Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

พลังของความไว้วางใจ

พิมพ์ PDF

พลังของความไว้วางใจ

หนังสือTheTruth About Trust : How It Determines Success in Life ,Love, Learning, and More  เขียนโดยศาสตราจารย์ DavidDeSteno หัวหน้ากลุ่มวิจัย Social Emotions   มหาวิทยาลัย NortheasternUniversity บอกว่า ความไว้วางใจต่อกันและกันเป็นหัวใจของปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ในทุกด้าน   ไม่ใช่เฉพาะในเรื่องชีวิตสมรส การทำธุรกิจและเมื่อเข้ารับบริการทางการแพทย์  

 ผมตีความว่า ความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันและกันเป็นพื้นฐานทางอารมณ์ของมนุษย์ที่เป็นสัตว์สังคม   และเป็นสัตว์ที่มีช่วงชีวิตอ่อนแอยาวนานในวัยเยาว์ ชีวิตต้องพึ่งพาคนอื่นในหลากหลายสถานการณ์    ที่เรียกว่ามี inter-dependence   ในพัฒนาการตอนเป็นเด็ก มนุษย์ต้องพัฒนาตนเองให้มีคุณลักษณะทั้งด้าน independence  และ inter-dependence ไปพร้อมๆ กัน   สองคุณลักษณะนี้หาดดูผิวเผินขัดแย้งกัน   แต่จริงๆ แล้วมันส่งเสริมกันได้   คือคนที่มีความมั่นคงในตนเอง  จะมีความสัมพันธ์พึ่งพาต่อกันกับผู้อื่นได้ดี    คือคนที่ trust ตนเองได้ดี  จะ trustคนอื่นได้ดีด้วย   

ผมตีความว่าtrustช่วยให้สมองใช้พลังงานน้อย   จิตใจผ่องใส   แต่มนุษย์เราต้องฝึกทักษะในการไว้ใจคน    ว่าใครไว้ใจได้  และใครไม่น่าไว้วางใจ   ความสามารถนี้วิวัฒนาการขึ้นในมนุษย์และลิง    จึงเป็นคุณสมบัติที่เป็นทั้ง สัญชาตญาน   และเป็นสิ่งที่ต้องฝึก    หนังสือเล่าการทดลองในลิงเพื่อทำความเข้าใจกลไกทางจิตวิทยาของความไว้วางใจ   

ความสามารถในการไว้วางใจเป็นทั้งจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก    ส่วนจิตใต้สำนึกอยู่กับเส้นประสาทสมองเส้นที่๑๐  ชื่อ vagus nerve   ซึ่งเป็นเส้นประสาทสมองที่ยาวที่สุด คือผ่านคอ ลงไปที่หน้าอกและลงไปในท้อง   และน่าจะเป็นเหตุให้ฝรั่งบอกว่าตัดสินใจโดยใช้ gut feeling   ซึ่งรวดเร็ว และในหลายกรณีใช้ได้ผล     แต่ก็มีหลักฐานเตือนว่า อย่าเชื่อ gutfeeling นัก   เพราะมันไม่ถูกเสมอไป

ตรงกับที่บอกในหนังสือว่าอย่าไว้ใจตนเองเสมอไป   หรือแม้ตัวเราเองก็อย่าไว้วางใจนัก   ในหลายกรณีตัวเราเองก็อาจผิด    โดยเฉพาะพฤติกรรมของตัวเองในอนาคต     ศ. DeSteno มีผลวิจัยมาเล่าด้วย    ว่าคำพูดกับพฤติกรรมจริงๆของคนเราแตกต่างกันได้มากเพียงไร   กล่าวใหม่ว่าคนจำนวนมากพูดอย่างทำอย่าง    โดยอ้างเหตุผลสนับสนุนพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องของตนได้สารพัดเหตุผล    ที่ภาษาจิตวิทยาเรียกว่าเป็นพฤติกรรม rationalization    ที่ภาษาไทยพื้นบ้านเรียกว่า “เอาสีข้างเข้าถู”        

