ในการประชุมระดมความคิดเห็นในหัวข้อ “แนวทางการพัฒนาและเตรียมความพร้อมของครูสู่ศตวรรษที่ ๒๑” ที่ศศนิเวศ จัดโดย SIGA มีการนำเสนอผลการประมวลสาเหตุของความด้อยคุณภาพของการศึกษาไทย ว่าาเหตุหนึ่งคือ สัดส่วนของจำนวนนักเรียนต่อครูสูง หรือขนาดของชั้นเรียนใหญ่
ทำให้ระลึกถึงข้อความในหนังสือ Visible Learning : A Synthesis of Over 800 Meta-Analyses Relating to Achievement บทที่ 6 The contributions from school หัวข้อย่อย Class size เล่าผล meta-analysis ของผลการวิจัย ๙๖ ชิ้น ครอบคลุมจำนวนคนที่อยู่ในกลุ่มได้รับการทดลอง ๕๕๐,๓๓๙ คน สรุปได้ว่า การลดขนาดจำนวนนักเรียนต่อชั้น (class size) มีผลยกระดับผลสัมฤทธิ์ของการเรียนของนักเรียนน้อยมาก
ฝ่ายที่อ้างว่าการลดขนาดชั้นเรียน มีผลบวกต่อผลสัมฤทธิ์ บอกว่า การลดขนาดชั้นเรียนนำไปสู่การเรียน ที่เอาใจใส่ผู้เรียนเป็นรายคนมากขึ้น, การเรียนการสอนมีคุณภาพมากขึ้น, เปิดช่องให้เกิดนวัตกรรมในการเรียนรู้และการเรียนรู้แบบนักเรียนเป็นศูนย์กลาง, เพิ่มขวัญกำลังใจของครู, ลดปัญหาในชั้นเรียน, ปัญหาความประพฤติของนักเรียนน้อยลง, และดึงดูดความสนใจของนักเรียน ต่อชั้นเรียนง่ายขึ้น
ในทางตรงกันข้าม ผลการวิจัยจำนวนมากมาย ไม่สนับสนุนความคิดที่ว่า ผลสัมฤทธิ์ในการเรียนจะดีขึ้น เมื่อลดขนาดของชั้นเรียนลง
เมื่อผู้เขียนหนังสือนี้ (John Hattie) ศึกษาเข้าไปในรายละเอียด จึงสรุปว่าผลบวกที่เกิดขึ้น จากการลดขนาดชั้นเรียน มีน้อยมาก ผลบวกที่พบเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างครูกับศิษย์ ด้านสภาพการทำงาน ส่วนผลบวกที่เป็นผลด้านผลสัมฤทธิ์ในการเรียนมี น้อยมาก
ย้ำอีกทีว่า การลดขนาดชั้นเรียน ทำให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับครูดีขึ้นอย่างแน่นอน แต่ปฏิสัมพันธ์ที่ดีขึ้นนั้น อาจส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ในการเรียนรู้ดีขึ้น หรือไม่ดีขึ้น ก็ได้
ข้อสรุปนี้เป็นจริงในทุกระดับของการศึกษาขั้นพื้นฐาน และมาจากผลงานวิจัยในหลากหลายประเทศ
คำอธิบาย ว่าทำไมการลดขนาดชั้นเรียนไม่เพิ่มผลสัมฤทธิ์ก็คือ เป็นเพราะครูไม่เปลี่ยนวิธีจัดการเรียนรู้ ยังคงใช้วิธีสอนแบบเดิม
วิจารณ์ พานิช
๒๐ ส.ค. ๕๖