Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

พระราชอำนาจ

พิมพ์ PDF

News Feed

คมเพชร ศรีมังคละ altfeeling motivated with สรวิชญ์ สนิทวงศ์ ณ.อยุธยา and 53 others.

‪#‎พี่ชายใจดีเเสดงมุมมองที่เเหลมคมในเเง่วิชาการครับ‬
‪#‎กระแสเรียกร้องให้คืนพระราชอำนาจก็คือคนที่เข้าใจเรื่องนี้‬ 
แต่รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไร ต้องรอดูรัฐธรรมนูญว่าอย่างไร 
‪#‎การคืนพระราชอำนาจต้องให้ทรงมีอำนาจในการกำหนดตัววุฒิสมาชิกด้วย‬ และไม่ใช่ว่าถ้าไม่ลงลายมือชื่อ ให้นำเรื่องกลับมาลงมติในสภาแล้วออกกฎหมายได้เลย อันนี้ถ้ายังมีอยู่ถือว่าไม่คืนพระราชอำนาจ
ระบบรัฐสภาของเรายังเป็นแบบอังกฤษ สภาสูงจึงมาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งก็เข้ากันได้กับระบบสังคม แต่ 2540 ให้เลือกตั้งสภาสูง ทำให้เกิดวิกฤติ คือ ได้สภาที่ไม่ต่างจากสภาผู้แทน จึงเป็นการรวบอำนาจทางสภา และเมื่อพรรคการเมืองหนึ่งครองอำนาจบริหารและรัฐสภา ย่อมเป็นเผด็จการการเมืองไป นักวิชาการส่วนหนึ่งจึงหันไปพึ่งศาล จนทำให้ศาลทำหน้าที่เกินขอบเขตของ 3 เส้า ทำให้เป็นปัญหาด้านความยุติธรรมในปัจจุบัน
กระแสเรียกร้องให้คืนพระราชอำนาจก็คือคนที่เข้าใจเรื่องนี้ แต่รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไร ต้องรอดูรัฐธรรมนูญว่าอย่างไร (ไม่ได้ตามตัวรัฐธรรมนูญ ไว้รอเสร็จค่อยว่ากัน) การคืนพระราชอำนาจต้องให้ทรงมีอำนาจในการกำหนดตัววุฒิสมาชิกด้วย และไม่ใช่ว่าถ้าไม่ลงลายมือชื่อ ให้นำเรื่องกลับมาลงมติในสภาแล้วออกกฎหมายได้เลย อันนี้ถ้ายังมีอยู่ถือว่าไม่คืนพระราชอำนาจ
สภาสูงของอังกฤษคือที่นั่งฝ่ายขวาของพวกขุนนางและเจ้าของที่ดิน เพื่อพิทักษ์สิทธิของพวกเขา ไม่ให้ฝ่ายซ้าย(ประชาชน)ยื่นญัตติอะไรที่จะทำให้พวกเขาได้รับผลกระทบจนเกินกว่าจะยอมรับได้
ต่อมาสมัยใหม่ สภาสูงจึงเชิญนักวิชาการมาเป็นสมาชิกเพื่อเอาวิชาการเข้าข่ม ให้ข้อติติงปัญหา แต่นักวิชาการที่ได้รับเชิญก็มักจะเป็นคนที่สนิทสนมกับสายขุนนางเท่านั้น
ตอนปฏิวัติ 2475 เราเอาอย่างฝรั่งเศสคือล้มระบบเจ้าออก และเจ้าไทย ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน รัฐประหารยึดหมด ดังนั้นสภาสูงของไทยจึงเป็นสภาทหาร (กำกับอำนาจไว้ในมือตน) และนักเรียนนอก (วิชาการ) อย่างอังกฤษ
ขุนนางถือครองที่ดินมานาน ประชาชนเช่าที่ดินอยู่โดยจ่ายภาษี ซึงขุนนางก็จะส่งภาษีส่วนหนึ่งให้กษัตริย์ นี่เป็นระบบเจ้าครองนครสมัยก่อน เมื่อเป็นประชาธิปไตย สิ่งที่เกิดขึ้นแรกๆ คือเสียงจากประชาชนให้ยึดที่ดินทั้งหมดมาเป็นของกลางแล้วปันส่วนใหม่ ซึ่งเจ้าของที่ดินทั้งหลายถือว่านี่เป็นการละเมิดสิทธิของเขา แนวคิดเสรีนิยมนั้นปัจเจกมีสิทธิในทรัพย์สินของตน ดังนั้นขุนนางก็ย่อมทรงสิทธิในทรัพย์สินเช่นกัน ซึ่งสุดท้ายรัฐก็ต้องยอมรับเหตุผลนี้ จึงได้ใช้สภาสูงเป็นจุดพักของปัญหานี้
