Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

บทความของอาจารย์วิจารณ์ พานิช

พิมพ์ PDF

บทความเรื่อง Why Obama Must Goโดย Niall Fergusonในนิวสวีค ฉบับวันที่ ๒๗ ส.ค. ๕๕   ทำให้ผมสงสัยว่านักเขียนผู้นี้เป็นใคร   เมื่อค้นด้วย Google ก็พบว่าเป็นถึง chair professor ที่มหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด และอื่นๆ    และเป็นนักเขียน   ที่สำคัญประกาศตัวเป็นอนุรักษ์นิยม   และเป็นผู้สนับสนุน Mitt Romney ให้เป็นประธานาธิบดี   คือเล่นการเมืองเต็มตัว

 

อ่านประวัติใน Wikipedia แล้วผมก็ประจักษ์ในความเก่งของนักวิชาการท่านนี้   ที่สร้างมิติใหม่ให้แก่วิชาการด้านประวัติศาสตร์   คือเก่งในการตีความเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ด้วยสมมติฐานใหม่   ที่ไม่เคยมีคนคิดมาก่อน

 

ผมชอบบรรยากาศทางวิชาการและการเมืองใน สรอ. ที่เปิดเผยโปร่งใส และเปิดกว้าง   นักวิชาการสามารถประกาศตัวเป็นฝักฝ่ายทางการเมืองได้   แต่เมื่อสวมหมวกวิชาการก็ต้องอยู่กับหลักฐานและความแม่นยำทางวิชาการ

 

โปรดอย่าเข้าใจว่าผมเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการเป็นนักวิชาการที่เล่นการเมืองแบบ Niall Ferguson   ที่ผมชอบคือการเป็นนักวิชาการที่มีความริเริ่มสร้างสรรค์ และแม่นยำด้านข้อมูลหลักฐาน   รวมทั้งเปิดกว้างต่อการตรวจสอบทางวิชาการ และสุดท้าย เอาวิชาการเข้าไปแนบชิดสังคมและเหตุการณ์บ้านเมือง    ซึ่งในกรณีของศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ท่านนี้คือเข้าไปแนบชิดกับการเมืองอเมริกัน

 

 

วิจารณ์ พานิช

๒๖ ส.ค. ๕๕

· เลขที่บันทึก: 504467
· สร้าง: 04 ตุลาคม 2555 10:01 · แก้ไข: 04 ตุลาคม 2555 10:01
· ผู้อ่าน: 106 · ดอกไม้: 12 · ความเห็น: 1 · สร้าง: 3 วัน ที่แล้ว
· สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน
ดอกไม้
ให้ดอกไม้ สมาชิกที่ให้กำลังใจ: Blank EGA, Blank Wasawat Deemarn, และ 10 คนอื่น.
Facebook
Twitter
Google

ความเห็น

เป็นแบบอย่างหนึ่งที่น่าสนใจครับอาจารย์

Ico_66560_279400792177916_1026659708_n
ร่วมแสดงความเห็นในหน้านี้
ชื่อ: ชาญโชติ
อีเมล: อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
ข้อความ:
เรียกเครื่องมือจัดการข้อความ เขียนแบบ Markdown ได้
แนบไฟล์:
ชื่อไฟล์ต้องใช้ตัวอักษร a-z, A-Z, 0-9 สัญลักษณ์ขีดกลาง (-) หรือขีดล่าง (_) และห้ามเว้นวรรค
ส่งอีเมลแจ้งด้วยเมื่อรายการนี้มีความเห็นเพิ่มเติม New!
พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ.๒๕๕๐
 

บทความของอาจารย์วิจารณ์ พานิช

พิมพ์ PDF
ครูต้องจัดให้การเรียนรายวิชามีความแตกต่าง ใน นศ. แต่ละคนได้ เพื่อให้ นศ. แต่ละคนได้เรียนในสภาพที่ท้าทายพอเหมาะ โดยครูหาทางทำความเข้าใจความแตกต่างของ นศ. แต่ละคน แล้วออกแบบการเรียนรู้ให้ยืดหยุ่น เพื่อ นศ. แต่ละคนจะเลือกเรียนตามที่เหมาะแก่ตน

ครูเพื่อศิษย์ส่งเสริมให้ศิษย์สนุกกับการเรียน  : 17. เคล็ดลับท้าทาย นศ. ในระดับที่พอดี

บันทึกชุดนี้ ได้จากการถอดความ ตีความ และสะท้อนความคิด    จากการอ่านหนังสือ Student Engagement Techniques : A Handbook for College Faculty เขียนโดย ศาสตราจารย์ Elizabeth F. Barkley ในตอนที่ ๑๗ นี้ ได้จากบทที่ ๑๐ ชื่อ Tips and Strategies for Ensuring Students Are Appropriately Challenged

 

คล. ๓๘  ประเมินจุดเริ่มต้นของ นศ.

