เที่ยวสวนในที่นี้ หมายถึงสวนสมุทรสงคราม ผมเคยบันทึกมาเที่ยวสมุทรสงครามเมื่อกว่า ๓ ปีมาแล้วไว้ถึง ๖ ตอน อ่านได้ที่นี่ คราวนั้นไปกับผู้พิพากษา และพักที่รีสอร์ทหรูคือบ้านอัมพวา
คราวนี้ไปกับนักวิจัย คือคณะ HITAP พักที่ เดอะเกรซอัมพวาเข้าตรงวัดช่องลม พอเลยกำแพงวัดก็มีซอยเล็กๆ เป็นทางไป รีสอร์ท มากมาย ระยะทางประมาณ ๒ ก.ม. ถนนลาดยางเล็กๆ ผ่านสวนอันร่มรื่น
เช้าวันที่ ๖ ต.ค. ๕๕ เราขับรถออกจากบ้านแต่เช้ามืด ข้ามสะพานพระราม ๔ ไปออกถนนกาญจนาภิเษก เพื่อไปออกถนนพระราม ๒ แบบเดียวกับเมื่อ ๓ ปีก่อน แต่คราวนี้ถนนซับซ้อนกว่าเดิมมาก ทำให้เราคิดว่าหลงทาง ป้ายบอกว่าถนน ๓๕ เข้าเขตจังหวัดสมุทรสาคร ผมบอกให้สาวน้อยดูแผนที่ว่าถนน ๓๕ อยู่ตรงไหน เธอดูแล้วบอกว่าไม่มี ผมจึงคิดว่าเป็นถนนใหม่เข้าจังหวัดสมุทรสาคร จึงเลี้ยวกลับ และหาทางใหม่ ทำให้เราเสียเวลาเกือบชั่วโมงครึ่ง วนเป็นวงใหญ่ ไปออกบางแค วนผ่านบางบอน กลับไปที่ถนน ๓๕ ที่เดิม ซึ่งถึงช่วงเวลานั้นสาวน้อยหาในแผนที่พบแล้วว่า ถนน ๓๕ ก็คือถนนพระราม ๒ นั่นเอง
เราจึงไปถึงตลาดสมุทรสงครามเวลาประมาณ ๘.๓๐ น. เราเลี้ยวไปด้านหลังตลาด ได้ที่จอดรถโดยบังเอิญ และเดินไปเพียงประมาณ ๑๐ เมตร ก็พบร้านก๋วยจั๊บเข้าพอดี ตอนนี้ขึ้นราคาเป็นชามละ ๑๒ บาท ผมเข้าไปขอซื้อชนิดชามละ ๒๐ บาท อิ่มตื้อที่เดียว
เพื่อแก้ความเครียดที่เกิดจากหลงทาง ผมจึงรางวัลตัวเองด้วยข้าวเม่าทอด ๑ แพ ๓ ลูก และกล้วยแขกทอด ฟักทองทอด ซื้อจากร้านที่เดินผ่าน กล้วยแขกและฟักทองทอดเป็นของทอดใหม่ร้อนๆ จึงอร่อยมาก แต่โชคร้าย ข้าวเม่าทอดเป็นของเก่า คงจะเหลือมาจากเมื่อวาน ผมจึงได้เรียนรู้วิธีซื้อข้าวเม่าทอดตอนเช้า ที่จะต้องสังเกตให้ดีว่าไม่ใช่ของเหลือค้างคืน
ตอนบ่ายเป็นการประชุม retreat และประชุมคณะกรรมการมูลนิธิ ซึ่งท่านรองประธาน (นพ. สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ) ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมเราได้ให้คำแนะนำเชิงสร้างสรรค์มากมาย
เวลา ๑๖.๓๐ น. ทุกคนมาพร้อมกันตรงเวลา เพื่องลงเรือล่องชมวิวและไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา จากแม่น้ำแม่กลอง เรือพาเราเข้าคลองผีหลอก ไปจนถึงสี่แยก ทางขวาเป็นคลองหมาหอน ทางซ้ายเป็นคลองอัมพวา เรือเลี้ยวเข้าคลองอัมพวา ผ่านอาคารหลังใหญ่ที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จและเป็นกรณีขัดแย้งกับชาวบ้าน ผมกลับมาค้นข่าวที่บ้านจึงรู้ว่าเป็นอาคารโรงแรมชูชัยบุรีศรีอัมพวา ดังข่าวนี้ เรือ พาเราไปชมชุมชนโบราณสองฝั่งคลอง เขาชี้ให้เราดูบ้านเดิมของครูเอื้อ สุนทรสนาน และพาเราทะลุปากคลองอัมพวาไปส่งเราขึ้นบกที่ฝั่งแม่น้ำแม่กลองตรงหน้าที่ว่าการอำเภออัมพวา ให้เราเดินเล่นชมตลาด
