การเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติในสถานการณ์จริงระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่หรือระหว่างทุกฝ่ายจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง
(Transformation) ในทุกมิติ
·
คนรุ่นใหม่จะมาแทนคนรุ่นเก่า
จึงเป็นอนาคตของประเทศไทย
คนรุ่นใหม่ยิ่งเก่งยิ่งดี อนาคตประเทศไทยยิ่งรุ่งโรจน์
·
คนรุ่นเก่าจึงควรถนอมรักคนรุ่นใหม่
และส่งเสริมให้เขาเก่งและดี
เขาก็คือลูกหลานของเรานั่นเอง
·
แต่ใหม่ไม่เหมือนเก่า
เพราะสรรพสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง
ตามพระพุทธดำรัส
ไม่มีอะไรอยู่คงที่หรืออนิจจังโดยไม่เปลี่ยนแปลง
·
ที่เปลี่ยนก็เพราะมีเหตุปัจจัยที่ทำให้เปลี่ยน
หรือความเป็นเหตุเป็นผล
ที่เรียกว่าอิทัปปัจจยตา ไม่มีอะไรเกิดขึ้นลอยๆ
โดยไม่มีเหตุ
·
การที่ลูกหลานไม่เชื่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์เหมือนเดิม
ไม่ใช่เขาเป็นคนเลว
ถ้าคิดว่าลูกเลว พ่อแม่จะมีความทุกข์สูงสุด
·
ทางพุทธศาสนาถือว่าทุกข์เกิดเพราะ “อวิชชา”
หรือความไม่รู้ ไม่รู้ความจริง
ผมเคยอธิบายให้แม่ที่มีความทุกข์เพราะลูก
หายทุกข์ทันทีเมื่อรู้ความจริง
·
ความจริงก็คือมีเหตุให้เป็นเช่นนั้น
ในสมัยโบราณผู้เยาว์ได้รับข้อมูล
เฉพาะจากพ่อแม่และครู จึงเชื่อฟังพ่อแม่และครู
·
สมัยปัจจุบันข้อมูลมาจากทุกทิศทุกทาง
อย่างหลากหลาย
คนรุ่นใหม่จึงไม่เชื่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ เหมือนคนรุ่นเก่า
·
ยิ่งยัดเยียดยิ่งห้ามปราม ยิ่งอยากทำ
เหมือนกันทั่วโลก
มันเป็นเช่นนั้นเอง เพราะมีเหตุปัจจัยให้เป็นเช่นนั้น ตถตา
·
คนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่มีจุดอ่อนจุดแข็ง
ที่จะเสริมกัน
คนรุ่นเก่ามีประสบการณ์ยาวแต่อนาคตสั้น
คนรุ่นใหม่อนาคตยาวแต่ประสบการณ์สั้น
·
มหาตมะคานธีกล่าวว่า
ถ้าคุณเรียนจากตำราคุณได้ความรู้
แต่ถ้าคุณเรียนจากประสบการณ์คุณได้ปัญญา
·
คนรุ่นเก่ามีประสบการณ์ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ทางปัญญาอย่างวิเศษ
แต่อาจขาดพลังขับเคลื่อนสู่อนาคต ที่คนรุ่นใหม่มีมากกว่า
·
ฉะนั้น
การเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติในสถานการณ์จริง ระหว่างเก่ากับใหม่
จะตอบโจทย์ได้ทั้งหมด และนำไปสู่ความสุขประดุจบรรลุนิพพาน
·
คนรุ่นเก่าก็ได้ถนอมรักลูกหลาน
และเรียนรู้จากคนรุ่นใหม่
คนรุ่นใหม่ก็จะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของความล้มเหลวหรือสำเร็จของอดีต
·
ที่สำคัญ สมองส่วนวิจารณญาณสูงสุดที่เรียกว่า
Prefrontal cortex
ของคนก่อนวัยเบญจเพส ยังพัฒนาไม่เต็มที่
·
คนรุ่นใหม่ที่ยังเยาว์วัยจึงถูกฮอร์โมนเร่งเร้าให้พุ่งทะยาน
อาจขาดความยับยั้งชั่งใจ ก่อความรุนแรงได้ง่าย
·
“การเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติ
(Interactive learning to action) ในสถานการณ์จริง”
เป็นเครื่องมืออันยิ่งใหญ่ที่จะทำให้ก้าวข้ามอุปสรรคและข้อจำกัดทุกเรื่อง
·
ทิศทางอนาคตประเทศไทยหลังโควิด และของโลก
จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทิศทางเดิมที่ล้มเหลวหมดยุคลงแล้ว
·
ทิศทางใหม่ต้องเริ่มต้นด้วยการเห็นหรือทิฏฐิใหม่
ทิฏฐิแปลว่าเห็น
การเห็นใหม่คือเห็นความจริง ทิศทางเก่าของโลกเห็นผิด จึงล้มเหลว
·
ที่ว่าเห็นผิดคือเห็นเป็นส่วนๆ
หรือเห็นบางส่วน หรือเห็นแบบแยกส่วน
ความจริงคือธรรมชาติทั้งหมดเชื่อมโยงเป็นองค์รวม (Wholeness)
หนึ่งเดียวกัน (Oneness)
·
เมื่อเห็นแบบแยกส่วนก็ทำอะไรๆ แบบแยกส่วน
ซึ่งนำไปสู่การเสียสมดุลโลกเสียสมดุลหมดทุกมิติ จึงวิกฤต และโควิดจึงมา
·
ทิศทางอนาคตคือการเห็นทั้งหมด
และพัฒนาอย่างสมดุล
การจัดการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างคนกับคน
และระหว่างคนกับสิ่งแวดล้อมในทุกระดับ
·
ตั้งแต่ชุมชนขนาดเล็กที่คนอยู่ร่วมกันด้วยความสุขไปจนถึงชุมชนขนาดใหญ่ขึ้นตามลำดับตามสมรรถนะของ
การจัดการให้มีความสมดุล
·
การเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติในสถานการณ์จริงระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่หรือระหว่างทุกฝ่ายจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง
(Transformation) ในทุกมิติ
·
ที่ยิ่งทำยิ่งรักกันมากขึ้น
ยิ่งไว้เนื้อเชื่อใจกัน (Trust) มากขึ้น
ยิ่งเสมอภาคและมีภราดรภาพมากขึ้น ยิ่งฉลาดมากขึ้น
ยิ่งฉลาดร่วมกัน (Collective wisdom) มากขึ้น
ยิ่งเกิดนวัตกรรมและอัจฉริยภาพกลุ่ม Group genius มากขึ้น
ยิ่งสามารถฝ่าความยากไปสู่ความสำเร็จมากขึ้น
ยิ่งมีความสุขมากขึ้นประดุจบรรลุนิพพาน
แทนที่จะมีความทุกข์เพราะคนรุ่นใหม่
กลับกลายเป็นความสุขร่วมกัน ประดุจบรรลุนิพพาน เพราะความสิ้นไปของ “อวิชา” โดยแท้
---------------------------------------------------------------
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย Prof. Vicharn Panich ใน บันทึกการเมืองไทย