เนื่องจาก นศ. ในแต่ละชั้น จะมีพื้นความรู้เกี่ยวกับวิชานั้น ไม่เท่ากัน   ดังนั้นครู (และ นศ.) ต้องเข้าใจระดับพื้นความรู้ของ นศ. แต่ละคน   จึงต้องดำเนินการทดสอบพื้นความรู้ของ นศ.   ในวิชาฟิสิกส์มีการทดสอบ Force Concept Inventory in Physics ในวิชาเคมีก็มี the California Chemistry Diagnostic Test ที่สามารถนำมาปรับใช้ได้   หากครูสอนวิชาอื่น อาจต้องพัฒนาแบบทดสอบขึ้นใช้เอง    โดยมีหนังสือสำหรับค้นคว้าได้แก่ Tools for Teaching และ The knowledge survey :A tool for all reasons

วิธีประเมินพื้นความรู้ของ นศ. แบบที่เรียกว่า the knowledge survey เป็นวิธีการวัดพื้นความรู้และผลการเรียนรู้ที่แตกต่างจาก Pre-test – Post-test   ในลักษณะที่ PTPT วัดที่รายละเอียดของเนื้อวิชา    แต่ the knowledge survey เน้นถามความมั่นใจที่จะตอบข้อสอบตามวัตถุประสงค์ของรายวิชา

 

คล. ๓๙  ติดตามประสิทธิผลในการเรียนของชั้น

ครูต้องหมั่นถามความเห็นจาก นศ.   ว่าสามารถติดตามการเรียนได้ดีหรือไม่   โดยใช้วิธีการทั้งแบบ ไม่ต้องรู้ว่าเป็นความเห็นของใคร (anonymous)    และแบบถามจากกลุ่ม นศ.

เทคนิค “กระดาษแผ่นจิ๋ว”  (ในหนังสือ Classroom assessment techniques : A handbook for college teachers หน้า ๑๔๘ - ๑๕๓)   โดย ๒ นาทีก่อนจบคาบเรียน   แจกกระดาษแผ่นเล็กๆ   ให้ นศ. แต่ละคนเขียน ๒ ประโยค (ไม่ต้องลงชื่อ)ว่าได้เรียนรู้อะไร   ส่วนไหนยังเข้าใจไม่ชัด   ครูเอาไปอ่านภายหลังเพื่อเป็นข้อมูลปรับปรุงชั้นเรียน

เทคนิค “ดัดแปลงจากกระดาษแผ่นจิ๋ว”  (ในหนังสือ Learner-centered assessment on college campuses : Shifting the focus from teaching to learning หน้า ๑๓๒ - ๑๓๓)   ให้เขียนก่อนจบคาบ ๑๕ - ๒๐ นาที   แล้วครูเอามาตอบหรืออธิบายในชั้นเรียน

ทั้งหมดนี้ ได้ประโยชน์ทางอ้อมด้วย คือให้ นศ. เห็นว่าครูให้ความสำคัญต่อการเรียนของ นศ. มากกว่าการสอนของครู

 

คล. ๔๐  ให้ นศ. เรียนรู้การประเมินตนเอง

ครูต้องช่วยให้ นศ. ประเมินการเรียนและกระบวนการเรียนรู้ของตนเอง   เพื่อให้ นศ. สามารถรับผิดชอบการปรับให้การเรียนของตนอยู่ในสภาพที่ “มีระดับความท้าทายที่เหมาะสม”   โดยอาจทำงานทบทวนความรู้เพิ่ม   ขอความช่วยเหลือ   หรือท้าทายตนเองด้วยบทเรียนที่ก้าวหน้าหรือยากขึ้น

เขาแนะนำเครื่องมือ Diagnostic Learning Logs โดยให้ นศ. ทำบันทึกรายการ ๒ รายการ สำหรับแต่ละคาบของการเรียน    คือรายการประเด็นสำคัญที่ตนเข้าใจ    กับรายการประเด็นที่ตนยังเข้าใจไม่ชัดเจนพร้อมข้อแนะนำวิธีแก้ไข   บันทึกนี้ช่วยทั้งครู และช่วย นศ.

