Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

ชีวิตที่พอเพียง 2958. ทศวรรษ R2R พัฒนาคนสู่สังคม 4.0..

พิมพ์ PDF

ชีวิตที่พอเพียง 2958. ทศวรรษ R2R พัฒนาคนสู่สังคม 4.0. โดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช

ในการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากงานประจำสู่งานวิจัย (R2R) ครั้งที่ ๑๐ มีการจัดทำวารสารสุขศาลา ใน theme : R2R พัฒนาคนสู่สังคม 4.0    และทีมงานขอให้ผมเขียนความเห็นเพื่อตอบ ๓ คำถาม ดังนี้

  • ท่าน ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช มีความคิดเห็นว่า เรื่อง  “KM ที่จะนำให้เกิดการพัฒนาคน องค์กร ที่ไปสู่การเป็นประเทศไทย 4.0 " ควรเป็นอย่างไร 
  • ท่าน ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช มีความคิดเห็นว่า “ความสำคัญของการพัฒนางาน และพัฒนาคน ให้สอดคล้องในยุค Thailand 4.0” ควรเป็นอย่างไร
  • ท่าน ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช มีความคิดเห็นว่า “KM 4.0 จะปรับตัว เปลี่ยนบทบาทไปอย่างไร”

ผมจึงเขียนบทความสั้นๆ ให้    จึงขอนำมา ลปรร. ดังต่อไปนี้

ทศวรรษ R2R พัฒนาคนสู่สังคม 4.0

 วิจารณ์ พานิช

สังคม 4.0  ต้องการพลเมือง 4.0   และ R2R คือเครื่องมืออย่างหนึ่งของการสร้างพลเมือง 4.0 สู่สังคม 4.0    โดยผมตีความว่า สังคม 4.0 หมายถึงสังคมที่การดำรงชีพและการทำมาหากินของผู้คนและองค์กร/สังคม เน้นที่การสร้างสรรค์นวัตกรรม    พลเมือง 4.0 จึงหมายถึงประชาชน/พลเมืองที่มีสมรรถนะในการสร้างสรรค์ นวัตกรรม    ซึ่งจะต้องมีวัฒนธรรมของความร่วมมือ มีจินตนาการ และมีความมุ่งมั่นอดทนมานะพยายาม ดำเนินการสิ่งใหม่ๆ จนประสบความสำเร็จ 


โดยที่ R2R คือกระบวนการใช้งานประจำเป็นบ่อเกิดของการสร้างสรรค์ความรู้ หรือการวิจัยหรือนวัตกรรม    ดังนั้น R2R จึงเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งสำหรับสร้างพลเมือง 4.0  กว่าสิบปีมาแล้ว เมื่อเริ่มกิจกรรมส่งเสริมให้คนหน้างานหาทางหัฒนาคุณภาพงานของตน และเก็บข้อมูลประมวลเป็นผลงานวิจัย    ทีมจัดการ R2R ของศิริราชทำงานไม่ออก    เพราะเมื่อไปชักชวน คนหน้างานทำงานวิจัยจากงานประจำ     คำว่า “วิจัย” เป็นยาขมของคนทั่วไป    จึงไม่มีคนสนใจเข้าร่วม    แต่เมื่อทีมจัดการงานวิจัยใช้กลยุทธไปหาคนในศิริราชที่มีผลงานวิจัย จากงานประจำของตนมาเล่าเรื่องราว ความคิดและความสำเร็จของตน    ผู้ได้รับฟังก็ประจักษ์ว่า การตั้งคำถามต่องานประจำของตนเอง เพื่อหาทางพัฒนาคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น เป็นประโยชน์ หรือเป็นที่พึงพอใจของคนไข้หรือผู้ใช้บริการมากยิ่งขึ้น  ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด    กลยุทธดังกล่าวเรียกว่า “การจัดการความรู้” (KM – Knowledge Management)  