อเมริกาเป็นกลุ่มหลักที่ให้สภาสูงเป็นแหล่งของนักวิชาการเพื่อให้นำเสนอประเด็น วิเคราะห์ จำแนกข้อดีข้อเสียให้แก่สภาล่างเพื่อจะได้ลงมติได้ มีลักษณะเป็นที่ปรึกษา แต่ต่อมาก็กลายเป็นการเลือกตั้งทั้งหมด เพราะแนวคิดที่จะยึดโยงกับประชาชน สุดท้ายพรรคการเมืองก็กลายเป็นผู้ส่งคนลงสมัครเข้าสภาสูง
แล้วอเมริกาก็ชี้ชวนไปทั่วโลกให้ทำสภาสูงรูปแบบนี้ ซึ่งใน 2540 ไทยก็รับมาเต็มๆ
ระเด็นมันอยู่ตรง ร.7 สละราชสมบัติ และ ร.8 อยู่ภายใต้ผู้แทนพระองค์ ทำให้ช่วงนั้นเรื่องประมุขไม่ชัดเจน อำนาจในส่วนนี้ถูกผนวกไปไว้ที่นายกรัฐมนตรีหมด กษัตริย์เป็นประมุขในนาม คือเป็นแค่ image เท่านั้น เช่น กษัตริย์ญี่ปุ่น ซึ่งขอปลดภาระด้านพระราชอำนาจออกไปเพื่อรับผิดชอบกรณีนำประเทศเข้าสู่สงคราม แต่ของไทยคือคณะปฏิบัติยึดมา จนกระทั่งเข้าสู่ยุคฟื้นฟูความสัมพันธ์กับระบบเจ้า ทำให้มีการคืนพระราชอำนาจในระดับหนึ่ง แต่ต่อมาจอมพลสฤษฎฺิ์ก็ครองอำนาจเต็มแทน ในช่วงนี้ ร.9 ได้ทรงดำเนินการเข้าถึงประชาชนที่เป็นรากฐานประเทศ และในขณะเดียวกันก็ให้ทุนแก่นักวิชาการเพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศ และทุนแก่นักเรียนทหาร รวม 3 ทาง จนกระทั่ง 2519 จึงได้เห็นผลสำเร็จว่า กษัตริย์มีพระราชอำนาจในการยุติปัญหาการปกครองและการเมืองได้ (พลังหนุนจากประชาชน แรงสนับสนุนจากนักวิชาการ และการยอมรับจากเหล่านายทหารรุ่นใหม่) ทำให้รัฐบาลทหารต้องยอมยุติบทบาทเผด็จการลง
ระบบรัฐสภาของเรายังเป็นแบบอังกฤษ สภาสูงจึงมาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งก็เข้ากันได้กับระบบสังคม แต่ 2540 ให้เลือกตั้งสภาสูง ทำให้เกิดวิกฤติ คือ ได้สภาที่ไม่ต่างจากสภาผู้แทน จึงเป็นการรวบอำนาจทางสภา และเมื่อพรรคการเมืองหนึ่งครองอำนาจบริหารและรัฐสภา ย่อมเป็นเผด็จการการเมืองไป นักวิชาการส่วนหนึ่งจึงหันไปพึ่งศาล จนทำให้ศาลทำหน้าที่เกินขอบเขตของ 3 เส้า ทำให้เป็นปัญหาด้านความยุติธรรมในปัจจุบัน
2550 ให้มีเลือกตั้งผสมแต่งตั้ง ยิ่งทำให้เกิดการแบ่งฝักฝ่ายในสภาสูง ไม่ใช่ด้วยเรื่องวิชาการ แต่เป็นเรื่องขั้วความคิดของใครของมัน จึงไม่มีเอกภาพในสภาสูง สุดท้ายก็เป็นเกมการเมือง และเป็นช่องว่างในระบบราชการและทุนใช้เพื่อการแสวงผลประโยชน์เชิงนโยบายต่างๆ ได้ เราจึงรู้สึกถึงปัญหาสำคัญคือคอร์รัปชั่น แต่มองไม่ออกว่าเกิดจากอะไรกันแน่ แล้วก็มาเรียกร้องศีลธรรม โดยคิดที่จะตรากฎหมายกำกับให้คนทำตาม
แต่นิติปรัชญาชี้ไว้นานแล้วว่ากฎหมายควรออกน้อยข้อที่สุดเท่าที่ทำให้สังคมอยู่ร่วมกันได้ในระดับหนึ่ง คุณภาพของสังคมที่ดีมากกว่านั้นเป็นส่วนของกิจกรรมทางสังคมอื่นๆ เช่น ศาสนา องค์กรสาธารณะ จิตอาสา ชมรม ที่จะรณรงค์และเชิญชวนให้ทำดี อีกทั้งการบังคับใช้กฎหมายตามตัวอักษรย่อมมีปัญหาว่าไม่ตรงกับความจริง (กฎหมายลิขสิทธิ์ที่ไปจับคนขายซีดีเก่า) ทำให้คนไม่เชื่อกฎหมายและมองว่ากฎหมายข่มเหงลิดรอนสิทธิประชาชน