การใช้ Learning Logs เป็นเครื่องมือสำหรับ นศ. ประเมินการเรียนรู้ของตนเองนี้ คงจะมีหลายแบบ   ศ.เอลิซาเบธ แนะนำแบบที่ระบุไว้ในหนังสือ Learner-centered teaching  : Five key changes to practice (Weimer M, 2002) ด้วย

 

คล. ๔๑  จัดองค์ประกอบของรายวิชาให้มีความแตกต่างหลากหลาย เพื่อสนอง นศ. เป็นรายคน

หัวใจคือการเรียนรู้ของ นศ.   ไม่ใช่การสอนของครู   และสไตล์การเรียนรู้ของ นศ. แต่ละคนไม่เหมือนกัน   ดังนั้น ครูต้องจัดให้การเรียนรายวิชามีความแตกต่างใน นศ. แต่ละคนได้   เพื่อให้ นศ. แต่ละคนได้เรียนในสภาพที่ท้าทายพอเหมาะ   โดยครูหาทางทำความเข้าใจความแตกต่างของ นศ. แต่ละคน   แล้วออกแบบการเรียนรู้ให้ยืดหยุ่น เพื่อ นศ. แต่ละคนจะเลือกเรียนตามที่เหมาะแก่ตน   โดยครูพึงเอาใจใส่ความแตกต่างในประเด็นต่อไปนี้

  • ระดับ : หาก นศ. แสดงความเข้าใจสาระนั้นๆ ในระดับหนึ่งแล้ว    ให้ลองจัดให้เรียนสาระที่ซับซ้อนขึ้น หรือให้ลองทำโจทย์ประยุกต์ใช้ความรู้แบบที่ซับซ้อน
  • วิธีเข้าถึงสาระ : เปิดหลากหลายช่องทางที่ นศ. เข้าถึงสาระวิชาได้  ได้แก่การนำเสนอของครู  ตำรา  เอกสาร online  ภาพยนตร์  ไฟล์เสียง  และ CAI (Computer-Assisted Instruction)
  • กระบวนการเรียนรู้ : ใช้กระบวนการที่หลากหลาย เช่น การเขียน  การอภิปราย  การสร้างสรรค์  ในหลากหลายระดับความยาก ความซับซ้อน การใช้เวลา การช่วยเหลือจากเพื่อน หรือจากครู
  • ผลิตผล : ให้มีหลักฐานแสดงผลิตผล หรือผลสัมฤทธิ์ในการเรียนรู้หลากหลายแบบ นอกเหนือจากการให้ตอบข้อสอบตามปกติ   เช่น การเขียนเรียงความ,  เขียน web page,   นำเสนอเป็นเสนอสื่อผสม,  สาธิต,  role play,  การสร้างโมเดล,  นิทรรศการ,  เป็นต้น
  • พื้นที่ห้องเรียน : ให้สามารถจัดห้องเรียนได้หลายแบบ ไม่ใช่มีแต่จัดโต๊ะนักเรียนเรียงเป็นแถวหันหน้าสู่กระดานดำหรือจอหน้าห้อง อย่างสมัยก่อน   ทั้งนี้เพื่อการเรียนเป็นกลุ่มย่อย   การทำงานกลุ่ม   และการค้นคว้า online   พื้นที่ห้องเรียนไม่ควรจัดแบบเดียวเป็นการถาวร    ควรเปลี่ยนแปลงไปตามวิธีการเรียนรู้ในแต่ละคาบ
  • วัสดุ : วัสดุประกอบการเรียนไม่ได้มีเฉพาะหนังสืออีกต่อไป   แต่มีวัสดุ อีเล็กทรอนิกส์ และ online ให้เข้าถึงได้หลากหลาย   ครูควรเลือกใช้วัสดุหลากหลายชนิดในการสอน เช่น คำคม,  แผนผัง,  รูปภาพ,  คลิปภาพยนตร์,  ผลการประเมิน,  podcast เป็นต้น    และควรเปิดโอกาสและส่งเสริม ให้ นศ. สื่อสารการเรียนรู้ของตนออกมาหลายช่องทาง เช่น เขียนรายงาน, เสนอเป็น presentation, นิทรรศการ, วิดีทัศน์, บันทึกเสียง, เว็บเพจ, บันทึกกิจกรรม, ภาพ, ข้อวิเคราะห์และสะท้อนความคิด, วิกิ, บล็อก, เป็นต้น
  • เวลา : หาทางสร้างความยืดหยุ่นในการเรียน ในท่ามกลางข้อจำกัดของภาคการศึกษา    โดยครูตั้งคำถามกับตนเอง เช่น “เมื่อไรควรเรียนในชั้นรวม กลุ่มย่อย หรือคนเดียว”  “มีเวลาที่การเรียน ๓ แบบนี้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันได้ไหม”  “นศ. ควรทำอย่างไร หากบางคนทำงานเสร็จเร็ว”  “ในการเรียนแบบ online กิจกรรมแบบไหนควรทำพร้อมกัน  กิจกรรมแบบไหนควรต่างคนต่างทำ”

