Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Home > Articles > การศึกษา > ชีวิตที่พอเพียง : ๒๑๐๘. สัปดาห์แห่งการรับใช้มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ(๔) วันที่สองของ PMAC 2014

ชีวิตที่พอเพียง : ๒๑๐๘. สัปดาห์แห่งการรับใช้มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ(๔) วันที่สองของ PMAC 2014

พิมพ์ PDF

หลังเดินออกกำลังตอนเช้า ผมรีบรับประทานอาหาร อาบน้ำ แล้วไปร่วมประชุม debrief (AAR) ตามคำสั่งของ ดร. ตวง (วลัยพร)    ที่นัดทีม rapporteur ไทย มาเล่าประเด็นในแต่ละ session ที่ตน capture ได้     เห็นได้ชัดเจนว่าการประชุมนี้ให้การเรียนรู้ดีมาก    อ. หมอภิเศกและผมจึงเสนอให้เชิญทีมคณะทำงานปฏิรูป HPER ที่เพิ่งจัดทีมเมื่อ ๒ สัปดาห์ก่อน มาร่วม ลปรร. ด้วย    ตอนเย็นวง debriefing จึงใหญ่ขึ้นมาก

PL 3 Achieving Universal Health Coverage : Addressing Health Workforce Inequity ความไม่เท่าเทียมมีทั้งภายในประเทศ ระหว่างเมืองกับชนบท    และมีความไม่เท่าเทียมกันระหว่างประเทศด้วย    วิธีการที่จะให้มีบุคลากรสุขภาพในพื้นที่ชนบทห่างไกล    คือเอาการศึกษาไปไว้ที่นั่น   จัดหลักสูตรการเรียนรู้ ให้ได้ฝึกงานในพื้นที่   ให้คนที่จบเป็นบัณฑิต และทำงานในพื้นที่ ได้มีลู่ทางเจริญก้าวหน้าจากการทำงาน ในพื้นที่นั้น    ทั้งความก้าวหน้าในการเรียนรู้ ฝึกอบรมวิชาชีพต่อเนื่อง    และความก้าวหน้าในอาชีพการงาน

ฝ่ายการศึกษาต้องมีบทบาทในบริการสุขภาพของพื้นที่    รวมทั้งต้องใช้ระบบข้อมูล เพื่อการจัดการ และพัฒนาระบบสุขภาพในพื้นที่   เรื่องระบบข้อมูลนี้ ผู้นำเสนอเรื่อง iHRIS จากโครงการ CapacityPlus เล่าว่า ระบบข้อมูลนี้ ทำให้ตรวจพบบุคลากรผี ๑ หมื่นคนในสาธารณรัฐโดมินิกัน

เขาไม่ได้พูดเรื่องความไม่เท่าเทียมระหว่างประเทศ    เพราะเอาไปไว้ตอนบ่าย ใน PL 4

PS 3.4 A New Era for Health Professional Education Through Innovative Technologies ผมไปเข้าฟังเพราะอยากรู้พัฒนาการใหม่ๆ ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อเปลี่ยนโฉมการศึกษา    การประชุมเริ่มด้วย ปาฐกถานำสั้นๆ โดย Julio Frank ซึ่งกล่าวว่า IT ช่วย ๓ อย่าง  (๑) ช่วยให้เข้าถึงเนื้อความรู้ได้ง่ายขึ้น  (๒)​ทำให้เรียนรู้จริง ผ่าน SPOCSFlipped Classroom (๓) เชื่อมโยงได้ทั้งโลก

ศ. ฮูลิโอ เฟร๊งค์ บอกว่า ท่านไม่ชอบคำว่า Massive ใน MOOC (Massive Open Online Course)    เพราะมันส่งสัญญาณผิดว่าเน้นใช้ ไอซีที เพื่อเข้าถึงคนจำนวนมาก    แต่คุณค่าที่แท้จริงอยู่ที่เป็นการใช้ ไอซีที เพื่อการเรียนแบบที่เป็นความผูกพัน (Engaged Learning) ของ นศ.   ซึ่งหมายความว่า ประกอบด้วย ๓ องค์ประกอบ  (1) active,  (2) interactive และ (3) self-paced    และทำให้เกิด Blended Learning คือมีทั้ง onsite และ online ทำให้เกิด community of learners เชื่อมโยงกับโลก  ​