จุดนี้จะทำให้คนไม่เชื่อระบบรัฐสภา และศาลและนำไปสู่การร้องเรียนเชิงบริหาร อำนาจจะวิ่งไปที่ฝ่ายบริหารซึ่งก็ทำให้เกิดการรวบอำนาจเชิงระบบในที่สุด
เผด็จการแปลมาจาก totalitary คืออำนาจเด็ดขาด ตัวอย่างเช่น ระบบกษัตริย์, ระบบรัฐขุนนาง Feudal , รัฐทรราชย์ tyrancy, ช่วงศึกสงคราม, รัฐสภาเดียว, และอีกหลายๆ อย่างล้วนเป็น totalitary เช่นกัน สำหรับคอมมิวนิสต์นั้นหลักปกครองของเขาคือ social democracy ประชาธิปไตยสังคม ดังนั้น 2 เรื่องนี้ต่างกันครับ ไม่อยู่ในระนาบคิดเดียวกัน คือเรื่องของการใช้อำนาจ กับ เรื่องการได้มาซึ่งอำนวจ
คำถามสำคัญในสมัยก่อนคือ how to live well ซึ่งคำตอบหนึ่งก็คือต้องอยู่ในสังคมที่ดี ทำให้เกิดการคิดว่าสังคมที่ดีคืออะไร นำไปสู่ปรัชญาการปกครอง politics โดยต่อมาได้มีแนวคิด 2 ด้านที่สำคัญ คือ การได้มาซึ่งอำนาจปกครอง กับ การใช้อำนาจปกครอง
ซึ่งต่อมา มาคลิวาลลิ ก็ได้ชี้ว่าการปกครองจะดีให้เลือกผู้นำที่ดีมาเป็นเจ้าครองนคร Prince, 1532 เพื่อให้เขาใช้อำนาจอย่างเต็มที่ แต่ Prince จะต้องกำจัดผู้ที่เป็นนั่งร้านที่ส่งเขาขึ้นมาออกไป เพราะคนพวกนี้แหละที่จะมาทวงบุญคุณและคอร์รัปชั่น ต่อมา โทมัส ฮอบส์ ,1651 ได้ชี้ว่า เราต้องมอบอำนาจปกครองให้แก่ผู้นำ ซึ่งจะมีอำนาจเต็มทำอะไรก็ได้ แต่ผู้นำจะต้องทำ social contract คือสัญญาประชาคม ว่าจะทำอะไรให้สังคมได้ หลังจากให้อำนาจแล้ว ผู้นำก็จะเหมือนเจ้าทะเล leviathan ที่ทำอะไรก็ได้ ใครๆ ก็ต้องกลัว นี่คือจุดเริ่มของแนวคิด totalitarianism อำนาจเบ็ดเสร็จ
ประชาธิปไตยได้รับการพูดถึงก็คือปฏิวัติฝรั่งเศส 1789 โดยเอาแนวคิดของมองเตสกิเออ ที่ให้แบ่งอำนาจเป็น 3 ฝ่าย เพื่อสร้างสมดุล 3 เส้า แล้วให้เลือกผู้นำฝ่ายบริหารจากประชาชน แต่แล้วก็มีการสถาปนาระบบสาธารณรัฐ ประธานาธิบดีก็คุมอำนาจเบ็ดเสร็จชี้นำสังคมมาก มาร์กจึงมองว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะทุนเอกชนเข้ามามีบทบาท ทำให้สังคมมุ่งไปผิดทาง สังคมจะต้องมีแบบแผนที่ถูกต้องแล้วให้ทุนขับเคลื่อนไป ดังนั้นการกำหนดนโยบายของรัฐจะต้องไม่อิงไปตามทุน เกิดเป็น social democracy
ดังนั้น เสรีนิยมประชาธิปไตยกับสังคมนิยมประชาธิปไตยจึงเถียงกันที่ว่าใครมีสิทธิออกนโยบายสังคม (สัญญาประชาคม) เสรีนิยมเห็นว่าต้องฟังประชาชน(ผู้แทน) แล้วออกนโยบายตามที่ประชาชนต้องการ สังคมนิยมบอกว่าต้องวางแผนแล้วมุ่งเป้า ให้ประชาชนแต่ละคนมาออกเสียงอย่างไรก็ผิดทิศผิดทาง ต้องมีนักวิชาการปกครองชี้นำสิ่งที่จำเป็นของสังคม
ที่เล่ามาทั้งหมด คือ วิธีการใช้อำนา

