Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับการดำรงชีวิตคนกรุง

พิมพ์ PDF

ได้ไปค้นเจอบทความเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่ผมเคยเขียนและนำเผยแพร่เมื่อปี 2550 เห็นว่ายังทันสมัยอยู่จึงขอนำมาเผยแพร่อีกครั้ง

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ระบบทุนนิยมได้เข้ามามีอิทธิพลกับการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนชาวไทยเป็นเวลานาน ทำให้วัฒนะธรรมและอารยะธรรมที่ดีงามของคนไทยขาดหายไป จากการดำรงชีวิตแบบเรียบง่ายรู้จักความพอเพียง มีความรักและโอบอ้อมอารีต่อกัน รู้จักให้และช่วยเหลือแบ่งบัน กลายมาเป็นการดำรงชีวิตแบบตัวใครตัวมัน เกิดการแข่งขันและ ชิงดีชิงเด่น เพื่อให้ตัวเองเหนือกว่าผู้อื่น
นายทุนผู้มีอิทธิพลในการควบคุมนโยบายและบริหารประเทศ ได้นำระบบทุนนิยมมาใช้ในการบริหาร นำหลักการและทฤษฎีในการบริหารธุรกิจมาใช้ในการบริหารประเทศ จึงทำให้สังคมไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่เป็นอยู่ เริ่มตั้งแต่การศึกษา ต้องแข่งขันกันสอบเข้าโรงเรียนที่ได้ชื่อว่าดีที่สุด เด็กที่ทำคะแนนสอบได้สูงกว่าก็จะมีโอกาสได้เข้าโรงเรียนที่ได้ชื่อว่าดีที่สุด เด็กที่ผู้ปกครองร่ำรวย จะได้รับการสอนพิเศษเพิ่มเติมเพื่อการสอบแข่งขัน ทำให้ได้เปรียบเด็กอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่สามารถได้รับการเรียนรู้ที่เท่าเทียมกัน
เยาวชนรุ่นใหม่ต่างแย่งกันเรียนเพื่อให้ได้รับปริญญาตรีเป็นอย่างน้อย สถานบันการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน เห็นโอกาสในการทำธุรกิจด้านการศึกษาเพราะมีความต้องการสูง ต่างแข่งขันกันทำธุรกิจ โดยมิได้คำนึงถึงคุณภาพของนักศึกษามากกว่าผลกำไรของธุรกิจ ประชาชนต้องลงทุนให้กับการเรียนในสถาบันการศึกษาเพื่อให้ได้รับปริญญาตรี เพื่อแข่งขันในการหางานทำ
นิสิตส่วนมากที่จบปริญญาตรีไม่สามารถเข้าทำงานได้เพราะ เรียนมาไม่ตรงกับคุณสมบัติของแรงงานที่ต้องการ เลือกงานเพราะคิดว่าตัวเองจบปริญญาตรีแล้วควรจะได้งานที่ดี และมีรายได้มากว่านี้ ทำให้นิสิตที่จบออกมาไม่มีงานทำเป็นจำนวนมาก
บริษัทใหญ่ๆที่มีทุนมากมีความได้เปรียบกว่าบริษัทเล็กๆ สามารถเลือกจ้างนิสิตจบใหม่ในระดับหัวกระทิได้ก่อน บริษัทเล็กๆไม่ค่อยมีโอกาสได้รับนิสิตจบใหม่ในระดับหัวกระทิ ต้องรับผู้ที่มีคุณสมบัติด้อยลงมา นำมาฝึกฝน เมื่อได้คุณภาพที่ดี ก็จะถูกดึงตัวไปอยู่บริษัทที่ใหญ่กว่า
นิสิตที่ตกงานเป็นจำนวนมากต้องหันไปทำธุรกิจส่วนตัว ขอเงินผู้ปกครองมาลงทุน ผู้ปกครองต้องเป็นหนี้เป็นสิน หรือขายสมบัติเก่ามาให้ แต่ในที่สุดก็ไปไม่รอดเพราะขาดประสบการณ์ หรือสายป่านสั้นไป มีจำนวนไม่น้อยที่เรียนต่อปริญญาโท และ ปริญญาเอก ถ้ามีผู้ปกครองที่ร่ำรวยก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าผู้ปกครองไม่ร่ำรวย แต่เพื่ออนาคตของบุตรหลาน ก็ต้องขายสมบัติเก่า หรือไม่ก็ต้องเป็นหนี้