คือหากใช้เป็น ไอซีที จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ทั้งแบบ personalized และแบบ massive ที่เป็นขั้วตรงกันข้าม

Dr. Najeeb Al-Shorbaji, WHO, Director Department of Knowledge, Ethics and Research เล่าเรื่อง eLearning ยืดยาว และในเอกสารประกอบการประชุมก็มีรายละเอียดมาก    ผมลองค้นในเว็บไซต์ของ WHO พบ ที่นี่

ความก้าวหน้าของ ICT ทำให้ eHealth และ eLearning ก้าวหน้าไปมาก    การที่ นศ. ไปเรียนโดย การทำงานในพื้นที่ห่างไกลก็ไม่ห่างจากการติดตามให้คำแนะนำของอาจารย์

ผมได้เรียนรู้ว่า เวลานี้มี Khan Academy Healthcare & Medicine แล้ว    ช่วยเอื้อต่อการเรียนแบบ personalized และ flip classroom

ที่น่าสนใจมากคือ Lee Kong Chain School of Medicine ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนานยาง สิงคโปร์ ที่ร่วมมือกับ Imperial College, London   ที่ออกแบบหลักสูตรทั้งหลักสูตรให้มี ICT platform เป็น eLearning   แบบที่มี Schedule, Resource Bank และ Exam Bank อยู่บน iPad ของ นศ. แต่ละคน    และจะเก็บข้อมูลไว้ ตั้งแต่เข้าเรียน จนจบหลักสูตรได้ปริญญา    ฟังแล้ว จะเป็นโรงเรียนแพทย์ที่โมเดิร์นสุดๆ    แต่เขาก็เพิ่งเริ่มปีนี้เอง     ผมนึกอยู่ในใจว่า การที่หลักสูตรและการเรียนการสอนมีกรอบขนาดนี้ ขัดหลักการ open architecture อย่างยิ่ง

ฟัง session นี้แล้ว ผมคิดว่า มหาวิทยาลัยไทยควรร่วมกันสร้างระบบ ไอซีที เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ แบบ transformative, community-based, authentic learning   ที่มีการ โค้ช ใกล้ชิดผ่าน eCoaching, eEmbedded Formative Assessment

PL 4 Impact of Globalization of Health Market on Health Workers and Health Professional Education เป็น session ที่ธนาคารโลกเป็นโต้โผ

เขาบอกว่า เรื่องตลาดแรงงานบุคลากรสุขภาพเป็นตัวอย่างร้ายที่สุดของความล้มเหลวของตลาด (market failure) คือปล่อยให้ตลาดทำงานอย่างอิสระไม่ได้   ประเทศรวยจะแย่งคนไปจากประเทศยากจน    อย่างที่เป็นอยู่ ในเวลานี้    เขาเรียกว่า ปัญหา international migration ของบุคลากรสุขภาพ

องค์การอนามัยโลก พยายามแก้ปัญหา โดยการออก  WHO Global Code of Practice on the International Recruitment of Health Personnel ซึ่งก็ไม่มีประเทศไหนปฏิบัติตาม    ปัญหายังคงดำรงอยู่ ไม่ดีขึ้นเลย    ทางสหรัฐอเมริกาเองก็เข้าไปช่วยประเทศในอัฟริกา ผลิตบุคลากรสุขภาพเพิ่มขึ้น    แล้วส่วนหนึ่งของบุคลากร เหล่านั้นก็ไหลไปทำงานในสหรัฐอเมริกา    เท่ากับคล้ายๆ ไปลงทุนผลิตบุคลากรในต่างประเทศ เพื่อเอาไปใช้ในประเทศของตนเอง