แก้ไขล่าสุด ใน วันอังคารที่ 28 มิถุนายน 2016 เวลา 13:45 น.
 

ปัญหารื้อรังของสังคมไทย

พิมพ์ PDF

ปัญหาเรื้อรังของสังคมไทยที่คนไทยทุกคนควรอ่าน

อาจารย์เฉลิมชัย  

เขียนได้ดี ถูกใจมาก !! 


มันไม่ใช่ระบอบทักษิณ ระบอบประชาธิปัตย์ หรือ ระบอบเผด็จการทหาร!!


แต่มันคือ! ระบอบแบบไทยๆ คนไทยๆ นี่แหละ ที่ทำให้มันเป็นสังคมแบบนี้! 

"ผมไม่ชอบการเมือง แต่ในฐานะคนไทย ผมก็มี 1 เสียง เท่ากับนายกรัฐมนตรี เท่ากับชาวสวน เท่ากับชาวนาคนหนึ่ง 

     ผมไม่ใช่คนของอดีตนายกทักษิณ เขาไม่เคยให้อะไรผม! ผมก็ไม่เคยขออะไรจากเขา! 

แต่รู้ว่าไม่ชอบระบบการเล่นการเมืองแบบฉวยโอกาส ไม่รักษากฏอย่าง ปชป. ทั้งที่เมื่อก่อน เคยชอบ 


ผมไม่รู้ว่า Thomas tarn เป็นใคร คนไทยรึเปล่า? 


อ่านเจอ พอเปิดใจ รับเลย

รู้สึกว่า มีส่วนจริงอยู่มาก! 


เพราะผมเองก็คนหนึ่งล่ะ.. ที่เคยทำเลวๆ.. ยัดเงินเจ้าหน้าที่ธุระการ เพื่อแลกกับความรวดเร็ว 


ยอมเสีย 100 บาทเพื่อแลกกับการเสียเวลา และอื่นๆ 


เพื่อความอยู่รอดของหน่วยในระบบราชการไทยๆ เจอตรงนี้..เลยเอามาให้อ่านกัน... 


"การเมืองแบบไทยๆ" 

โดย Thomas Tarn 


ถ้าเราล้มระบอบทักษิณได้แล้ว จะเป็นอย่างไรต่อ? 


ระบอบทักษิณคืออะไร? 

ถ้าตระกูลชินวัตรตาย หมดไปจากโลก ประเทศไทยจะดีขึ้นจริงๆหรือ? 