นอกจากใช้ประสาทอัตโนมัติแล้ว     ระบบประสาทด้าน trust ยังใช้ระบบฮอร์โมน เช่น oxytocin  นักวิจัยทดลองพ่น oxytocinเข้าโพรงจมูก ให้แก่ทีมที่กำลังร่วมกันตัดสินใจด้านการเงิน     พบว่าทีมมีความเชื่อถือกันและร่วมมือกันดีขึ้น    รวมทั้งเพิ่มความไม่ไว้วางใจทีมอื่นด้วย   

จะเห็นว่าความไว้วางใจต่อกันและกันเป็นกลไกทางสรีรวิทยาที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์    และเมื่ออยู่ในหมู่เพื่อนฝูงที่สนิทสนมไว้วางใจกัน  เราจะรู้สึกสบายใจ     และผมมีความเห็นว่าในสังคมที่คนซื่อสัตย์ต่อกัน มีความไว้วางใจต่อกันและกันสูง เป็นสังคมที่น่าอยู่    เป็นพื้นฐานของสังคมที่มีสุขภาวะสูง   ดังที่เรารู้สึกเมื่อไปญี่ปุ่นและประเทศแถบสแกนดิเนเวีย          

ในเมื่อคนเราตัดสินใจโดยอาศัยtrust    จึงมีคนหาวิธีเข้าไปสร้าง trustเพื่อหาผลประโยชน์   ที่เรียกว่า manipulate trust   กล่าวได้ว่า ที่ไหนมีผลประโยชน์ ที่นั่นมีการ “ปั่นความน่าเชื่อถือ”  โดยเฉพาะในยุคโซเชี่ยลมีเดียเฟื่อง     ซึ่งคำตรงกันข้ามคือ หลอกลวง 

ผมมีความรู้สึกตลอดมาว่าการที่ กสทช. อนุญาตให้มีทีวีช่องขายสินค้า   และอนุญาตให้โฆษกโฆษณาขายสินค้าอย่างที่ทำกันอยู่    เป็นกึ่งหลอกลวง    และเป็นการ manipulate อารมณ์อยากได้   เป็นกระบวนการล่าเหยื่อ   ที่ผมไม่อยากให้อนุญาตให้ใช้คลื่นทีวีเพื่อการนี้โดยเฉพาะ    ผมมองว่ามันก่อผลเสียมากกว่าผลดีต่อสังคมภาพรวม    ไม่ทราบว่าผมคิดมากไปหรือเปล่า       

แต่การmanipulatetrust  โดยใช้ไอทีก็มีที่ใช้ในทางบวกด้วย    ดังตัวอย่างหุ่นยนตร์ดูแลผู้ป่วยชื่อLouise ที่ใช้ถ้อยคำเตือนและแนะนำการกินยา และการปฏิบัติตัว แทนพยาบาล     โดยใช้ถ้อยคำที่อ่อนโยนห่วงใยเหมือนพยาบาลตัวจริง   ทำให้ผู้ป่วยเชื่อถือและปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง  

ที่น่าสนใจคือข้อสรุปจากผลวิจัยว่า คนเรายิ่งตำแหน่งสูง มีอำนาจมาก หรือร่ำรวยมากยิ่งเชื่อถือคนอื่นน้อยลง และเป็นคนที่น่าเชื่อถือน้อยลงด้วย   เขาอธิบายว่า เพราะในทางจิตวิทยา คนที่อยู่ในฐานะนี้รู้สึกว่าตนมีความจำเป็นด้านการพึ่งพาคนอื่น (inter-dependence) น้อย ความเห็นแก่ตัวจึงสูง    เพราะจิตใต้สำนึกบอกว่าตนไม่มีความจำเป็นในเรื่องการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันกับผู้อื่น   เขาจึงไม่จำเป็นต้องเห็นแก่ผู้อื่น   นักวิจัยสรุปว่า คนที่อยู่ในกลุ่มเศรษฐฐานะสูงจะมีความไว้เนื้อเชื่อใจคนอื่นต่ำ                          

วิจารณ์ พานิช

๙ เม.ย. ๖๓

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย  ใน สภามหาวิทยาลัย


 