 

คล. ๔๒   ใช้ตัวช่วย (scaffolding) เพื่อช่วยให้เรียนสิ่งที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น

หนังสือให้ตัวอย่างขั้นตอนที่ช่วย นศ. ให้เขียนบทความวิจัยได้

  • โมเดล มีตัวอย่างรายงานผลการวิจัยให้ดู    จะยิ่งดีหากเป็นผลงานของ นศ. ปีก่อนๆ    ทำโดยแบ่ง นศ. ออกเป็นกลุ่มย่อย และแจกผลงานรายงานผลการวิจัยของ นศ. ปีก่อนๆ ให้ดู กลุ่มละ ๒ - ๓ รายงาน
  • คิดออกมาดังๆ ในระหว่างทำงานนั้น
  • จงคาดหวังความยากลำบาก ครูอภิปรายกับ นศ. ว่าคาดหวังความยากลำบาก หรือความผิดพลาดตรงไหนบ้าง  และหวังความช่วยเหลืออย่างไร   เช่นการหาข้อมูลจะทำได้ครบถ้วนไหม   จะต้องระวังปัญหาถูกกล่าวหาว่าขโมยผลงาน (plagiarism) อย่างไร
  • สอนซึ่งกันและกัน ขอให้ นศ. อภิปรายผลงานของตนกับเพื่อน   โดยอาจจับกลุ่มย่อย ผลัดกันนำเสนอร่างรายงาน   และให้ข้อติชมเสนอแนะซึ่งกันและกัน

ศ. เอลิซาเบธ บอกว่า วิธีการใช้ตัวช่วยนี้ มีคนไม่เห็นด้วย   ตำหนิว่าเป็นการลดโอกาสที่ นศ. จะใช้ความพยายามเอาชนะความท้าทายเอง    ผมคิดว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับบริบทของ นศ.   หากงานนั้นยากมาก จน นศ. มีโอกาสถอดใจสูงมาก   การใช้ตัวช่วยก็น่าจะเหมาะสม

วิจารณ์ พานิช

๓ ต.ค. ๕๕

 

· เลขที่บันทึก: 504452
· สร้าง: 04 ตุลาคม 2555 06:15 · แก้ไข: 04 ตุลาคม 2555 06:15
· ผู้อ่าน: 49 · ดอกไม้: 5 · ความเห็น: 1 · สร้าง: 4 วัน ที่แล้ว
· สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน
 

บทความของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

พิมพ์ PDF

ทุนมนุษย์กับการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน (AEC)

โดย ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์

Workshop

  1. ฟังแล้วคิดว่ามีประโยชน์ต่อนักเรียนหรือครู 3 เรื่องคืออะไร
  2. ถ้าโรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้าอยากมี โครงการหนึ่งที่เตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนจะทำอะไร

ยกตัวอย่าง

ดร.จีระ ได้ดีเพราะครอบครัว และโรงเรียนเทพศิรินทร์

ทุน

  1. เงิน    - เงินที่มีอยู่ได้มาจากอะไร ได้มาจากคน

-          ทุนอย่างหนึ่งคือเรื่องเงิน คนที่ทำเรื่องเงินต้องเกิดมาเป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม

  1. ทุนทางทรัพยากรธรรมชาติ – ขึ้นอยู่กับคุณภาพของชาวนา  ถ้าคุณภาพของชาวนาดี เกษตรจะดี
  2. ทุนทางวัตถุ โรงงาน เทคโนโลยี  - ต้องมีการเรียนรู้ก่อนที่จะทำสิ่งต่าง ๆ
  3. ทุนทางทรัพยากรมนุษย์

สรุป ทุนที่สำคัญที่สุดคือทรัพยากรมนุษย์ ดังนั้น หนังสือ 8K’s จึงสอนให้เรามีคุณสมบัติที่ดี

ทุนมนุษย์แปลว่า เราต้องเสียก่อนถึงได้มา ต้องลงทุน ครอบครัวต้องลงทุนให้เรา ตั้งแต่กินนม ตอนเรียนหนังสือก็ต้องเสียสละ