ผู้ที่มีอิทธิพลในการบริหารประเทศชาติส่วนใหญ่ มาจากประชาชน สองกลุ่ม คือ กลุ่มนายทุน และกลุ่มนักวิชาการที่จบการศึกษา ระดับ ปริญญาเอก และ ปริญญาโท จากต่างประเทศ ท่านเหล่านี้ส่วนมากประสบผลสำเร็จเพราะท่านเป็นลูกหลานของผู้มีเงิน หรือ ผู้มีอำนาจ ท่านมีโอกาสมากกว่าคนอื่นๆได้ไปศึกษาเล่าเรียนต่างประเทศ ได้จดจำทฤษฎีต่างๆของต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่เป็นทฤษฎีระบบทุนนิยม ท่านคิดว่าดี และได้นำมาใช้กับประเทศไทย โดยมิได้นำความรู้ที่ท่านได้เล่าเรียนมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทย สังคมไทยจึงกลายเป็นสังคมของทุนนิยม มีแต่การแข่งขัน ความไม่รู้จักพอ การทำอะไรที่ได้เปรียบถึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง สังคมจึงสับสนและแตกแยกกันอยู่ในปัจจุบัน เป็นอันตราต่อประเทศชาติอย่างมาก
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญา ในการดำรงชีวิตประจำวันของคนไทยมาแต่อดีต รัฐบาลปัจจุบันได้มองเห็นความสำคัญของปรัชญานี้ และได้นำขึ้นใช้เป็นแผนในการบริหารประเทศชาติ พวกเราชาวไทยควรจะยินดีที่ผู้นำรัฐบาลมีความเข้าใจ และตัดสินใจยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางในการบริหารประเทศ แต่ก็น่าเสียดายที่ยังมีคนไทยเป็นจำนวนมาก ที่ยังไม่เข้าใจความหมายของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง และได้พยายามทำให้เกิดการสับสน
มนุษย์ไม่ได้อยู่ลำพัง เราอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว และสังคม การดำรงชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงถือเป็นรากฐานของการดำรงชีวิต เริ่มที่ตัวเราเองก่อน เราต้องทำความเข้าใจ สถานะของตัวเองว่าเราอยู่ในสถานะใด เราต้องรับผิดชอบใครบ้าง อันดับแรกก็ต้องคิดถึงการดูแลตัวเองก่อน ทำอย่างไรที่จะไม่ให้เราเป็นภาระของผู้อื่น หรือถ้าเรายังอยู่ในการดูแลของพ่อแม่ เรายังไม่สามารถดูแลตัวเองได้เต็มที่ เราก็ต้องรู้จักสถานะของตัวเราว่าเราเป็นผู้ได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ ทำอย่างไรที่เราจะแบ่งปันภาระของพ่อแม่ ต้องรู้ว่าหน้าที่หลักของเราคือการเรียนหนังสือเราก็ต้องพยายามเรียนหนังสือให้ดีที่สุด ไม่ให้เป็นภาระของพ่อแม่ และครูบาอาจารย์ ใช้จ่ายน้อยที่สุดเพราะเรายังหาเงินเองไม่ได้ หรือถ้ามีโอกาสหาเงินได้เพื่อนำมาช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ในการเลี้ยงดูเรา โดยไม่ทำให้หน้าที่หลักของเราเสียหาย ก็ดำเนินการ ขณะเดียวกันก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์และช่วยเหลือผู้อื่นที่ตกทุกข์ได้ยาก ทำให้ตัวเราเองมีความสุข ไม่ต้องไปคิดอยากได้ของๆคนอื่น พอใจกับสถานะที่เราเป็นอยู่และพยายามศึกษาเรียนรู้และเลือกทำในสิ่งที่มีคุณค่าต่อการดำรงชีวิตที่ยั่งยืนทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