ทุกคนทุกฝ่าย นักวิชาการ ทนาย ผู้เชีนวชาญ สารพัด ช่วยคิด หาเหตุ หาผล....


ก็ยังหาทางลงไม่ได้........ 

เพราะระบอบ ที่ทำให้บ้านเมืองยิ้มอยู่ได้ทุกวันนี้ มันคือระบอบ ที่มีมาก่อนทักษิณจะเกิดซะอีก !!


ขอเรียกว่า "ระบอบไทยๆ" 

ระบอบไทยๆ นี้ เป็นระบอบที่เกิดขึ้นมาจาก...นิสัย สันดาน สภาพแวดล้อม แนวคิด พฤติกรรม และสังคมแบบไทยๆ 


ที่ส่วนใหญ่รักสบาย มักง่าย เล่นพรรคเล่นพวก มือถือสากปากถือศีล ไม่ซื่อสัตย์ ไม่มีอุดมการณ์ 


และที่สำคัญในช่วงหลังๆ คือวัดค่าของคนจากเงิน ของใช้ รถยนต์ ฯ สิ่งที่มองเห็นจากข้างนอก ภายนอก ฯลฯ


ในเมื่อการวัดค่าของคนไม่ได้อยู่ที่จิตใจ ความดีงาม ความสามารถ อีกต่อไป 


คนส่วนใหญ่จึงมีเป้าหมายใหม่ เป็นการทำอย่างไรก็ได้! ให้มีเงินมากที่สุด 


เมื่อความต้องการเงินมากๆ โดยไม่เลือกวิธีการ ไปรวมกับนิสัยแบบไทยๆ ที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ จึงนำไปสู่การ คอรัปชั่น ทั้ง ใน นอก ลับ และ

เปิดเผย 


การคอรัปชั่น มีขึ้นแทบทุกหน่วยงานราชการ รวมไปถึงทุกคนในเอกชน และภาคครัวเรือน ที่เป็น...หนึ่งในตัวการส่งเสริมการคอรัปชั่น 


(ยอมให้ชาติเสียประโยชน์เพื่อตัวเอง..ได้ประโยชน์) 


ถ้าเกิดและโตมาจนอ่านหนังสือออก เล่นเฟซบุคได้ คงไม่มีใครไม่เคยเกี่ยวข้องกับการคอรัปชั่น 


ฝากลูกเข้าโรงเรียน ยัดเงินตำรวจ โกงภาษีเงินได้ สารพัดการคอรัปชั่นในชีวิตประจำวัน 


(ไม่ต้องพูดถึง การคอรัปชั่นระดับนักการเมืองที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว) 


ที่น่าแปลกใจ คือคนไทยรับได้ แถมอยู่กับมันได้อย่างมีความสุขอีกด้วย ?


ด่านักการเมือง ว่าเลวทุกคน ถึงเวลา ขอให้ช่วยฝากลูกเข้าโรงเรียน ฯลฯ


ด่าตำรวจไม่มีดี ถึงเวลา ช่วยหนูหน่อยนะพี่ ขี้เกียจไปโรงพัก 


สิ่งเหล่านี้คือระบอบไทยๆ มีมานาน ก่อนทักษิณจะมีอำนาจ 


พูดให้ถูกคือ.. ทักษิณมีอำนาจ เติบโตจนสั่นคลอนประเทศวุ่นวายได้ขนาดนี้ ก็เพราะรู้จักใช้ประโยชน์ จากระบอบนี้นั่นแหละ 


ที่ทุกวันนี่มันกลายเป็นระบอบทักษิณไปแล้ว 


เพราะทักษิณได้กระจายอำนาจ! และบริวาร ครอบคลุมหน่วยงานต่างๆไว้ เป็นจำนวนมาก สมัยอยู่ในอำนาจ 


จึงทำให้ทักษิณ เหมือนกลายเป็นผู้รับประโยชน์สูงสุด 


ถามอีกรอบ สมมุติพรุ่งนี้ ตระกูลทักษิณหายไปจากโลก 


คิดว่าไอ้ระบอบไทยๆ ที่หยั่งรากลึก มาก่อนทักษิณจะมาเล่นการเมืองเสียอีก มันจะหายไปหรือปล่าว? 