ถ้าลงทุนไปแล้ว 10 บาท คืนสังคม 20 บาท แสดงว่าการลงทุนโอเค สรุปคือไม่ได้อยู่ที่ปริมาณการลงทุน แต่อยู่ที่วิธีการลงทุน

 

อาเซียน คือการมีความสัมพันธ์กับ 10 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ บรูไน ลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า

สิ่งสำคัญคือ

1.ต้องเข้าใจประเทศเหล่านี้มากขึ้น เพื่อมีความสัมพันธ์กับเขา 3 เรื่อง คือ

- เรื่อง เศรษฐกิจ

- ความมั่นคงทางสังคมและวัฒนธรรม และ

- ความมั่นคงทางการเมือง

2. ถ้าคนในบ้านในประเทศไทย เป็นคนดี คนเก่งเราจะอยู่ได้  ศักยภาพของคนในบ้าน ต้องมี 8K’s ,5K’s เราจะอยู่รอด แต่ถ้าเราเปิดอาเซียนเสรี แล้วสื่อสารไม่ได้ เราก็จะแพ้ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือเรื่องการสื่อสารภาษาต่างประเทศ

3. การที่เราอยู่อาเซียนมีการเซ็นสัญญากับประเทศอีก 6 ประเทศเพิ่มเติมคือ จีน ญี่ปุน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์  สรุปคือ ถ้าเป็นนักเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้าต้องรีบศึกษาเรื่องทฤษฎี ทุนมนุษย์ 8K’s  เกิดมาอย่าเสียชาติเกิดต้องทำประโยชน์ให้กับสังคมไทย

การปรับตัวในวันนี้

  1. สิ่งแรกคือ เข้าใจ ศึกษาให้ถ่องแท้ ขยายตลาดจาก 60 ล้าน เป็น 600 ล้านคน
  2. ต้องรู้จักตัวเองว่าเก่งอะไร  คนไทยต้องรู้จักคนไทยด้วยกันเอง
  3. การมี 8K’s 5K’s ได้ ต้องเป็นคนใฝ่รู้   เราต้องรู้เขา รู้เรา เช่น ว่าเพราะอะไรประเทศฟิลิปปินส์เป็นหมู่เกาะ  ดังนั้นเวลาเราเห็นเขา เราต้องเรียนรู้กับเขา และเขาต้องเรียนรู้จากเรา ดังนั้นควรเรียนรู้ภาษาเพื่อสื่อสารได้
  4. ต้องศึกษาทฤษฎี ทุน 8K’s  5K’s

อย่างแรกคือ ทุนมนุษย์เรียกว่าทุนตัวแม่ เช่นคนเราเกิดมาเหมือนกัน  เรียนเท่ากัน แต่บางครั้งความเก่งอาจไม่เท่ากัน จึงเป็นที่มาของทุนที่ 2 ถึง ทุนที่ 8 คือ

Human Capital               ทุนมนุษย์

Intellectual Capital        ทุนทางปัญญา

Ethical Capital               ทุนทางจริยธรรม

Happiness Capital        ทุนแห่งความสุข

(ทำเพราะอยากทำ ไม่ใช่เพราะต้องทำ ต้องค้นหาตัวเองว่าชอบหรือเปล่า)

Social Capital                ทุนทางสังคม

(การเป็นคนมีคุณภาพต้องมีเครือข่าย ไม่ใช่การทำตัวเป็นกะลาครอบ)

Sustainability Capital       ทุนแห่งความยั่งยืน

(การใช้ชีวิตที่ยั่งยืน คือวิธีการ ทุนมนุษย์คือตัวเรา จะฝังอยู่ในตัวเรา คนเราต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ต้องพร้อมว่าสถานการณ์ในโลกเปลี่ยนทุกวัน อย่าล้าสมัย ต้องจัดการกับการเปลี่ยนแปลง เราต้องคิดระยะสั้นเพื่ออยู่รอดในระยะยาว)

Digital Capital                ทุนทาง IT

Talented Capital           ทุนทางความรู้ ทักษะ  และทัศนคติ

(ทักษะ ความรู้ ทัศนคติ เป็นตัวบ่งบอกว่าเราจะเก่งจริงได้หรือไม่ ตัวอย่าง ไทเกอร์วู้ดส์ มีทักษะดี ความรู้ ใจนิ่ง แต่ความสำเร็จของคนเก่งไม่เท่ากัน ทัศนคติที่ดีคือ Attitude หรือ Mindset คือสิ่งที่เราต่อสู้ในโลกนี้)