R2R กับ KM จึงเป็นของคู่กัน   ส่งเสริมเกื้อกูลซึ่งกันและกัน 

ไม่ว่าศาสตร์ หรือเทคโนโลยีใด ต่างก็มีวิวัฒนาการก้าวหน้าไม่หยุดยั้งทั้งสิ้น    เพื่อให้มีพลังยิ่งขึ้น ใช้ได้ผลยิ่งขึ้น    KM ก็เช่นเดียวกัน    ในขณะนี้ สคส. (สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม) กำลังดำเนินการขับเคลื่อน KM ประเทศไทย ให้เป็น KM 4.0    ซึ่งหมายความว่า เป็น KM ที่มีการจัดการ เชิงระบบภายในองค์กร  ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ    และมีการดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน สู่เป้าหมายการประยุกต์ใช้ ทั่วทั้งองค์กร หรือเกือบทั้งองค์กร    หวังผลที่การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการทำงาน ที่สำคัญอย่างน้อย ๑๐ ประการคือ (๑) เปิดรับการเปลี่ยนแปลงหรือความรู้ใหม่ๆ  ไม่ใช่แก้ตัวว่าที่ทำอยู่นั้นดีอยู่แล้ว  ปัญหาอยู่ที่อื่น ไม่ใช่ตนเอง  (๒) มีความซื่อตรงต่อผลงานที่เกิดขึ้น  ไม่ใช่รายงานผลหลอกๆ ตามที่ผู้บริหารระดับสูงต้องการ  (๓) มั่นใจว่าการเริ่มพัฒนางานของตนจะได้รับการสนับสนุน ไม่ใช่อ้างว่าที่ไม่ทำเพราะไม่ได้รับการสนับสนุน  (๔) เป็น “ผู้เรียน” มากกว่าเป็น “ผู้รู้”  (๕) ต้องการแชร์ มากกว่า ต้องการปกปิดความรู้  (๖) ตั้งคำถามมากกว่า ยอมรับมาตรการต่างๆ อย่างเชื่องๆ  (๗) ร่วมมือ มากกว่า แข่งขัน   (๘) จดจำเรื่องราวจากการทำงาน ไม่ใช่ลืมหมด  เพื่อจะได้นำข้อเรียนรู้จากหน้างานสู่การสร้างสรรค์และนวัตกรรม  (๙) อดทนมานะพยายามทำงานเชิงกลยุทธ เพื่อผลระยะยาว   ไม่ใช่มุ่งผลงานระยะสั้นเป็นหลัก และ (๑๐) มุ่งผลงานที่มีการพัฒนาต่อเนื่อง ไม่ใช่พอใจอยู่กับ สภาพปัจจุบัน  



KM 4.0 จึงต้องดำเนินการอย่างมีเป้าหมายชัดเจน และมีการเลือกหรือกำหนดลำดับความสำคัญ ของเป้าหมาย   อันจะนำไปสู่การกำหนดความรู้ที่มีความสำคัญยิ่งยวด (critical knowledge) ในการบรรลุ เป้าหมายนั้น    และมีการ “จัดการ” ความรู้นั้นเป็นวงจรยกระดับหลายๆ รอบ    เพื่อยกระดับทั้งผลงานและความรู้


จะเห็นว่า ทั้ง R2R และ KM 4.0 มองในมุมหนึ่ง เป็นเครื่องมือพัฒนา พลเมือง 4.0   อันเป็นพลังสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อน ประเทศไทย 4.0   


โจทย์ใหญ่คือการนำ R2R และ KM 4.0 ไป ประยุกต์ใช้อย่างเป็นระบบ เป็นขั้นตอน และอย่างมียุทธศาสตร์

คัดลอกจาก: https://www.gotoknow.org/posts/631016

แก้ไขล่าสุด ใน วันศุกร์ที่ 14 กรกฏาคม 2017 เวลา 17:17 น.
 

ชีวิตที่พอเพียง 2955b. โรงงานผลิตปัญญา : 1. สะท้อนอดีตสู่อนาคต.