ข้าราชการ ตำรวจ ประชาชน นักการเมืองทุกคน จะพร้อมใจกัน เป็นคนดีขึ้นมากกว่าเดิมทันทีรึ?


อ่าห..์ โลกช่างสวยงาม 

คิดแบบนั้นกันจริงๆหรือ? 


เชื่อว่าทุกคน ก็รู้อยู่ว่า "ไม่ใช่" 


ต่อให้ทักษิณตายไป!ไอ้ระบอบไทยๆ ที่ว่า มันก็แค่ไปหาหัวโขนอื่นมาใส่ แล้วก็คอรัปชั่นกันต่อไป อย่างเมามันส์อยู่ดี 


การโยนความเลวทรามชั่วช้า ทั้งหมดบนโลกใบนี้ไปให้ทักษิณ มันง่ายดี!

มันสะดวกกว่าการโทษตัวเอง 


แต่มันไม่ใช่การแก้ปัญหา และ ไม่เป็นธรรมกับทักษิณนัก 


การปลุกระดมม็อบ ไปปิดสถานที่ราชการ ก็ไม่ใช่การแก้ปัญหา 

เพราะนักการเมืองทุกฝ่ายมีเงินทุนและมวลชน ของตัวเองมากพอ พอที่จะปลุกม็อบมากี่ครั้งก็ได้ เมื่อฝ่ายตรงข้ามได้เป็นรัฐบาล กลายเป็นวังวนอัปยศ ที่หาทางออกไม่ได้ของประเทศไทย 


ทางแก้ของปัญหาการเมืองในประเทศ ผมเชื่อว่า ไม่มี

ทางออกจากวงจรอุบาทว์ ไม่ว่าจะก่อม็อบไปเปลี่ยนรัฐบาล ไปซักกี่รัฐบาล 

ถ้า! คนไทยยังไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง 


"ปฏิวัติตัวเอง" จากข้างใน!

เลิก >เห็นแก่ความสบาย 

เลิก >ร้องขอสิทธิพิเศษ 

เลิก >มองคนที่ภายนอก 

เลิก >คิดมักง่าย 

เลิก >ขับรถผิดกฏจราจร 


>หันมามองความสามารถภายใน ความดี ความมีคุณธรรม ลดความเห็นแก่ตัว เคารพสิทธิของผู้อื่น เคารพกฎหมาย ให้มากกว่านี้<

....................................

" เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ "

แก้ไขล่าสุด ใน วันจันทร์ที่ 01 สิงหาคม 2016 เวลา 20:47 น.
 

รายการ เปลี่ยน เป็น เปลี่ยน วันที่ 15 มิถุนายน 2559

พิมพ์ PDF

แก้ไขล่าสุด ใน วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน 2016 เวลา 05:01 น.
 

Managing Knowledge & Learning in The Modern Organization

พิมพ์ PDF

Part I – How to choose the right learning management

software

By: SoftControl.Net, Ltd.

29 December 2014

A large majority of IT projects fail

There are hundreds of studies analyzing the successes and failures of IT projects, and nearly all of them

show that the vast majority of projects will not meet their objectives and cannot be considered

successful. What’s more, the reasons for these failures are also remarkably familiar, have not changed

over the last decades and cover the usual suspects: insufficient analysis, planning and stakeholder

involvement and communication as well as an inability to bridge the gap between business- , user- and

technical requirements all contribute to poor technical and business performance of IT projects.

Advice and guidance on how to manage IT projects to successful outcomes can be found in many places,

and support from experienced and trusted IT partners should be sought for complex projects or when

internal expertise is not at hand.

Selecting and implementing the right Learning & Knowledge Management software contains some

unique aspects and criteria - in this paper we will look at the most important of these factors.

What you should NOT do when choosing & implementing your Learning &

Knowledge Management software

To preempt the many common mistakes organizations make when selecting and implementing Learning

Management Software (LMS), here are a few tips on what to avoid:

 Don’t consider LMS as an ‘IT Systems Purchase’: Many organizations look primarily at the

technical IT specifications and requirements when selecting the software. While technical criteria

are certainly an important factor, this can be a dangerous distraction from the main reason to

introduce such a system…which is to make the right learning and knowledge easily available at

the right time, and independent of the knowledge that comes and goes with people. As an

organization, you don’t need to be particularly IT savvy, but you need to be exceptionally clear

about your learning and performance outcomes.