เมื่อเราสำเร็จการศึกษาจนสามารถเข้าทำงานมีรายได้ เราก็ต้องรู้สถานะของตัวเองว่าขณะนี้เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องพึ่งพาตัวเอง และเตรียมการที่จะให้การดูแลผู้อื่นบ้าง เช่น พ่อแม่ต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูเรามาจนเราสามารถพึ่งตัวเองได้ เราก็ต้องคิดที่จะตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ที่เลี้ยงเรามา เราต้องมาคิดถึงรายได้และรายจ่ายของเรา ถ้ารายได้เรามีมากพอที่จะเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ เราก็อาจให้พ่อแม่เลิกทำงาน ให้ท่านได้พักผ่อน และเราเป็นผู้เลี้ยงดูท่านเอง หรือถ้าเรายังมีรายได้ไม่เพียงพอก็ต้องพยายามให้พ่อแม่ได้ทำงานน้อยลง และเราก็ให้ค่าเลี้ยงดูท่านพอที่เราจะอยู่ได้ บริหารรายรับรายจ่ายให้เหมาะสม กับสถานะความเป็นจริงของตัวเราเองและผู้ที่อยู่ในความดูแลของเรา ถ้ารายได้ยังน้อยกว่ารายจ่าย ก็ต้องหาวิธีที่จะลดค่าใช้จ่าย หรือเพิ่มรายได้ แต่ถ้ามีรายได้มากกว่ารายจ่าย ก็ต้องวางแผนในการดำรงชีวิตในวันข้างหน้า อาจต้องมีภาระต้องให้การเลี้ยงดูผู้อื่น เช่น การแต่งงาน การมีลูก เป็นต้น ทุกอย่างต้องมีแผน และคำนวณ ราย รับรายจ่ายให้เหมาะสม
คำว่าพอดี และเหมาะสม เป็นเรื่องที่พูดง่าย แต่ปฏิบัติยาก เช่นบางครั้งเราจำเป็นต้องเป็นหนี้ เพื่อหวังผลในวันข้างหน้า เช่นการลงทุนเรื่องการศึกษาหาความรู้เพื่อที่จะทำให้เราสามารถหางานใหม่ที่มีรายได้มากกว่าปัจจุบันและคุ้มกับการลงทุน ก็ไม่ได้ถือว่าหลักการนี้ไม่ถูกต้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง อย่างไรก็ตามแต่ละคนจะมีความพอเพียง และเหตุผลของความเหมาะสมที่แตกต่างกัน เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่เป็นพื้นฐานของธรรมชาติ อย่าไปคิดอะไรมากเพียง แค่ทำความเข้าใจเรื่องธรรมชาติและนำความรู้ที่เป็นธรรมชาตินำไปปฏิบัติในการดำรงชีวิตของตัวเราเองเพื่อให้เกิดความสุขกับตัวเองและผู้อยู่รอบข้างโดยไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
ผมอยากวิงวอนให้ประชาชนคนไทยทุกคนหันมาให้ความสนใจและศึกษาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อนำไปปฏิบัติในการดำรงชีวิตประจำวันของทุกคน โดยขอให้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ในทุกหมู่บ้าน และทุกชุมชน โดยขอให้สถานศึกษาเป็นศูนย์กลางของแต่ละชุมชน มีการเรียนรู้และปฏิบัติร่วมกัน สร้างชุมชนให้เข้มแข็งโดยการ นำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน จัดตั้งชมรมการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงในแต่ละชุมชน ผมว่าวิธีนี้จะเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยกันทำให้วัฒนะธรรม และอารยะธรรมที่ดีๆของสังคมไทยกลับมาอยู่ในสังคมไทยอีกครั้งหนึ่ง

