Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

คนมีบุญ

พิมพ์ PDF

**คนมีบุญ เป็นคนมีบุญอย่างง่ายๆ**

ส่งต่อๆมา อ่านแล้วถูกใจ 

ใครคือคนที่มีบุญมาก……ท่านเองก็อาจมีบุญมากได้ด้วยการฝีกฝน

* คนที่ทำทานมาก…อาจไม่ใช่คนที่มีบุญมากเสมอไป…คนที่มีศีลมาก…ก็อาจไม่ใช่คนที่มีบุญมาก…แล คนที่ทำสมาธิมาก…ก็อาจไม่ใช่คนที่มีบุญมากเช่นเดียวกัน

*คนที่ทำทานมาก……อาจเป็นเพียงคนที่รู้จักเสียสละมาก…แต่ถ้า ในชีวิตประจำวัน นั้น……ยังเป็นคนที่ขี้หงุดหงิดขี้บ่น…รู้สึกว่ามีแต่เรื่องที่ไม่น่าพอใจ…มีแต่เรื่องกวนใจมารบกวน…มีแต่สิ่งที่ไม่น่าพอใจมาให้ได้พบเห็น…มีแต่ความทุกข์ใจ……จะถือว่าเป็นคนมีบุญมากได้อย่างไร

*คนที่คิดว่ามีศีลมาก……ทำสมาธิมาก……ก็ไม่แตกต่างกันมากนักดอก……เพราะ…ถ้า ในชีวิตประจำวัน นั้น……ยังเป็นคนที่ขี้หงุดหงิดขี้บ่น…รู้สึกว่ามีแต่เรื่องที่ไม่น่าพอใจ…มีแต่เรื่องกวนใจมารบกวน…มีแต่สิ่งที่ไม่น่าพอใจมาให้ได้พบเห็น…มีแต่ความทุกข์ใจ……จะถือว่าเป็นคนมีบุญมากได้อย่างไร……แต่ ก็ยังดีที่ได้สะสมอริยทรัพย์ไว้ใช้ในโลกหน้า……เพียงแต่ …ในโลกปัจจุบัน…ย่อมถือว่า…ท่านยังไม่มีบุญมากจริง

*คนที่มีบุญมาก คือ…คนที่สบายใจง่าย ……อยู่ที่ไหน…ในเวลาใด……ก็สุขง่าย…ทุกข์ยาก……มีแต่ความเบาจิตเบาใจ…ปลอดโปร่งโล่งสบาย……ท่านล่ะ……เป็นเช่นว่าหรือยัง ???……

~ คนที่สามารถจ่ายค่าอาหารแพงๆในร้านดีร้านดัง…แต่ยังปล่อยให้ตัวเองหงุดหงิด…กับบริการ …หรือ…เรื่องอะไรที่ไม่ได้ดั่งใจ …อาจเรียกได้ว่า…เป็นคนมีสตางค์มาก…แต่ยังไม่ใช่คนมีบุญมากจริงๆ

~ คนที่มีบุญมากจริงๆนั้น… มักจะอยู่ง่ายกินง่าย… ปรับตัวได้ง่าย …ไม่ค่อยถือสาอะไรมากมายให้เป็นทุกข์ …อะไรที่เป็นทุกข์…ก็เพียงรู้ว่า…เป็นทุกข์…แต่…ไม่นำทุกข์มาแบก

* คนที่มีบุญมากจริงๆ …มักไม่ค่อยถือตัวถือตน …เข้าใจว่าสรรพสิ่งล้วนแต่เป็นสิ่งสมมุติ……ไม่มีอะไรที่ยั่งยืนถาวร……มีเกิดแล้ว…ตั้งอยู่…ในที่สุดก็ดับไป……มีความรู้สึกปล่อยวาง…มากกว่าเอามาแบกทับถมตัวเองให้เป็นภาระหนักตลอดเวลา……

*คนที่มีบุญมากจริงๆ……มักไม่คิดว่าตนเองพิเศษอะไรกว่าใคร …ในทางตรงกันข้าม …เขาจะรู้สึกขอบคุณ……เวลาที่ใครทำอะไรให้ ……ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ……จนรู้สึกว่าตนเองเป็นคนโชคดี ……แม้ถึงคราวที่ต้องประสบกับเหตุการณ์ใดๆที่ไม่ดี ……ก็ยังเห็นเป็นบทเรียน หรือ……ยังพอเห็นด้านดีได้อยู่……หรือ มักมองเห็นด้านบวกได้เสมอ