ทฤษฎีทุน 5K’s (เมื่อมีพื้นฐานดีแล้วค่อยต่อยอด)

Creativity Capital          ทุนแห่งการสร้างสรรค์

(ต้องมีสินค้า บริการใหม่ ๆ แข่งกับเขา)

Knowledge Capital    ทุนทางความรู้

Innovation Capital      ทุนทางนวัตกรรม

Emotional Capital        ทุนทางอารมณ์

(คนประสบความสำเร็จต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ตนเอง)

Cultural  Capital            ทุนทางวัฒนธรรม

(ศึกษารากเหง้า ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของเราว่าเป็นอย่างไร)

มูลค่ามี 3 เรื่องคือ

1.Value Added

2.Value Creation

3.Value Diversity

คำถาม มีอยู่ว่า เราจะสร้าง 8K’s และ 5K’s ได้อย่างไร อย่างวันนี้เราสร้างไม่ได้ดีเพราะการศึกษาอ่อนแอ

สรุปคือ 8K’s 5K’s คือคุณสมบัติที่พึงปรารถนา แต่เราจะพัฒนาได้อย่างไร

การดูแลทุนมนุษย์มี 3 เรื่องใหญ่ ๆ คือ

  1. ปลูกขึ้นมา จะปลูกทุนมนุษย์อย่างไรให้มีคุณภาพ
  2. เก็บเกี่ยว
  3. สร้างมูลค่าเพิ่ม 3 V

สิ่งสำคัญที่สุดในการเรียนและศึกษาของมนุษย์คือ Learning how to learn เรียนอะไร วิเคราะห์อะไร เอาไปใช้ได้จริงหรือไม่   เรียนแล้วจะทำอะไร

1. อาจารย์ที่ดีต้องกระตุ้นให้เด็กคิด

2. ต้องกระตุ้นให้เรียนมีความสุข มีบรรยากาศที่ดี

3. การเรียนไม่ควรท่องจำมากเกินไป ควรมีการปะทะกันทางปัญญามากขึ้น โลกในอนาคตจะไม่มี 1+1 =2 อีกต่อไป แต่ต้องเป็น 1+1 = 100 เป็นต้น และคำถามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือคำถามเปิด เช่นประเทศไทยอีก 20 ปีจะเป็นอย่างไร  Education คือคิดเป็นวิเคราะห์เป็น

4.ต้องเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ใฝ่รู้ และข้ามศาสตร์

สรุป คือ

อาเซียนเสรีทำให้เราเข้มแข็งขึ้น

อาเซียนเสรีทำให้เราเข้มแข็งขึ้น

มีทุนอยู่ 4 ชนิด คือ เงิน ทรัพยากรธรรมชาติ เทคโนโลยี ทรัพยากรมนุษย์ ถ้ามีทรัพยากรมนุษย์ที่ดี จะสามารถจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ได้

 

Workshop

  1. ฟังแล้วคิดว่ามีประโยชน์ต่อนักเรียนหรือครู 3 เรื่องคืออะไร
  2. ถ้าโรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้าอยากมี โครงการหนึ่งที่เตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนจะทำอะไร

 

กลุ่มที่ 1

1. ฟังแล้วคิดว่ามีประโยชน์ต่อนักเรียนหรือครู 3 เรื่องคืออะไร

ข้อ 1 เรื่องการศึกษามีความสำคัญมากเนื่องจากไทย ความรู้เรื่องอาเซียนมีน้อย ภาษาไม่ดี เน้นการทำให้การศึกษาไทยเข้มแข็งขึ้น

ข้อ 2 การมีหัวคิด ไม่เลียนแบบ  จากทุนความคิดสร้างสรรค์

ข้อ 3 ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประสานแนวทางเป็นกระบอกเสียงให้คนไปปรับใช้  ในทุนความยั่งยืน

2. ถ้าโรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้าอยากมี โครงการหนึ่งที่เตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนจะทำอะไร

คิดโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศไทยกับประเทศในอาเซียน เช่น ลาว พม่า กัมพูชา  ให้มาเรียนรู้และอยู่ร่วมกัน

ดร.จีระ เสนอว่า ถ้าในอนาคตอยากมี Youth Camp เกี่ยวกับอาเซียน มีที่จะทำร่วมกับปปช.ในการแก้ปัญหาคอรัปชั่น  ขอชื่นชมโครงการที่เสนอนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการมอง 2 R อย่างแลกคือเป็นความจริง และตรงประเด็น

