์พระเจดีย์
ภายในองค์พระเจดีย์
เสาแกนกลางและโครงพระเจดีย์