* คนที่มีบุญมากจริงๆ……ไม่จำเป็นต้องมีอะไรเพียบพร้อม ……หรือดีพร้อม ……ถึงกระนั้น……เขาก็ไม่รู้สึกต่ำกว่า……หรือสูงกว่าใคร ……ดีกว่าใคร……หรือเลวกว่าใคร ……ฉลาดกว่าใคร……หรือโง่กว่าใคร ……เพราะเขาให้เกียรติความเป็นคนของทุกคน ……รวมทั้งตนเอง ……จึงไม่นำตนเองไปเปรียบเทียบกับใคร ……หรือ……นำใครมาเปรียบเทียบกับตนเอง ……ถึงกระนั้น ……เขาก็ยินดีรับฟังคำแนะนำจากผู้อื่น ……โดยไม่หลงเป็นเหยื่อคำสรรเสริญ ……และ…คำนินทา 

* คนมีบุญมากจริงๆ……มองไปที่ไหน …เมื่อใด…ได้ยินอะไร……ก็สบายอกสบายใจ ……เพราะเข้าใจความเป็นเช่นนั้นเอง……ของทุกๆชีวิต ……เห็นคนได้ดี ก็รู้ว่า……เขาคงเคยทำสิ่งดีๆมาก่อน……เห็นคนลำบาก……ที่พอช่วยเหลือได้ ……ก็ช่วยไปตามกำลัง ……อะไรที่เกินกำลัง……ก็ไม่ปล่อยให้ตนเองว้าวุ่น กังวล ทุกข์ร้อนใจไปกับสิ่งนั้น……เข้าใจดีว่า……ทุกคนมีกรรมเป็นของตนเอง……มีกรรมเป็นมรดก……แต่ละคน…ย่อมเป็นไปตามกฎแห่งกรรมที่ตนได้เคยกระทำ……ไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี…ละอายต่อความชั่ว…กลัวบาป……ทำสิ่งที่ดีๆ……หาเวลาทำจิตให้ผ่องใสด้วยการมีสติในการปฏิบัติธรรม……โดยทำในที่ใดๆก็ได้……ไม่จำเป็นต้องไปทำที่วัด ……หรือ ที่สำนักปฏิบัติธรรมใดๆ……ทำที่บ้านก็ได้……ทำได้ในทุกแห่ง……ด้วยความมีสติในปัจจุบันขณะ

 

เครียด บ้า ฆ่าตัวตาย ไม่มีคนฟัง ดร.เสรี พงศ์พิศ

พิมพ์ PDF

#เครียด บ้า ฆ่าตัวตายไม่มีใครฟัง

 รัฐทุ่มเทการแก้ปัญหาโควิดระบาด จัดหาวัคซีน จัดรายการลดแลกแจกแถม แต่ก็เหมือนหยอดน้ำข้าวคนไข้โคม่า สังคมไทยอยู่ในสภาพนี้ คนจำนวนมากเป็นทุกข์ไม่ได้รับการเยียวยา ไม่ได้รับการใส่ใจในการแก้ไขปัญหา จึงมีคนเครียด บ้า ฆ่าตัวตายไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่ตายทั้งเป็น

 ที่เป็นข่าวฆ่าตัวตายสองปีนี้มีอยู่เรื่อยๆ แต่ที่ไม่เป็นข่าวมีมากกว่า และที่เครียดจนเรียกว่าป่วยทางจิตคงมีมากกว่า 3 ล้านคนอันเป็นตัวเลขที่ผู้เกี่ยวข้องมักแจ้ง ที่ไม่ได้แจ้งและไม่ได้รับการเยียวยาคงมากกว่าหลายเท่า

 โควิดมาซ้ำเติม  เพิ่มจำนวนคนป่วย คนทุกข์ คนเครียด แต่ก็ไม่เห็นรัฐบาล หน่วยงานต่างๆ ให้ความสนใจ ได้แต่ทุ่มเททุกอย่างกับการแก้ปัญหาโรคระบาด ไม่มีการนำเรื่องนี้มาวิเคราะห์และหาวิธีการแก้ไข อย่างน้อยมีกลไกเพื่อบรรเทาสถานการณ์ที่ย่ำแย่ ที่ยิ่งเลวร้ายหนักยิ่งขึ้นไปอีกเพราะข้าวยากหมากแพง

 โควิดมาขยายความเหลื่อมล้ำให้กว้างออกไป คนจนเพิ่มขึ้น คนป่วยมากขึ้นทั้งทางกายทางจิต คนตกงาน เงินออมหมด ไม่มีแม้แต่เงินซื้อข้าวกิน แม้จะมีรายการแจกเงิน แต่คนจำนวนไม่น้อยก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และที่ได้รับก็ “ไม่พอยาไส้” ไม่มีระบบรองรับ ความเจ็บป่วยครั้งนี้สาหัสนัก ยาแก้ปวด บรรเทาได้ชั่วคราวเท่านั้น