ต้นตอของปัญหาคือ โลกผลิตบุคลากรสุขภาพไม่พอใช้    ประเทศรวยเอง ซี่งมีเงินลงทุนผลิต ก็ผลิตไม่พอใช้สำหรับประเทศของตนเอง    แม้จะไม่พยายามดูดไปจากประเทศยากจน    บุคลากรเหล่านั้น ก็ย่อมอยากไปอยู่ในที่ที่คุณภาพชีวิตของตนดีกว่า     หากไม่มีการปลูกฝังเลือดรักชาติ หรือเห็นแก่ประโยชน์ของเพื่อนร่วมชาติให้เข้มข้น

ผมว่า วิธีแก้ที่ชะงัดคือ ผลิตบุคลากรให้มีคุณสมบัติตามความต้องการของท้องถิ่น    อย่าไปเน้น มาตรฐานสากล    ซึ่งเขียน/คิดแบบนี้ คนที่เน้นวิชาชีพนิยมก็จะไม่พอใจ

PS 4.1 Transforming Health Professional Schools Thorugh Faculty Development ผมจ้องไปเข้า session นี้ เพราะสนใจเรื่องการพัฒนาอาจารย์

องค์การอนามัยโลกได้เผยแพร่เอกสาร Transforming and Scaling up Health Professional Education and Training ซึ่งคณะวิชาด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพทุกแห่งควรศึกษา และเอามาทำความเข้าใจร่วมกันในหมู่ผู้บริหาร และคณาจารย์    สำหรับนำข้อคิดเห็นในเอกสารนี้มาใช้ประโยชน์

ผมสนใจ FAIMER Fellowship และ Master’s Program สำหรับฝึกอาจารย์ ที่เน้น online learning เป็นสำคัญ    ไปเรียนแบบ face to face เพียงปีละ ๑ - ๒ สัปดาห์เท่านั้น    จุดสำคัญคือ ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Community of Practice ของอาจารย์จากทั่วโลก    ผมอยากให้มีอาจารย์ไทยไปร่วมสักปีละ ๑ - ๒ คน    เพื่อสร้างนักวิชาการด้านการพัฒนาอาจารย์

ประเด็นสำคัญของอาจารย์ในวิชาชีพสุขภาพคือ ต้องเป็น ๓ อย่างในเวลาเดียวกัน คือ (1) teacher เพื่อจัดการเรียนรู้  (2) scholar เพื่อสร้างความรู้  (3) leader เพื่อการเปลี่ยนแปลง

Debriefing ของทีม rapporteur ไทย ร่วมกับคณะทำงาน HPER    นำโดย ดร. ตวง ใช้เวลา ๑ ๑/๒ ชม. (๑๘.๐๐ - ๑๙.๓๐ น.)  ให้ความรู้มาก เพราะแต่ละคนเข้า PS (Parallel Session) ได้เพียงเรื่องเดียว    จึงได้ฟังการสรุปของห้องอื่นด้วย    รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ (ลปรร.) reflection ของผู้เข้าฟังห้องนั้นด้วยกัน   เห็นได้ชัดเจนว่าแต่ละคนจับประเด็น ได้ไม่ครบ หรือไม่ลึกพอในบางส่วน    เมื่อมีการ ลปรร. กัน ต่างก็ได้ประโยชน์

 

 

วิจารณ์ พานิช

๓ ก.พ. ๕๗

 

 

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย 

แก้ไขล่าสุด ใน วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม 2014 เวลา 20:35 น.  
Home > Articles > การศึกษา > ชีวิตที่พอเพียง : ๒๑๐๘. สัปดาห์แห่งการรับใช้มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ(๔) วันที่สองของ PMAC 2014

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5642
Content : 3067
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8740477

facebook

Twitter


ล่าสุด

บทความเก่า