บทเรียนจากความจริง
ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
วันเสาร์ ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2563, 02.00 น.
โควิด-19 (COVID-19) เปรียบเทียบผู้นำ 3 คน สี จิ้น ผิง-ทรัมป์
และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
2 เดือนที่ผ่านมา
ผมเขียนเรื่องโควิด-19 หลายครั้งและคงยังเขียนต่อไป วิธีการเขียนของผมสอนให้ผู้อ่านนึกถึงผู้นำกับการแก้วิกฤติโควิด-19 ว่า จะจัดการได้อย่างไร 3 ท่าน
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ผมเขียนถึง สี
จิ้น ผิง ในการเป็นผู้นำในช่วงวิกฤติโควิด-19
บัดนี้มีตัวเลขชัดเจนแล้วว่า หลังจาก 2 เดือน
ตัวเลขผู้ป่วยของคนจีนทั่วประเทศเริ่มนิ่งเพราะผู้นำเอาจริง เช่น
ช่วงวิกฤติเขาเดินทางไปให้กำลังใจที่อู่ฮั่นด้วยตนเอง
ส่งแพทย์และพยาบาลไปที่อู่ฮั่นทุกๆ จุดห้ามออกจากบ้านโดยเด็ดขาด
บัดนี้ตัวเลขนิ่งไม่มีผู้ป่วยเพิ่มและมีแนวโน้มจะลดลงด้วยแต่สถานการณ์ของจีนรุนแรงมาก
เช่น มีผู้ป่วยเกือบ 80,000 คนเสียชีวิต
3,000 กว่าคน
แต่ผู้นำเขามีศักยภาพแก้ปัญหาได้และพอเมื่อเหตุการณ์ดีขึ้น สี จิ้น ผิง
ก็กลับไปเยือนอู่ฮั่นเพื่อให้กำลังใจ
ผมคิดว่า สี จิ้น ผิง
คงกำลังคิดต่อว่าจะฟื้นเศรษฐกิจจีนอย่างไรนอกจากนั้นคงจะเป็นผู้นำในโลกในการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกและทำโดยเปิดเผยไม่ปกปิดข้อมูลผมเช็คหลายแห่ง
เช่น องค์การอนามัยโลกที่ยอมรับว่าจีนภายใต้การนำของสี จิ้น ผิง
มีธรรมาภิบาลโปร่งใสเปิดเผยทุกๆ เรื่อง
ผมต้องการให้จีนดูแลเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกด้วยเพราะประเทศจีนเองก็คงวิตกเรื่องการฟื้นตัวของเขาและเศรษฐกิจโลกที่สำคัญคือการเริ่มต้นของคนจีนมาเที่ยวไทยในระยะเวลาที่เหมาะสมและเน้นเศรษฐกิจ
เช่น การส่งออกของไทยไปจีนและการเชื่อมโยงเรื่องห่วงโซ่อุปทานของ2 ประเทศต่อเศรษฐกิจโลกให้กลับมาสภาพเดิมโดยเร็วไม่ให้มีปัญหา
หากมีเศรษฐกิจลูกโซ่จะอันตรายมาก ผมจึงให้คะแนนผู้นำจีน A
มาดูผู้นำอย่างทรัมป์ซึ่งเป็นผู้นำที่ไม่มีระบบความคิดเพราะไม่เชื่อวิทยาศาสตร์ช่วงแรกไม่ยอมรับด้วยว่ามีโควิด-19คือ
คิดไม่รอบคอบเชื่อว่าโรคร้ายแบบนี้เดี๋ยวก็หายไปเอง
พูดอย่างประมาทควรให้มืออาชีพมาเป็นผู้นำแต่ให้รองประธานาธิบดี
ซึ่งไม่มีความรู้เรื่องการแพทย์ทำตอนหลังตัวเลขในอเมริกาพุ่งขึ้นอย่างมาก
มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1,000 คน
ทำให้ทรัมป์เริ่มปรับตัวขึ้นเรื่อง โควิด-19 แต่ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมโลกมากนัก
ผมเคยพูดว่าผู้นำต้องเป็นที่ยอมรับซึ่งมีภาษาอังกฤษอยู่ 2 คำที่ทรัมป์ขาดทั้ง
2 เรื่อง
-Trust ความไว้เนื้อเชื่อใจ
-Credibility ความน่าเชื่อถือ
เขาโกหกทุกๆ เรื่องที่เขาได้ประโยชน์พอราคาน้ำมันในโลกตก
เรื่องโควิด-19 ปิดไม่ได้แล้ว
ตลาดหุ้นตก
ทรัมป์ไม่วิตกเรื่องสุขอนามัยของคนอเมริกาแต่วิตกเรื่องคะแนนนิยมเลือกตั้งปี 2020 ผมให้คะแนนผู้นำทรัมป์ในเรื่องโควิด-19 คือ F
มาถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้โดยเฉพาะการดูแลเรื่องนำเอาคนไทยจากอู่ฮั่นกลับมาเป็นที่น่าชื่นชมคือการแพทย์และการรักษาพยาบาลของไทยที่ผมชื่นชมมานานแล้วนายกฯประยุทธ์สนับสนุนให้การแพทย์ทำงานอย่างเต็มที่
จะมีจุดอ่อนเรื่องหน้ากากอนามัยที่ท่านนายกฯประยุทธ์ปล่อยให้กระทรวงพาณิชย์ทำข่าวที่ไม่ค่อยดีว่ามีคนสนิทของรัฐมนตรีหากินกับหน้ากากอนามัยโดยกักตุนและขายเกินราคาทำให้บุคลากรทางการแพทย์ไม่มีหน้ากากใช้
เป็นนายกฯก็ต้องรับผิดชอบด้วยผมให้คะแนนท่านประมาณ B+
ที่น่ากลัวจากนี้ไปก็คือ