 Don’t delegate ‘digging deeper’ to an unqualified person or to the IT department: For the same

reasons explained above, the task to work out the exact requirements of the system should not

left to someone insufficiently qualified for this task, or to an IT person whose focus and expertise

is only technical. Instead, select someone who has the skills, relationship and imagination to map

out the learning & knowledge requirements for LMS functionality.

 Don’t sign an order before a “full trial access”: Any system considered for purchase should be

tested rigorously, technically, functionally, and from a holistic integration, stakeholder and enduser

point of view. This is possible only with a so-called ‘full trial access’, where you the customer

are given access to a fully functional trial version of the product. Most vendors will allow you such

access, for a pre-defined period or with some other time-bound element. Such a trial period

needs be used to test the system systematically and rigorously. Naturally you won’t be able to

trial each and every potential aspect but it will give bring you a whole lot closer to a realistic view

on the tools potential and match to your requirements, and will serve to compare tools to each

other.

 Do not leave the planning & thinking to the vendor: often organizations assume that that the

vendor will take care of every possible need or eventuality. Certainly the vendor should be

experienced enough with the product to answer important questions honestly and critically, but

not all vendors have the in-depth experience or the interest to help you maximize the success if

your LMS decision. They also do not know the unique ins and outs of your business and

processes. So the task of scoping and describing your requirements as detailed as possible, to IT Peace of Mind

identify the required customizations, work-arounds or LMS limitations is by and

large up to you, the customer. Ideally this task must be completed before the vendor gets

involved, so that the two parties can have some healthy conversations about your requirements

and about the capability of the software. By being prepared and by sharing your well-defined

requirements this way you will maximize the opportunity for making the vendor a more capable

and supportive partner in this undertaking.

What you SHOULD do

There are a few critical actions an organization must take and questions to answer before choosing the

right LMS.

 Take stock of your current & future needs: What are the managerial and leadership goals for the

Learning Management System? How many employees will use, benefit or be affected by the

system, now and in the future? To what extent will trainings and classes be conducted online or

in a classroom format?

 Research both the system AND the vendor first: What is the vendor’s reputation? Are they

successful with offering this and other systems? Are the willing and experienced to customize

your system and in what ways? Can the vendor estimate how long it will take to build the system,

make it available to users and go live with it? How easy is the data transfer to the system? And

don’t forget to walk through the ‘standard user experience’ with guidance from the vendor.

In the next edition of this whitepaper we will look at the significant benefits that a well-chosen and

professionally implemented LMS can deliver to your business.

About SoftControl

Founded in Bangkok in 1993 by a team of German and Thai entrepreneurs, SoftControl has

helped global companies in Thailand and worldwide focus on growing their business for more

than two decades.

Over this period, we have delivered ITC services and solutions, including responsive websites in

more than 20 countries, to more than 200+ local and international customers including small

and medium size companies as well as enterprise level businesses across different industries. For

many of our long list of satisfied customers we continue to be a preferred IT consultant and

provide ongoing IT support and strategic advice.

SoftControl’s success and continuity as an IT partner of choice arises from always placing your

business interests firmly at the centre of the innovative solutions and services we offer. Our

know-how and expertise as an IT partner is aimed single-mindedly at giving customers the

freedom to get on with business – a vision which we call IT Peace of Mind.

Read more about SoftControl Learning Management Solution (LMS) here:

http://www.softcontrol.net/hr-and-lms/lms-and-knowledge-management-system.

For ICT business solution in Thailand: call us +66 2 105-4068 or send email to

อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน .

แก้ไขล่าสุด ใน วันศุกร์ที่ 09 มกราคม 2015 เวลา 11:12 น.
 