อย่างสโมสรไลออน มีโครงการแลกเปลี่ยนอยู่แล้วเพื่อการเรียนรู้วัฒนธรรมภาษา อย่างอาจารย์จีระ มีค่ายต่อต้านคอรัปชั่นที่ร่วมกับ ปปช. ถ้าร่วมกันตรงนี้จะเป็นประโยชน์มากโดยเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้านก่อน

 

กลุ่ม 2

1. ฟังแล้วคิดว่ามีประโยชน์ต่อนักเรียนหรือครู 3 เรื่องคืออะไร

1.ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง ในเรื่องหลักการดำเนินชีวิต มีสติแก้ปัญหาต่าง ๆ และ ไอที และควบคุมอารมณ์ให้ได้

2.ความรู้และคุณธรรม  ความรู้ต้องสร้างสรรค์ คนทุกคนมีความคิดสร้างสรรค์ต่าง ๆ เสมอ แต่ถูกปิดกั้นด้วยสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ   ต่อมาคือความรู้ไม่อยากให้ลืมรากเหง้าของประเทศไทยเรา ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของเรา

3. ความสุข ขอให้อยู่บนรากฐานไม่เบียดเบียนคนอื่น ทำในสิ่งที่พึงพอใจ ไม่ให้สังคมเดือดร้อน

ดร.จีระ เสนอว่า

-          ต้องคิดดี มีจิตสาธารณะ มีนวัตกรรม (คิดแล้วนำไปทำ) และมีการทำ Network

-          ข้อสอบที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต คือข้อสอบไม่มีผิดหรือถูก ต้องรับฟังความคิดอย่าปิดกั้น

-          เสนอให้ทุกคาบสอน 40 นาที อีก 10 นาทีให้เด็กแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แล้วถามว่าเอาไปใช้อะไรบ้าง

2. ถ้าโรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้าอยากมี โครงการหนึ่งที่เตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนจะทำอะไร

โครงการภาษาต่างแดน เนื่องจากโรงเรียนในปัจจุบันไม่ได้ภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่เน้นต่อการบ้าน ทำให้นักเรียนภาษาไม่ค่อย เมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเน้นภาษาอังกฤษเป็นหลักแต่ก็อยากให้มีภาษาอาเซียนเพิ่มมาด้วย

1.การแลกเปลี่ยน

2.การหาความรู้ทางอินเตอร์เน็ต ติดต่อสื่อสารกับประเทศอื่น ๆ ดู ทำให้ได้ภาษาไปด้วย

ดร.จีระ เสนอให้เอาความรู้ที่มีอยู่ไป Apply และประยุกต์กับโลกปัจจุบัน  คนในห้องสามารถเก่งเท่ากันได้ ถ้ากระตุ้นให้เด็กคิด ต้องเปิดโอกาสให้คนมีศักยภาพ มีเสรีภาพในการคิด  ตัวอย่างสุภาษิตจีน “ปลูกแตงกว่า 3 เดือน ปลูกมะม่วง 3 ปี ปลูกมนุษย์ ชั่วชีวิต”

คุณศักดิ์ชัย บอกว่า หาจากอินเตอร์เน็ตดีมาก เพราะมีข้อมูลอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการผู้รู้จริง ๆ จะประสานให้ ในอาเซียนภาษากลางคืออังกฤษ อยากให้ศึกษาแบบเรียนรู้เข้าใจซึ่งกันและกัน

สิ่งที่ต้องการคือให้อาจารย์พูดภาษาอังกฤษและมี สำเนียงที่ถูกต้อง ให้ชาวต่างชาติฟังออกด้วย

 

กลุ่ม 3 (อาจารย์)

1. ฟังแล้วคิดว่ามีประโยชน์ต่อนักเรียนหรือครู 3 เรื่องคืออะไร

1.การสร้างคนสำคัญยิ่ง ดังนั้นจึงไปปรับการเรียนรู้และวิธีการเรียนในห้องเรียน

2.การปลูกฝังรากเหง้าความเป็นไทย ว่าคืออะไร

3.การพัฒนาครูและนักเรียนไม่ปิดกั้นการเรียนรู้ของตนเอง

ดร.จีระ ฝากท่านผอ.ว่าอาจมี Experiment และมีการสอนเชิงนวัตกรรมให้เด็กมีส่วนร่วมมากขึ้น เน้นความรอบรู้ มี Dialogue และ Commentator อย่าคิดว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ทันที แต่มีความหวังที่เกิดได้