เสวนาสด รายการ ทำมาหารวยกับโบบิ จันทร์ที่ 13 เมษายน 2563 เวลา 17.00-18.00 น

พิมพ์ PDF

เชิญรับชมรายการ เสวนาสด “ทำมาหารวยกับโบบิ” ทุกวันจันทร์ 17.00-18.00

สำหรับวันจันทร์ที่ 13 เมษายน 2563 ประเด็น ขออนุญาตนำเสนอมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ลูกจ้าง และประชาชน สู้ภัยโควิด 19 ต่อ ท่านนายกรัฐมนตรี”

ดำเนินรายการโดย :

Ø อาจารย์โบบิ (นายสมบูรณ์ นำทิพย์จันทาเจริญ)

ประธานศูนย์แว่นตาไอซอพติก

Ø หม่อมหลวงชาญโชติ ชมพูนุท

ประธานกรรมการ มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์

ทางสถานีโทรทัศน์โลกพระพุทธศาสนาเฉลิมพระเกียรติ  (WBTV) วัดยานนาวา        สามารถรับชมทาง ทีวี ผ่านจานดาวเทียม ตามช่องต่างๆดังนี้

·     ทางกล่องดาวเทียมค่าย GMM ช่อง 175

·     ทางกล่องดาวเทียมค่าย PSI ช่อง 239

·     ทางกล่องดาวเทียมค่าย CTH  ช่อง 870

·     ทางกล่องดาวเทียมค่าย  Infosat ;Thaisat; Indeasat ; Leotech ช่อง 189

 

ออกอากาศซ้ำวันพุธที่ 15 เมษายน 2563 เวลา 10.00-11.00


 

บทเรียนจากความจริง ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

พิมพ์ PDF

วันนี้ผมมีโอกาสได้อ่าน บทเรียนจากความจริงของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์  เห็นว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจมาก จึงขอนำมาเผยแพร่ให้เพื่อนๆได้อ่าน และในช่วงท้ายผมได้แสดงความเห็นไว้ด้วย

หม่อมหลวงชาญโชติ ชมพูนุท

10 เมษายน 2563

บทเรียนจากความจริง โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

ช่วงโควิด19 ผมมีเวลาคิดและเรียนของใหม่ๆ ถึงอายุมากก็เรียนทันกันได้ ถ้าสนใจในสิ่งนั้นและมุ่งมั่น จำได้ว่าตอนไปเรียนที่ UW ระดับปริญญาเอกมีความมุ่งมั่นมาก อะไรก็เรียนได้หมด ถ้าตั้งใจเสียอย่าง

แต่พออยู่ไปนานๆความมุ่งมั่นบางอย่างก็แผ่วไปบ้าง มีทีมงานทำให้บ้าง และคิดว่ามีประวัติการทำงานที่ผ่านมาพอใช้ได้ คิดว่าดีแล้ว ความจริงไม่ว่าคนเราจะอายุเท่าไหร่ ถ้ายังมีร่างกายหรือจิตใจที่ยังดีอยู่หรือยังมีไฟอยู่ เรียนรู้และทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้ โควิดครั้งนี้ทำให้ชีวิตมีค่าขึ้น เพราะตราบใดที่มีลมหายใจก็ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ

ชีวิตผมโชคดีที่จบมาจาก UW (University of Washington) กลับมาทำงานที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์หลังปริญญาเอก ในช่วง 1-2 ปีแรก ทำงานทางเศรษฐศาสตร์มาก ไม่ว่าสอนหรือดูแลวิทยานิพนธ์ปริญญาโทภาคภาษาอังกฤษ ซึ่งก็สนุกดี ผมสอนปริญญาโท Micro Economics ภาคภาษาอังกฤษและสอน MBA ของคณะพาณิชย์โดยการสนับสนุนจากอาจารย์สังเวียน อิทรวิชัย วิชาทางเศรษฐศาสตร์ คิดว่าอาชีพทางเศรษฐศาสตร์นี้ก็จะดีเพราะไปได้หลายทางไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ธุรกิจ รัฐบาล หรือวิชาการ