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท
๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐

แก้ไขล่าสุด ใน วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน 2016 เวลา 13:04 น.
 

ชมรมการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงในชุมชนเมือง

พิมพ์ PDF

ผมเคยเขียนบทความชักชวนให้จัดตั้งชมรมการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงเมื่อวันที่  26 กันยายน 2556 และเผยแพร่ในเวปไซด์ นี้  มีผู้เข้ามาอ่านจำนวน 2,000 กว่าท่าน แต่ไม่มีผู้ใดติดต่อกลับมา จึงขอนำมาเผยแพร่อีกครั้ง

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

13 พ.ย.2559

ผมเองเคยพยายามจัดตั้ง ชมรมการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงในหมู่บ้านที่ผมอยู่ โดยเริ่มจากการจัดหาองค์กรที่สามารถให้การสนับสนุนได้ และผมก็สามารถหาผู้สนับสนุน จากมหาวิทยาลัย ธุรกิจบัณฑิต โรงเรียนราชวินิจ บางเขน โรงเรียนการเคหะท่าทราย โรงเรียนอนุบาลเข็มทอง องค์กรเหล่านี้จะเป็นผู้ให้การสนับสนุนโดยการเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ในหน่วยงานของตน ทำให้ผมสามารถสร้างเครือข่ายได้ในทุกระดับ คือระดับอุดมศึกษา มอบหมายให้มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต เป็นผู้ขับเคลื่อน ระดับมัธยมต้นและมัธยมปลาย ให้ โรงเรียนราชวินิต บางเขน เป็นผู้ขับเคลื่อน ร่วมกับ โรงเรียนการเคหะท่าทราย และโรงเรียนอนุบาลเข็มทองเป็นผู้ขับเคลือนเด็กอนุบาลและผู้ปกครอง สถาบันการศึกษาทั้ง 4 ให้ความร่วมมือ หลังจากนั้นจึงได้ติดต่อเขต และผู้นำท้องถิ่น และผู้แทนท้องถิ่น เมื่อทุกภาคส่วนเห็นด้วย จึงกำหนดให้แต่ละส่วนจัดหาสมาชิก เพื่อมาเลือกกรรมการเพื่อบริหารงาน ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง แต่ปรากฎว่าไม่มีผู้ขับเคลื่อนในการหาสมาชิก และช่วงนั้นผมต้องไปต่างประเทศเป็นเวลา เดือนกว่าๆ เมื่อกลับมาทุกอย่างไม่ก้าวหน้า และผมก็มีงานยุ่งมาก จึงไม่ได้ดำเนินการต่อ

การเรียนรู้ทางทฤษฏีอย่างเดียวไม่เกิดผล ต้องสร้างสังคมที่เรียนรู้จากการปฎิบัติ มีหัวหน้าและกิจกรรมในแต่ละวัย ผมมีการจัดเป็นแผนงานไว้ทุกขั้นตอน แต่ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชนนั้นๆ ต้องมีทั้งผู้ให้และผู้รับ สร้างงานให้คนในชุมชน ต้องทำให้คนที่ไม่มีงานทำมีรายได้ บริหารความเป็นอยู่ในชุมชนให้สามารถพึ่งพาซึ่งกันและกันได้ ผู้นำชุมชน หรือผู้แทนชุมชนต้องลงมามีส่วนร่วม

ผมได้นำความคิดและการดำเนินการที่ผ่านมาไปนำเสนอในการประชุมวุฒิอาสาธนาคารสมอง เมื่อต้นเดือน กันยายน ที่ผ่านมา และได้รับความสนใจจากหลายๆท่านุ ทำให้เห็นช่องทางที่จะนำเข้าเป็นโครงการของวุฒิอาสาธนาคารสมอง ท่านใดสนใจมีส่วนร่วมโปรดติดต่อผมได้ที่ e-mail address:  อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน  หรือโทร 089-1381950

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

26 กันยายน 2556

แก้ไขล่าสุด ใน วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน 2016 เวลา 13:20 น.
 