พิมพ์ PDF

  ในยุคมหาวิทยาลัย ๔.๐ วิชาการต้องเน้น “วิชาการประยุกต์” (implementation scholarship) ๗๐% “วิชาการบริสุทธิ์” (discovery scholarship) เพียง ๓๐% และ “วิชาการบริสุทธิ์” ก็ต้องมีเป้าเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อบ้านเมือง ไม่ใช่วิชาการเพื่อวิชาการ.

  


ชีวิตที่พอเพียง  2955b. โรงงานผลิตปัญญา : 1. สะท้อนอดีตสู่อนาคต

บันทึกชุด โรงงานผลิตปัญญา นี้ ตีความจากหนังสือ Wisdom’s Workshop :  The Rise of the Modern University    อ่านแล้วอดหวนกลับมาคิดถึง สภาพของมหาวิทยาลัยไทยในปัจจุบันไม่ได้    

ที่จริงผมเพิ่งอ่านจบบทที่ ๑ เท่านั้น   โดยหนังสือเล่มนี้มี ๗ บท     บทที่ ๑ เล่าเรื่องจุดเริ่มต้นของ การก่อเกิดมหาวิทยาลัยในยุโรปตอนเริ่มต้นสหัสวรรษที่ ๒  หรือต้นคริสตศตวรรษที่ ๑๒  จนเริ่มมีรูปแบบ การจัดการชัดเจนขึ้นในช่วงศตวรรษที่ ๑๔ และ ๑๕   เห็นได้ชัดเจนว่ามหาวิทยาลัยต้องเชื่อมโยงกับหลายส่วน ของสังคม    กล่าวง่ายๆ ว่า มหาวิทยาลัยต้องมีหุ้นส่วนกิจการ    ในหนังสือบทที่ ๑ กล่าวถึงร้านหนังสือ ที่ตั้งอยู่รอบมหาวิทยาลัย 

อ่านแล้วสรุปได้ว่า มหาวิทยาลัยไม่ได้มีรูปแบบตายตัว     มีการปรับตัวไปตามสภาพและความต้องการ ของสังคม    รวมทั้งมีเรื่องราวทั้งด้านบวกและด้านลบของมหาวิทยาลัยยุคโบราณ (กว่าห้าร้อยปีก่อน) สารพัดแบบ   

แต่เป้าหมายหลักของมหาวิทยาลัยไม่เคยเปลี่ยน  คือผลิตคนคุณภาพสูงออกสู่สังคม    ออกไปใช้ชีวิต ทำประโยชน์แก่สังคม    โดยที่เป้าหมายในรายละเอียด และวิธีการ อาจเปลี่ยนไปตามยุคสมัย   

ทำให้ผมหวนกลับมา reflect ถึงสภาพบ้านเมืองในปัจจุบัน ที่ต้องการพลังความสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาบ้านเมืองสู่ภพภูมิใหม่ที่เรียกว่า ประเทศไทย ๔.๐  ที่มีความสามารถพัฒนาสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ด้วยนวัตกรรม    ว่าเป็นโอกาสทองของมหาวิทยาลัย ในการทำปรโยชน์แก่บ้านเมือง ไปพร้อมๆ กันกับการเปลี่ยนโฉม (reform) ตนเอง  ให้เป็น มหาวิทยาลัย ๔.๐ 

ในอดีต ๑ ศตวรรษแรกของมหาวิทยาลัยไทย เน้นความรู้สากล    นำมาใช้ประโยชน์สร้างความทันสมัย และความสามารถในการแข่งขัน    ผ่านสภาพ ประเทศไทย ๑.๐ (เกษตรกรรม), ๒.๐ (อุตสาหกรรมเบา), และ ๓.๐ (อุตสาหกรรมหนัก)    ก็ยกระดับเศรษฐกิจขึ้นมาโดยลำดับ    แล้วก็รู้ตัวว่าประเทศติดหล่มรายได้ปานกลางเสียแล้ว     ไม่สามารถยกระดับรายได้ของประเทศเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ ๕ - ๗.๕###/span#<  อย่างที่เคยทำได้ช่วงสามสิบปีก่อนวิกฤติ เศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ได้   ในสิบปีหลังอัตราเพิ่มของจีดีพี อยู่ที่ประมาณร้อยละ ๓ ต่อปีเท่านั้น ()   

รัฐบาลปัจจุบันจัดทำยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี    เพื่อก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลางให้ได้ ()     แรงยก ที่สำคัญคือ นวัตกรรม    และมหาวิทยาลัยเป็นแหล่งพลังแหล่งหนึ่ง    ดังจะเห็นว่าท่านนายกลุงตู่เพียรไปเยี่ยม มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศเพื่อชักชวนทำงานนี้ให้แก่บ้านเมือง   

ผมจึงมองว่า ยุคนี้เป็นยุคทองของมหาวิทยาลัย    ที่หุ้นส่วนเด่นชัด คือ “ประชารัฐ” ที่ต้องการสร้าง นวัตกรรมในกิจการของตน    เพื่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ   

ผมมองว่า มหาวิทยาลัยไทยจะ “ขุดทอง” ได้ ต้องใช้ยุทธศาสตร์ engagement กับภาค real sector    การทำภารกิจย่อยทุกอย่าง ต้องทำอย่างบูรณาการร่วมหลายภารกิจ     ทำกับหุ้นส่วน ภายใต้อุดมการณ์ engagement ()  ร่วมคิดร่วมตั้งเป้า    ร่วมลงทุนและร่วมทำร่วมฟันฝ่า    ลงท้ายด้วยการร่วมรับผล เกิดทั้งผลลัพธ์ทางวิชาการ และทั้งผลลัพธ์ในการประกอบการ 

ในยุคมหาวิทยาลัย ๔.๐  วิชาการต้องเน้น “วิชาการประยุกต์” (implementation scholarship) ๗๐%   “วิชาการบริสุทธิ์” (discovery scholarship) เพียง ๓๐%     และ “วิชาการบริสุทธิ์” ก็ต้องมีเป้าเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อบ้านเมือง  ไม่ใช่วิชาการเพื่อวิชาการ

เท่ากับว่า ในยุคใหม่ มหาวิทยาลัยของเราจะต้องเน้นความรู้ในการปฏิบัติในบริบทของเราเอง เชื่อมกับความรู้สากล    ใช้การทำงานสร้างนวัตกรรมในกิจการของบ้านเมืองเป็นแหล่งทำงานสร้างสรรค์วิชาการ แบบ “วิชาการประยุกต์”   การวิจัยจะเน้นแบบ translational research

จะต้องมีการปรับโครงสร้าง  และกฎกติกา เพื่อหนุนการทำหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่นี้

วิจารณ์ พานิช

๒๖ มิ.ย. ๖๐

คัดลอกจาก: https://www.gotoknow.org/posts/630878


แก้ไขล่าสุด ใน วันศุกร์ที่ 14 กรกฏาคม 2017 เวลา 17:44 น.
 

ส่งเสด็จ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ครั้งสุดท้าย 2015 พระวรธรรมคติ "ให้รู้จักพอ

พิมพ์ PDF

ส่งเสด็จ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ครั้งสุดท้าย 2015 พระวรธรรมคติ "ให้รู้จักพอ

แก้ไขล่าสุด ใน วันอาทิตย์ที่ 09 กรกฏาคม 2017 เวลา 23:01 น.
 

อาจารย์ อลงกรณ์ หล่อวัฒนา ชวนดู 3D Mapping ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์ ที่ The Emporium

พิมพ์ PDF

อาจารย์ อลงกรณ์ หล่อวัฒนา ชวนดู 3D Mapping ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์ ที่ The Emporium

แก้ไขล่าสุด ใน วันอาทิตย์ที่ 09 กรกฏาคม 2017 เวลา 23:09 น.
 

ภาพ Drone และบรรยากาศ 3D Mapping "ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์

พิมพ์ PDF

แก้ไขล่าสุด ใน วันอาทิตย์ที่ 09 กรกฏาคม 2017 เวลา 23:16 น.
 


หน้า 190 จาก 561
Home

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5644
Content : 3068
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8744282

facebook

Twitter


ล่าสุด

บทความเก่า