ผมจึงได้ความสาวชมตลาด ระลึกชาติเมื่อ ๓ ปีก่อน ที่เคยมาเที่ยว เอารถไปจอดที่วัดฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ และนั่งเรือข้ามฟากไปเที่ยวตลาดแบบเดียวกัน
เย็นวันศุกร์ ตลาดเพิ่งเริ่มติด คนพอมีแต่ไม่มากนัก เขาบอกว่าวันเสาร์คนมากที่สุด ผมสังเกตว่า เขาดูแลความสะอาดดีขึ้น และตลาดส่วนใหญ่อยู่บนบก ที่อยู่ริมน้ำบนบ้านเก่าก็มีด้วย ที่เป็นเรือข้ายสินค้ามีแต่เรือขายก๋วยเตี๋ยวเรือและอาหารอื่นหย่อมเดียว
เราไปถ่ายรูปบนสะพานข้ามคลอง และชื่นชมเพลงสุนทราภรณ์ที่มีวงดนตรีเล็กๆ มาร้องอยู่ริมคลอง ไพเราะและได้บรรยากาศมาก
เราต้องรีบกลับ เพราะฝนตั้งเค้า และระหว่างนั่งเรือกลับฝนก็ตกลงมา โชคดีที่ตกไม่หนักมาก แต่ตอนกลางคืนฝนตกหนักมาก
หลังกินอาหารเย็นที่โรงแรม ผมกลับไปอาบน้ำที่ห้องพัก ซึ่งเป็นห้องที่ดีที่สุดริมน้ำชั้นบน ตอนเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม ได้มีโอกาสเห็นหิ่งห้อยที่ต้นลำพูต้นที่อยู่ริมน้ำหน้าห้องเยื้องไปทางซ้าย มีหิ่งห้อยเกาะเป็นร้อยตัว และกระพริบแสงเป็นจังหวะพร้อมกัน สวยงามมาก เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นหิ่งห้อยเกาะบนต้นลำพูมากเต็มต้น และกระพริบพร้อมกันอย่างนี้ เมื่อผมกลับจากการประชุมรอบค่ำ มาดูใหม่ตอนสามทุ่มครึ่ง ไม่มีหิ่งห้อยที่ต้นนั้นแล้ว มีที่ต้นอื่นไม่กี่ตัว
ที่ The Grace Resort มีจักรยานให้ขี่เล่น หลังอาหารเช้าผมจึงขี่ไปชมสวน ทั้งใน รีสอร์ท ซึ่งมีบริเวณใหม่อยู่ตรงกันข้ามถนนซอยด้วย แล้วขี่ไปชมสวนมะพร้าวที่ยกร่องปลูกแบบเดียวกับที่บ้านผมที่ชุมพรสมัยผมเป็นเด็ก ทำให้ระลึกชาติสมัยเป็นเด็กไปเล่นที่สวนมะพร้าว และซ้อมกระโดดข้ามท้องร่อง หรือเล่นกระโดดข้ามแข่งกัน คนที่กระโดดไม่เก่งก็ตกท้องร่องไปตามระเบียบ
จากการนั่งเรือชมแม่น้ำและคลอง ผมสังเกตว่ามี โฮมสเตย์ เกิดขึ้นใหม่มากมาย ทำให้คิดว่าทางจังหวัดได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบที่มีการกระจายรายได้ และเกิดความคิด ว่าการพัฒนาจังหวัด เปรียบเทียบระหว่างจังหวัดสมุทรสาคร ที่เน้นอุตสาหกรรม กับจังหวัดสมุทรสงคราม ที่เน้นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชาวบ้านของจังหวัดไหนได้ประโยชน์กว่ากัน นี่คือโจทย์วิจัยที่ขอเสนอไว้
วิจารณ์ พานิช
๖ ต.ค. ๕๕