ช่วงแรกๆ สนุกกับการเป็นประธานฝ่ายจัดสัมมนาของคณะ ซึ่งคณะเศรษฐศาสตร์จัดสัมมนาและเป็นสิ่งที่มี Impact บ้างเพราะเป็นสัมมนาประจำปีทางเศรษฐศาสตร์ที่สำคัญ ช่วงนั้นจัดอะไรคนก็มาฟังเต็มและเป็นศูนย์กลางของเศรษฐศาสตร์ในประเทศไทย บัดนี้ไม่รู้ว่าศูนย์กลางของเศรษฐศาสตร์ไปอยู่ที่ไหน

แต่ก็ไม่น่าเชื่ออยู่ไปได้สัก 2 ปี หรือน้อยกว่านั้นทางมหาวิทยาลัยก็คิดจะตั้งสถาบันแรงงาน เพราะช่วงนั้น หลัง 6 ตุลา นายจ้าง ซึ่งมีบทบาทสูง ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง ก็รวมหัวกับข้าราชการและนักการเมืองส่วนใหญ่ เอาเปรียบผู้ที่เสียเปรียบทางสังคม คือผู้ใช้แรงงานถูกกดค่าแรง สหภาพแรงงานอ่อนแอมาก ทำให้ไม่เป็นธรรมทางสังคม

ธรรมศาสตร์เกิดขึ้นมาจากท่านปรีดี พนมยงค์ คือเป็นตลาดวิชาให้คนไทยได้เข้าถึงการศึกษา จึงต้องการความเป็นธรรมในสังคม ไม่อยากเห็นผู้ด้อยโอกาสเสียเปรียบ

จึงมีการคุยกันระหว่างผู้ใหญ่ เช่น อ.นิคม จันทรวิทุร และ อ.อรุณ รัชตะนาวินเข้าใจว่ามี อ.นงเยาว์ ชัยเสรีและอ.ประภาส อวยชัยด้วย และอีกหลายๆคน คิดจะจัดต้งสถาบันแรงงานให้เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัย เอกเทศจากคณะต่างๆ ซึ่งการจัดตั้งองค์กรใหม่ต้องผ่านขั้นตอนมาก

ก็แปลก ผมก็ยังไม่ได้มีผลงานอะไรเป็นที่ประจักษ์ รู้แต่ว่ามีผู้ใหญ่ที่เอ่ยนามมาก็เลือกผมเป็นประธานผู้ก่อตั้ง สถาบันแรงงาน ผมก็ไม่ทราบมาก่อนว่าเพราะอะไร มาวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจ

เพราะยังใหม่มากนักในธรรมศาสตร์และที่นี่ก็มีคนเก่งๆมากมายหลายคณะหรือ Ph.D ของคณะเศรษฐศาสตร์จบมาช่วงนั้นก็มาก เช่น อ.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี และอีกหลายๆคน

เสียดายผู้ที่ส่วนสำคัญ 2 คนท่านได้จากไปแล้ว คือ อ.นิคม จันทรวิทุร และ อ.อรุณ รัชตะนาวิน จึงไม่มีโอกาสได้ถามท่านว่าเพราะอะไร

การที่ผมเลือกให้เป็นผู้ก่อตั้งสถาบันจาก อ.นิคม น่าจะมาจาก 2 ปัจจัย
1.
ท่านจบที่ madisan คือ University of Wisconsin ท่านรู้ว่าผมจบโทที่นี่ด้วยก็เลยเป็นปัจจัยหนึ่งและผมคิดว่าท่านเป็นคนที่เรียนมาทางกฏหมายและสังคมศาสตร์ เพราะท่านเป็นนักคิดและนักปฎิบัติและเป็นอธิบดี กรมแรงงานอยู่ด้วย ท่านเลยคิดว่ามีนักเศรษฐศาสตร์ช่วย Balance กับนายจ้างก็น่าจะเหมาะสม

2. อีกประการหนึ่งน่าจะมาจากพ่อผมคือ นายสุนทร หงส์ลดารมภ์ เพราะพ่อผมเป็นคนดี เขาก็คิดว่าลูกก็ดีด้วย ซึ่งอาจจะไม่จริง ท่านนิคมและอาจารย์อรุณ อาจารย์ประภาส และอาจารย์นงเยาว์รู้จักพ่อผม อาจจะเป็นปัจจัยเล็กๆทำให้ผมมีคุณค่าในสายตาของท่าน