 สังคมไทยต้องการ “คนฟัง” มากกว่าคนพูด ต้องการให้รัฐบาลฟัง ให้พรรคการเมืองฟัง นักการเมืองฟัง ให้ข้าราชการฟัง ฟังเสียงของประชาชนมากกว่านี้ พูดให้น้อยลง เทศน์ให้น้อยลง สั่งและสอนให้น้อยลง แล้วจะเข้าใจปัญหาและความทุกข์ของประชาชนมากกว่านี้ และจะตอบสนองและแก้ปัญหาได้ดีกว่านี้

 เมื่อ 30 ปีก่อนตอนที่เกิดรสช.  เกิดรัฐบาลที่พลเอกสุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น คุณโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฏ์ เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ไปเชิญปราชญ์ชาวบ้านสองท่าน คือ ผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม จากแปดริ้ว กับพ่อบัวศรี ศรีสูง จากมหาสารคาม มาเป็นที่ปรึกษานายกฯ

 บรรดานักวิชาการและเอ็นจีโอต่างก็ทักท้วงแนะนำพ่อบัวศรีว่า อย่าไปเป็นที่ปรึกษาให้เผด็จการ พ่อบัวศรีตอบว่า “ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 มา มีรัฐบาลทหาร รัฐบาลพลเรือนไหนที่เคยฟังเสียงชาวไร่ชาวนาบ้าง ถ้าหากพวกเขาเชิญผมไปเป็นที่ปรึกษา ผมจะไป อยากได้ลูกเสือต้องเข้าถ้ำเสือ”

 พ่อบัวศรีนั่งเครื่องบินไปกรุงเทพฯ เพื่อเข้าประชุมครั้งแรกปรากฎว่าป่วยหนัก เข้าโรงพยาบาล และถึงแก่กรรม 6 เดือนต่อมา และพลเอกสุจินดาก็เป็นนายกรัฐมนตรีเพียง 47 วันอย่างที่ทราบกัน

 เล่าเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะเห็นด้วยกับรัฐบาลทหาร แต่เห็นด้วยกับพ่อบัวศรีว่า ที่ผ่านมามีรัฐบาลไหนที่ฟังเสียงของชาวไร่ชาวนาจริงๆ บ้าง เพราะคงได้ยิน แต่ไม่ฟัง ถ้าฟังจริง คงแก้ปัญหาได้ดีกว่านี้

 และคงจะสร้างระบบเศรษฐกิจที่ อี เอฟ ชูมาเคอร์ คนเขียน “เล็กนั้นงาม” ตามชื่อเต็มของหนังสือที่ว่า เป็น “เศรษฐกิจที่เห็นหัวประชาชน” (Small is Beautiful: Economics as if People Mattered) คือ เข้าใจคนจน ชาวไร่ชาวนา กรรมกร คนรากหญ้า คนชายขอบ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ

 นักจิตวิทยา นักจิตบำบัด ทราบดีว่า การให้การปรึกษา (counseling) นิยมเรียกว่า ให้การปรึกษา มากกว่าให้คำปรึกษา เพราะเป็นกระบวนการไปกลับสองทาง ระหว่างนักจิตวิทยากับคนไข้ โดยหัวใจของกระบวนการอยู่ที่การฟังและการตั้งคำถามที่เหมาะสม ถูกที่ถูกเวลา ไม่ใช่การให้คำปรึกษา คือ ไปสั่งไปสอนคนไข้ให้ทำอย่างโน่น บริโภคอย่างนี้

 ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้บอกว่า คนไข้มีปัญหาทุกข์ร้อน อยากบอกความในใจ อยากระบายความทุกข์ จึงต้องการคนฟังมากกว่าคนมาสอนเขาทันทีที่เห็นหน้า เหมือนกับรู้แล้วว่าปัญหาเขาคืออะไร แบบที่แพทย์ทั่วไปมักทำกัน บางคนแค่เห็นหน้าคนไข้ไม่ถามสักคำก็เขียนใบสั่งยาแล้ว

 การพัฒนาประเทศก็เหมือนกัน มีสูตรสำเร็จของ “คุณพ่อรู้ดี” รู้ว่าชาวบ้านต้องการอะไร

   

คนดีสังคมดี ดร.เพ็ญจันทร์ ล้อสีทอง

พิมพ์ PDF

 


หน้า 52 จาก 561
Home

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5642
Content : 3067
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8741335

facebook

Twitter


ล่าสุด

บทความเก่า