สมคิด ลาออกเถิดครับ ถ้าปัญญาของท่านมีแค่การขายประเทศเพื่อสร้างภาพ

พิมพ์ PDF

อ่านบทความนี้แล้วจึงทราบว่าข้อมูลที่ปวิช เพชรอริยะ นำมาเผยแพร่เรื่องสมคิดจะจ้างเวิลด์แบงก์เป็นที่ปรึกษาแก้จุดอ่อนการทำธุรกิจ ทำให้เกิดการตีความคาดเคลื่อน จริงๆมันคนละประเด็นกัน ปวิช ชี้ประเด็นว่าสมคิดไม่มีความสามารถในการแก้ปัญหาจุดอ่อนในการทำธุรกิจจนต้องจ้างต่างชาติมาเป็นที่ปรึกษา แต่ในบทความที่เขียนนี้หมายถึงสมคิดจะจ้างเวิลด์แบ็งค์มาเป็นที่ปรึกษาเพื่อช่วยให้ไทยติดอันดับเป็นประเทศที่น่าลงทุน กับต่างชาติ พูดง่ายๆก็เหมือนกับจะติดสินบนให้เวอร์แบงก์จัดอัดดับว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ง่ายต่อการลงทุนเพื่อชักชวนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นไหน ผมก็ว่าเป็นความคิดที่ไม่เอาไหน ขายประเทศชาติทั้งสองประเด็น นโยบายสนับสนุนให้ต่างชาติมาลงทุนให้มากๆก็คือนโยบายลดแลกแจกแถม ให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนเพื่อนำเงินเข้าประเทศให้เกิดการลงทุนจากต่างชาติมากๆ ก็เหมือนกับกำลังขายประเทศให้นักลงทุนต่างชาติเป็นเจ้าของประเทศไทยตักตวงทรัพยกรของประเทศนั่นเอง ลาออกเถิดครับ คุณสมคิดถ้าปัญญาของท่านมีแค่การขายประเทศเพื่อสร้างภาพว่าเศรษฐกิจของประเทศดี
ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท13 พ.ย.2559