แรกๆผมก็คิดว่าเป็นเรื่องแค่คิด คงไม่เอาจริง เพราะในช่วงนั้น การจัดตั้งสถาบันฯต้องผ่าน ครม.ต้องมีคนสนับสนุนจึงจะตั้งสถาบนเอกเทศได้ แต่ในที่สุดมหาวิทยาลัยก็มีคำสั่งจัดตั้งสถาบันแรงงานจนได้ โดยมีผมอายุ 35 ปีเป็นประธาน ผมยังจำได้ในกรรมการมีผู้ใหญ่หลายคนจากหลายคณะ อย่างเช่น อ.อรุณ รักธรรม ทุกๆท่านก็กรุณาให้เกียรติผม ทั้งๆที่วัยวุฒิน้อยมาก อ.สังเวียนก็ส่ง อ.สุปราณีจากคณะพาณิชย์ ถึง อ.สังเวียนไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการ แต่ท่านก็สนับสนุนผมเสมอ

การจัดตั้งหน่วยงานระดับคณะในช่วงนั้นไม่ง่าย เพราะต้องผ่าน ครม. ซึ่งปรากฎว่ามีคนค้านไม่ว่าจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหรือกรมแรงงาน ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอะไร ถ้าตั้งไม่ได้ ผมก็กลับไปสอนหนังสือและงานวิจัยทางด้านเศรษฐาสตร์ เพราะช่วงกลับมาใหม่ๆ สอนวิชาและผมต้องการจะทำวิจัยต่อเนื่อง แต่ในฐานประธานก่อตั้ง ผมก็ทำงานเต็มที่ แก้ปัญหาหลายด้าน

แต่ในที่สุดประมาณเกือบ 3 ปีกว่าก็จัดตั้งสำเร็จ ชื่อสถาบันแรงงานก็ใช้ไม่ได้เพราะเป็นชื่อเกี่ยวกับการเมืองรัฐบาล กลัวจะมีปัญหาความมั่นคง ต้องหาชื่อใหม่ ซึ่งปรากฏว่า ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นชื่อที่มีคุณค่าถึงปัจจุบัน คือเปลี่ยนจากสถาบันแรงงานมาเป็นสถาบันทรัพยากรมนุษย์ ผมเป็นคนคิดเองเพราะ ถ้าชื่อสถาบันประชากรก็คงไม่เหมาะกับธรรมศาสตร์

สรุปคือ ถึงชีวิตผมจะเปลี่ยนมาจากนักเศรษฐศาสตร์มาทำงานเป็นผู้อำนวยการทรัพยากรมนุษย์ 4 สมัย และจบแล้ววันนี้คนที่รู้จักก็ยังรู้ว่าทำเรื่อง "คน" อย่างต่อเนื่อง

แต่โชคดีในช่วงนั้น ผมมี อ.นิคมเป็นพี่เลี้ยง เรา คนก็ช่วยกันผลักดันจนเกิดกฏหมายประกันสังคม รอมากว่า 30 ปี และการจัดตั้งกระทรวงแรงงานสำเร็จ

อยากเรียนให้ทราบว่า กฎหมายประกันสังคมรอมา 30 ปี จึงเกิดได้เพราะ
1.
อาจารย์นิคม จันทรวิทุรและผู้ใหญ่ในธรรมศาสตร์หลายๆคน
2.
นายกฯชาติชาย ชุณหะวัณ และอ.ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ลูกชายท่าน
3.
สถาบันทรัพยากรมนุษย์ ธรรมศาสตร์
(
บทบาทสำคัญเหล่านี้หรือเล่าให้ฟังอย่างละเอียดทีหลังหากมีเวลา) ท่านลองคิดดูวันนี้ นายกฯประยุทธ์ ไม่ต้องดูแลผู้ใช้แรงงาน 15 ล้าน เพราะเขาว่างงานมีกฎหมายประกันสังคมรองรับ ขนาดมีประกันสังคม คนจนและตกงาน ขอเงินจากรัฐบาล 24 ล้านคน