1.โรคร้ายจะขยายไปยังประเทศอื่นๆที่น่ากลัวคืออิตาลีอิหร่าน
อเมริกา เกาหลีใต้ ยังดีที่ไม่ขยายไปประเทศยากจน เช่นอินเดีย หรือทวีปแอฟริกา
จะทำให้สร้างปัญหาให้เศรษฐกิจโลก
อย่างมาก
ท่านนายกฯประยุทธ์คงต้องมาดูแลเรื่องการฟื้นตัวระบบเศรษฐกิจจะทำอย่างไรโดยเฉพาะทำให้การท่องเที่ยวของไทยไม่ลงดิ่งไปมากกว่านี้ดีที่ไม่แจกเงิน
ผมเคยเขียนถึง เบนจามิน แฟรงคลิน
ที่ผมอ่านแล้วเรื่องการทำงานเขาเมื่อ 300 ปีมาแล้ว
และมีแนวคิดเกี่ยวกับความดีไว้ถึง 13 ข้อคือ
1.Temperance : บริโภคด้วยความพอประมาณ
ไม่รับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มากเกินไป
2.Silence : มีความสำรวมทางวาจา
พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและตนเอง หลีกเลี่ยงการสนทนาที่ไร้สาระ
3.Order : มีระเบียบ
จัดสิ่งต่างๆ ให้อยู่ในที่ซึ่งเหมาะสมและบริหารเวลาให้เพียงพอสำหรับทำงานต่างๆ
4.Resolution : ตั้งปณิธานแน่วแน่
ในสิ่งที่ต้องทำและทำให้สำเร็จ
5.Frugality : ประหยัด
พยายามใช้จ่ายให้น้อยที่สุดให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่นหรือตนเองโดยไม่ให้เกิดการสูญเปล่า
6.Industry : ขยันหมั่นเพียร
ใช้เวลาให้คุ้มค่าด้วยการทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป
7.Sincerity : ความจริงใจ
มีจิตใจที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม พูดแต่ความจริง ไม่หลอกลวงผู้อื่นให้เกิดความเสียหาย
8.Justice : ยุติธรรม
ไม่ทำร้ายผู้อื่นหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาความเป็นธรรม
9.Moderation : เดินสายกลาง
หลีกเลี่ยงการกระทำที่สุดโต่ง อดทนต่อความไม่พึงพอใจที่ได้รับจากผู้อื่น
10.Cleanliness : มีสุขอนามัย
รักษาความสะอาดทั้งเสื้อผ้า ร่างกาย และที่อยู่อาศัย
11.Tranquility : มีความสงบทางจิตใจ
ไม่ปล่อยให้เรื่องไร้สาระและสิ่งที่ควบคุมไม่ได้มาครอบงำจิตใจ
12.Chastity : รู้จักยับยั้งชั่งใจ
ไม่หมกมุ่นในกามารมณ์
13.Humility : ใช้ชีวิตอย่างถ่อมตัว
ทั้ง 13 ข้อเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนไทยและคนในโลกว่าหลักของชีวิตคือเกิดมาเพื่อทำความดีไม่เอาเปรียบคนอื่นอยู่อย่างง่ายๆ
ซึ่งใน 300 ปีที่แล้วสังคมยังไม่มีความโลภร่ำรวยเหมือนในปัจจุบันแนวคิดของเขาเมื่อ
300 ปีที่แล้ว
ยังนำมาใช้ในปัจจุบันได้และทั้ง 13
ข้อยังใช้แก้โควิด-19 ได้ด้วย
ผมอ่านแล้วทำให้เห็นสังคมไทยในอดีตที่ยังยกย่องคนดีในปัจจุบันคนดีในเมืองไทยกลายพันธุ์ไปเป็นคนไม่ดีมากมายข้อเขียนของคุณประสงค์
สุ่นศิริ ในแนวหน้าสัปดาห์ที่แล้วท่านพูดว่าคนไทยกลายพันธุ์ไปมากเช่น
ข้าราชการที่ดีก็หายาก มักรับใช้นักการเมือง ไม่รับใช้ประชาชน
ทหารดีๆ ก็หายาก
ครูดีก็หายาก
ผอ.โรงเรียนประถมมัธยมในเมืองไทยที่ดีๆ
ก็หายากเพราะต้องมีเส้นจึงมาเป็นได้การเข้าสู่ตำแหน่งบริหารเน้นวิธีสอบเป็นส่วนใหญ่
แต่ที่ถูกต้อง
ผอ.ควรจะได้รับการวัดด้านภาวะผู้นำและความสามารถในการบริหารผู้ปกครอง ครูและนักเรียนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันแบบที่ผมได้ทำร่วมกับทีมเทพศิรินทร์
เรียกว่า “เทพศิรินทร์โมเดล”
ในภาวะวิกฤติอ่านหนังสือเล่มนี้ดีบวกกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่านบวกกับความดีที่คนไทยจำนวนหนึ่งกำลังจะทำเช่นคิดดีต่อโลกใบนี้ไม่ให้คนรุ่นหลังขาดธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภาวะโลกร้อน
วิกฤติครั้งนี้คนไทยน่าจะสงบจิตสงบใจสู้กับวิกฤติโดยทิ้งความโลภเช่นกักตุนหน้ากากอนามัยโดยรัฐบาลเองก็ไม่ได้สนใจดูแลหน้ากากอนามัยให้พอเพียงกับบุคลากรของการแพทย์ของไทยยังมีคนสนิทนักการเมืองบางคนทำเสียเอง
“เศร้าครับ”
จีระ หงส์ลดารมภ์