“สมคิด” ตั้งธงดันไทยติด 1 ใน 30 การจัดอันดันความยากง่ายในการทำธุรกิจ เล็งจ้างเวิลด์แบงก์มานั่งที่ปรึกษาแก้เกมเดินถึงฝัน ขันนอตทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำงานเชิงรุก ชี้หากทางสะดวก ต่างชาติพร้อมหอบเงินเข้ามาลงทุนจำนวนมาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมการจัดอันดับความยากง่ายการทำธุรกิจของไทย (Doing Business) ว่า การจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจล่าสุดที่ธนาคารโลกจัดอันดับของไทยปีนี้ดีขึ้นจากอันดับ 49 มาอยู่ที่ 46 แต่รัฐบาลยังต้องเดินหน้าดำเนินการปรับปรุงและแก้ไขอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อันดับของไทยดีขึ้น โดยในปีหน้าตั้งเป้าหมายว่าจะต้องอยู่อันดับต่ำกว่า 30 เป็นอย่างน้อย “การดำเนินการให้ถึงเป้าหมายไม่ได้ยาก เพราะรู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ที่ผ่านมาก็ทราบว่าจุดแข็งและจุดอ่อนอยู่ตรงไหน มีเวลาดำเนินการแก้ไขจนถึงเดือน พ.ค.2560 ที่จะเป็นการสำรวจรอบใหม่ โดยได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ไปดูประเทศที่ได้รับการจัดอันดับที่ 1 ว่าต้องอำนวยความสะดวกอย่างไร ก็ให้ไทยทำในลักษณะดังกล่าวให้ได้” นายสมคิดกล่าว นอกจากนี้ จะมีการว่าจ้างธนาคารโลกมาเป็นที่ปรึกษาในการแก้ไขปัญหาการจัดอันดับความยากง่ายการทำธุรกิจ โดยจะให้ธนาคารโลกระบุลงในรายละเอียดเลยว่ามีประเด็นไหนบ้างที่ไทยต้องแก้ไข จะได้ดำเนินการแก้ไขให้ตรงจุด ขณะเดียวกัน หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะต้องทำการประชาสัมพันธ์สื่อสารไปยังภาคเอกชน และต้องชี้แจงธนาคารโลกที่เป็นผู้จัดอันดับว่าประเทศไทยได้มีการพัฒนาและดำเนินการอย่างไรบ้าง เพราะที่ผ่านมามีหลายเรื่องที่ไทยได้ดำเนินการ แต่ธนาคารโลกกลับไม่ได้นำไปพิจารณา นายสมคิดกล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำงานในเชิงรุก เหมือนกับกรมบังคับคดี ซึ่งได้มีการดำเนินงานปรับปรุงแก้ไขและพัฒนา จนเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การจัดอันดับในปีนี้ของไทยดีขึ้นมาก เพราะนอกจากจะแก้ไขกฎหมายและระเบียบทำให้การบังคับคดีให้มีความรวดเร็วขึ้นแล้ว ยังมีการเดินทางไปต่างประเทศชี้แจงให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดอันดับได้รับรู้ในสิ่งที่ไทยได้ปรับปรุงให้ดีขึ้น ทั้งนี้ คณะกรรมการที่ขับเคลื่อนชุดนี้จะมีการรายงานแผนทำให้การจัดอันดับดีขึ้นให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบถึงจุดอ่อนที่จะต้องเร่งแก้ไข โดยจะมีการกำหนดหน่วยงานที่รับผิดชอบชัดเจน และจะมีการติดตามผลอย่างใกล้ชิด โดยในเดือน ม.ค.2560 จะเริ่มประชุมติดตามความคืบหน้าเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม จากการเดินทางไปต่างประเทศ มั่นใจว่านักลงทุนจะขนเงินจำนวนมากมาลงทุนในภูมิภาคเอเชียและอาเซียน ซึ่งหากไทยมีความสะดวกในการทำธุรกิจ ได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ประเทศไทยจะเป็นเป้าหมายการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติจำนวนมาก.

หมายเหตุ : ภาพประกอบบทความ บางภาพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาแต่อย่างใด ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : ไทยโพสต์ จากหัวข้อข่าว ปั้นไทยประเทศ ลงทุน ง่าย สมคิด ขอติดอันดับ1ใน30 จ้างเวิลด์แบงก์เป็นกุนซือ

คัดลอกจาก : TerraBKK.com - http://terrabkk.com/?p=156205

แก้ไขล่าสุด ใน วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน 2016 เวลา 14:59 น.
 

ความรู้ด้านการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยว

พิมพ์ PDF


ความเข้าใจเกี่ยวกับ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” หรือ ทัวร์ราคาถูก–ต่ำกว่าต้นทุน...ดูจะผิดเพี้ยนไปมากขณะที่หลายคนซึ่งมีความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจทัวร์ต่ำกว่าต้นท


อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/768412?utm_source=nytive.com&utm_medium=cpc&utm_campaign=no+group&utm_content=ad-73907&utm_term=nytive