สรุปคือ ผมตอบแทนบุญคุณธรรมศาสตร์ และอาจารย์ป๋วย อึ้งภากรณ์ ที่เชิญผมมาสอนที่นี่ แต่ขณะเดียวกันชีวิตของนักเศรษฐศาสตร์ก็ต้องมาทำงาน เรื่องคน ซึ่งทำต่อเนื่อง โชคดีในช่วงนั้นและปัจจุบันทำแล้วเกิด Impact ต่อสังคมบ้าง ช่วยให้คนไทยเห็นคุณค่าของคนมากกว่าเงินหรือทรัพยากรธรรมชาติ

คนไทยเริ่มเข้าใจคำว่า คนคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุด ช่วงแรกๆ ยังมีคนมาโจมตีผมว่าใช้คำว่า คนเป็นทรัพยากร มันไม่ดี เช่น คุณหมอประเวศ วะสี คล้ายๆมองคนเป็นวัตถุ ผมบอกว่า ผมนับถือยกย่องคนอยู่แล้ว เพียงแต่ให้เห็นว่า เราต้องมองคนให้มีคุณภาพ จึงเรียกว่าเป็นทรัพยากร

เป็นทรัพยากรไม่ใช่ดูถูกคนว่า ไม่เป็นมนุษย์ บัดนี้ทุกๆคนก็คงเข้าใจแล้วว่าทรัพยากรมนุษย์คือ มนุษย์มีคุณค่าแต่ต้องลงทุนและรักษาเขาให้และสร้างแรงจูงใจ แต่งานเรื่องคนก็ยังไม่จบ ต้องทำต่อไป โชคดีที่มีแบรนด์จากธรรมศาสตร์ได้มีโอกาสได้พัฒนาและบริหารคนอย่างต่อเนื่อง มาถึงทุกวันนี้


แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมโดย หม่อมหลวงชาญโชติ ชมพูนุท

ขอยืนยันครับ ท่าน  ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมณ์ เป็นผู้ที่ทุ่มเทอย่างยิ่งเกี่ยวกับการพัฒนามนุษย์ ผมโชคดีที่มีโอกาสได้พบท่าน และได้รับความไว้วางใจให้ช่วยงานท่านอยู่หลายปี ถึงแม้นผมไม่มีโอกาสเป็นลูกศิษย์ท่านในระบบการศึกษา แต่ผมถือว่าท่านเป็นอาจารย์ผมทางด้านการพัฒนามนุษย์ ท่านเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ตามการนำเสนอของผม และให้เกียรติเป็นประธานคนแรกของมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ โดยมีผมเป็นกรรมการและเลขานุการ เนื่องจากท่าน อาจารย์จีระ มีกิจกรรมมากในขณะนั้น แถมต้องดูแลมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ (ที่จัดตั้งโดยคณะรัฐบาล) ท่านจึงไม่มีเวลามากนักที่จะเข้ามาผลักดันมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ให้ก้าวไปข้างหน้า อย่างไรก็ตาม เมื่อครบเทอมของคณะกรรมการมูลนิธิฯ ท่านจึงขอลาออกจากการเป็นประธานฯ และท่านได้เสนอให้ผมเป็นประธานมูลนิธิฯแทนท่าน ปี 2563 มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ มีอายุครบ 8 ปี หลังจากผมไม่มีโอกาสได้ช่วยงานท่าน อาจารย์จีระ เมื่อ 4 ปี ที่แล้ว ผมก็ไม่มีโอกาสได้พบ กับท่านอีกเลย อย่างไรก็ตาม ท่านอาจารย์จีระ อยู่ในดวงใจของผมตลอดเวลา

หม่อมหลวงชาญโชติ ชมพูนุท

10 เมษายน 2563


 

สนธิญาณวิจารณ์นโยบายแจกเงิน

พิมพ์ PDF

 


หน้า 131 จาก 561
Home

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5644
Content : 3068
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8743064

facebook

Twitter


ล่าสุด

บทความเก่า