ชีวิตที่พอเพียง ๒๓๘๕. แก่แบบหด กับแก่แบบยืด

พิมพ์ PDF

ใน พ.ศ. ๒๕๒๒ศ. นพ. อวย เกตุสิงห์ บรรยายเรื่อง แก่อย่างสง่า ที่ศิริราช เป็นที่ฮือฮากันมาก แม้ในหมู่พวกผมที่ยังเป็นอาจารย์วัยเอ๊าะๆ ยังไม่เคยคิดว่าสักวันตัวเองก็จะเป็นคนแก่เหมือนกัน

บทความนี้อยู่ในเว็บไซต์ของราชบัณฑิตยสถาน ที่นี่

ตอนนี้ผมอยู่ในวัยพอๆ กับอาจารย์หมออวยในตอนนั้น จึงขอตั้งข้อสังเกตเรื่อง "แก่สองแบบ" คือ "แบบหด" กับ 'แบบยืด" สิ่งที่หดหรือยืดคือเรื่องที่สนใจ หรือเรื่องที่ยึดถือเป็นสาระในชีวิต ไม่เกี่ยวกับอวัยวะใดๆ ของร่างกาย ที่ไม่ใช่แค่หด แต่ถึงกับ "เหี่ยว" เอาทีเดียว

นอกจากไม่เหี่ยวแล้ว จิตใจของคนแก่ยังสามารถสดใสลุกโพลงอยู่ด้วยความหวัง หากเอาจิตใจพุ่งไปที่เรื่องราวสำคัญๆ ของชุมชน/สังคม/บ้านเมือง

นี้คือเคล็ดลับ "แก่แบบยืด" คือยืดความสนใจ ความเอาใจใส่มุ่งมั่น ให้ขยายออกจากตนเอง หรือรอบๆ ตัว ให้ออกไปสู่ผลประโยชน์ของบ้านเมือง

ในกรณีของผม ผมก็เอาใจใส่ศึกษาเพื่อการนี้ เกิดความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นมากมาย รวมทั้งช่วยให้ตนเองทันสมัย ในเรื่องนั้นๆ ด้วย ยิ่งเอาประสบการณ์อันยาวนานของคนแก่ใส่เข้าไปเพื่อตีความในความหมายใหม่ๆ ยิ่ง "สนุกเป็นบ้า"

เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการ "แก่อย่างสนุก" เสริม "แก่อย่างสง่า" ของท่านอาจารย์หมออวย

เสริมเกร็ดการอบรมน้องใหม่ของศิริราช ในปี ๒๕๐๕ ตอนผมโดนอบรมน้องใหม่ ๗ ชั่วโมง non-stop พี่ปี ๔ คนหนึ่งสั่งสอนว่า ต้องเคารพอาจารย์ ห้ามเอาชื่อหรืออะไรๆ ของอาจารย์มาล้อเล่น และห้ามเรียกอาจารย์หมออวยว่า "ครูอวย" เด็ดขาด เรียกชื่ออาจารย์คนอื่นด้วยคำนำหน้านามว่าครูได้ แต่ห้ามใช้กับชื่ออาจารย์หมออวย

เสริมอีกเกร็ดครับ เป็นประเพณีที่ยึดถือกันมาว่าแพทย์จะถือรุ่นพี่เป็น "อาจารย์" เราจะไม่เรียกแพทย์ที่อาวุโสกว่าว่า "หมออวย" "หมอสุด" เพราะนั่นเป็นการเรียกแพทย์ที่อาวุโสเท่ากันหรือต่ำกว่า กับแพทย์ที่อาวุโสกว่า เราเรียกด้วยคำนำหน้านาม ว่า อาจารย์ทุกคน เช่นอาจารย์หมอสงคราม ไม่เคยสอนผมเลย แต่ผมและหมอรุ่นน้องของท่านเรียกอาจารย์ทุกคน

คำว่า "คุณหมอ" เป็นคำที่หมอจะไม่ใช้เรียกหมอที่อาวุโสกว่า ตรงกันข้าม เป็นคำที่หมออาวุโสใช้เรียกหมอที่เด็กกว่า และอาจารย์และรุ่นพี่ จะเรียกพวกเราตั้งแต่เข้าเรียนแพทย์ปี ๑ ว่า "คุณหมอ" โก้เป็นบ้า



วิจารณ์ พานิช

๒๘ ก.พ. ๕๘


บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย 

 

แก้ไขล่าสุด ใน วันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2015 เวลา 23:14 น.
 


หน้า 553 จาก 559
Home

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5614
Content : 3056
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8647322

facebook

Twitter


บทความเก่า