ได้อ่านบทความของไทยรัฐ ฉบับพิมพ์ 31 ต.ค. 2559 เนื่องจากผมเป็นผู้หนึ่งที่อยู่ในวงการท่องเที่ยวตั้งแต่เรียนจบได้ทำงานในสายด้านการท่องเที่ยวมาตลอดจนกระทั่งปัจจุบัน ถึงแม้นจะไม่ได้ทำงานในภาคธุรกิจและหันมาบริหารมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ มาแล้วร่วม 6 ปีก็ตามแต่ไม่เคยทอดทิ้งเรื่องการท่องเที่ยว อดไม่ได้ที่จะขอแสดงความคิดเห็นดังนี้

เรื่องการบริหารจัดการภาคการท่องเที่ยวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเกี่ยวเนื่องกับ เศรษฐกิจ สังคม และความั่นคง จะต้องได้รับการพิจารณาและวางนโยบายอย่างรัดกุม ต้องมองในทุกมิติ อย่างไรก็ตาม ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนจะต้องมีความเข้าใจเรื่องการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวในแต่ละภาคส่วนอย่างแท้จริง ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูงมากเชื่อว่าไม่ด้อยกว่าประเทศใดในโลก ดังนั้นถ้าผู้บริหารประเทศมีความเข้าใจเรื่องการทองเที่ยวอย่างแท้จริง มีการบูรณาการในทุกภาคส่วน และกำหนดนโยายที่ชัดเจนและสามารถนำไปปฎิบัติได้จริง จะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน สามารถกระจายรายได้ไปถึงประชาชนในทุกภาคส่วน โดยไม่เป็นทำลายวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของปะชาชน รวมถึงสิ่งแวดล้อม 

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

11 พ.ย.2559

แก้ไขล่าสุด ใน วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2016 เวลา 14:56 น.
 

ขอผลการตรวจจากหมอถ้าไม่มีให้กลับไปขอ ถ้าไม่ได้ทางคลีนิคจะไม่ออกใบส่งตัวให้

พิมพ์ PDF
ได้รับการติดต่อจากคุณวันชนะ ผู้ป่วยที่ไปขอการรักษาโดยใช้สิทธิ์ของบัตรทอง อ่านแล้วเห็นใจ คิดว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับประชาชนเป็นจำนวนมากจึงขอนำมาเผยแพร่ เผื่อผู้ที่เกี่ยวข้องจะช่วยกันปรับปรุ่งแก้ไขการบริหารจัดการเพื่อให้ความสะดวกและเห็นคุณค่าของคนอย่างเท่าเทียมกัน
โปรดอ่านข้อความของคุณวันชนะด้านล่างนี้ครับ ท่านใดมีข้อแนะนำดีๆที่สร้างสรรค์ช่วยแนะนำด้วยครับ
ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท
10 พ.ย. 2559

จาก: วันชนะ แดงเวช อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน หัวข้อ: ขอผลการตรวจจากหมอถ้าไม่มีให้กลับไปขอ ถ้าไม่ได้ทางคลีนิคจะไม่ออกใบส่งตัวให้ —————————————
ผมมีปัญหาเกี่ยวกับหู มีน้ำหนองไหล และการได้ยินรับเสียงน้อยลง หรือเกือบไม่ได้ยิน หมอออกใบส่งตัวครั้งที่1ไปรักษาที่รพ.สิรินทร คุณหมอตรวจหูและนัดให้มาทำTC Scan ในวันที่8/11/59 และนัดอีก17/11/59เพื่อฟังผลการรักษา และการสแกน
ทางคลีนิคให้ผมเดินทางไปรับใบส่งตัวก่อนทุกครั้งที่เดินทางไปหาหมอตามนัด ถึงรพ.ผมต้องแจ้งการใช้สิทธิที่เคาเตอร และไปที่ฝ่ายอนุมัติสิทธิ อนุมัติสิทธิ บอกให้ไปที่ฝ่ายTC SCAN เพื่อทำการทีซีสแกน แต่ไปถึงเจ้าหน้าที่ให้ไปที่ฝ่ายการเงินเพื่อเครียค่าใช้จ่ายมีสิทธิบัตรทอง ฝ่ายการเงินแจ้งฝ่ายขอสิทธิยังไม่ให้สิทธิ์การรักษาครั้งนี้ ต้องกลับไปที่ฝ่ายขอสิทธิอนุมัติก่อน ผมก็ไปที่ฝ่ายขอสิทธิอีกครั้ง ผมเลยให้เจ้าหน้าคุยกับฝ่ายTC SCan เพราะเขาไม่สแกนให้ต้องให้ทางฝ่ายขอสืทธิรักษา อนุมัติก่อน ผมงงมากกับการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผมต้องเดินวนเวียนไปหลายแผนกกว่าจะรู้เรื่อง ซึ่งผมก็ป่วย ไม่ได้ยินอีก แต่มีภรรยาค่อยดูแลอยู่ ฝ่ายสิทธิก็บอกว่าต้องให้ทางCT สแกนให้ก่อน เพื่อจะรู้ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ในวงเงินที่ทางคลีนิคอนุมัติ เพราะทางคลีนิคเขียนในใบส่งตัวว่าให้CT SCANเท่านั้น ทางรพ.ก็กลัวจะไม่มีใครจ่ายเงิน ผมก็นึกในใจจะได้ตรวจมัยเนีย
ตกลงให้ไปทำการทีซีสแกนก่อน เพื่อทราบค่ารักษาแล้วให้กลับไปที่ฝ่ายขอสิทธิจึงจะอนุมัติให้ตามที่ตกลงกับคลีนิกก่อน ตกลงผมใช้สิทธิบัตรทองที่รัฐบาลมอบเป็นประกันสุขภาพให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อย แต่กลับต้องเสียความรู้สึกกับความต่ำต่อยที่ต้องยากลำบากกว่าจะใช้สิทธิรักษาพยาบาล หากมีเงินทองมากมายผมคงไม่ใช้บริการ เพราะทำให้ความรู้สึกผมแย่มากๆ กับขั้นตอนหรือขบวนการมากมายกว่าจะได้รักษา และยิ่งเสียความรู้สึกอีกคือในใบส่งตัวเมื่อแพทย์ทำการตรวจเสร็จ แพทย์ต้องกรอกการรักษาว่ารักษาผู้ป่วยอย่างไรบ้าง ให้ทางคลีนิคทราบ แต่ปรากฏว่าแพทย์ไม่ได้ลง ทางคลีนิคบอกถ้าไม่มีตรงนี้จะไม่ออกใบส่งตัวให้เด็ดขาด ให้เรากลับไปให้หมอเขียนให้อีก ผมก็บอกช่วยโทรถามทาง รพ.ได้มัยครับ ถ้ากลับไปเอาอีก1. ผู้ป่วยเสียเวลาเดินทาง 2.ภรรยาผมต้องลางานไปช่วยอีก3.รพ.อยู่ไกล 4. เสียค่าใช้จ่ายเดินทางอีก
ผมว่าการติดต่อสือสารมีหลายทาง ทำไมไม่ทำที่สะดวก ต้องให้ไปด้วยตัวเองเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย เจ้าหน้าที่คลีนิคควรมีความคิดทันกับเทคโนโลยีนะ
ทางคลีนิคไม่ฟัง ต้องเอาให้ได้ไม่งั้นไม่ออกใบส่งตัวนัดครั่งที่3ให้ ที่นัด18/12/59ผมเลยโทรแจ้ง1330ให้เข้าช่วย รอฟังคำตอบอยู่ เหนื่อยใจจริงๆครับที่เกินมาจน ถ้าไม่ป่วยไม่อยากใข้บริการหรอกครับ
แก้ไขล่าสุด ใน วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน 2016 เวลา 00:07 น.
 


หน้า 227 จาก 561
Home

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5644
Content : 3068
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8746512

facebook

Twitter


ล่าสุด

บทความเก่า