ยินดีที่อาจารย์เห็นคุณค่า 8K’s 5K’s ซึ่งไม่สามารถสอนได้ด้วยวิธีการแบบเดิม ต้องมีการปรับให้ทันสมัยตามยุค

การสร้าง Habit ของ Life Long Learning คือการเรียนยุคใหม่ ในอนาคต เด็กอาจฉลาดกว่าครูก็ได้ ครูต้องฝึกการเรียนรู้ตลอดเวลา แล้วเอาความรู้ไปปะทะกับความจริง และไปถ่ายทอดให้เด็กนำไปใช้ เพราะทุกวันนี้ ไทยอ่อนแอทางการศึกษามาก เทพศิรินทร์ร่มเกล้าอาจเป็นตัวอย่างพิเศษที่ทำสิ่งนี้ก็ได้

2. ถ้าโรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้าอยากมี โครงการหนึ่งที่เตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนจะทำอะไร

การพัฒนาการสื่อสารของครู เช่นที่คุณศักดิ์ชัยพูดเรื่องการสอนเป็นภาษาอังกฤษให้นักเรียน

และอีกโครงการคือการเรียนการสอนเรื่องวัฒนธรรมอาเซียน

 

บทความของอาจารย์วิจารณ์ พานิช

พิมพ์ PDF

คณะกรรมการ CSR ของธนาคารไทยพาณิชย์ขอเชิญให้ ดร. กฤษณพงศ์ กีรติกร ปราชญ์คนหนึ่งของไทยด้านการศึกษา บรรยายสรุปภาพใหญ่ของประเทศด้านการศึกษาหรือการพัฒนาคน    ท่านพูดแล้วทำให้กรรมการตาสว่างและตาลุก    ว่าภาพคุณภาพคนของประเทศไทย น่าห่วงกว่าที่คิด   ซึ่งผมตีความว่าตัวเหตุสำคัญคือการศึกษาไม่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง    ไม่เชื่อมโยงกับชีวิตการทำงาน    เนื่องจากการจัดการระบบการศึกษาไทยยังเป็น supply-side driven ด้านเดียว    demand-side ไม่มีอำนาจตัดสินใจ

 

ขอเอา powerpoint ที่ ดร. กฤษณพงศ์ แก้ไขหลังจากฟังคำอภิปรายในที่ประชุม เอามา ลปรร. ที่นี่

 

ในระบบการศึกษา มาตรการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการทำให้รอยต่อระหว่างส่วนต่างๆ ของระบบการศึกษาเชื่อมต่อกันเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อมองจากมุมของผู้เรียน   ไม่ใช่แยกกันเด็ดขาดอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน   คือชั้น ๑๑ - ๑๒ (ม. ๕ - ๖) กับชั้น ๑๓ - ๑๔ (อุดมศึกษาปีที่ ๑ - ๒) เรียนร่วมกันได้    ให้ผู้จัดการศึกษาในช่วง ๔ ปีนี้ทำงานร่วมกัน เรียนรู้และพัฒนาการเรียนรู้ร่วมกัน

 

นอกจากนั้น อุดมศึกษาต้องเอาใจใส่การเรียนรู้ของคนทุกกลุ่มอายุ    คือทำหน้าที่ในการสร้างคุณภาพของคนไทยทุกกลุ่มอายุ   โดยที่จริงแล้วไม่ใช่อุดมศึกษาทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้เป็นหลัก   แต่ทำหน้าที่แบบใหม่ เน้นที่การทำงานร่วมกัน เพื่อเป้าหมายเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้คน   แล้วมีกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หรือจัดการความรู้    ยกระดับความรู้ผ่านการปฏิบัติขึ้นไปอย่างต่อเนื่องไม่มีจุดจบ    นักวิชาการก็ยกระดับความรู้เชิงทฤษฎี เชื่อมกับการใช้ประยุกต์ใช้ทฤษฎีเพื่อชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

 

การสร้างคนไทย ต้องสร้างผ่านชีวิตจริงของคนไทย    เอาความรู้จากภายนอกมาทำให้เป็นความรู้ของเราเอง    และต่อยอดยกระดับผ่านกิจการงานและชีวิตของคนไทย    ในเชิงระบบ ต้องให้มีสมดุลและ synergy ระหว่าง supply-side กับ demand-side

 

ที่จริงระบบในสังคมทุกระบบ เป็นการสร้างคนไทยทั้งสิ้น    จึงเกิดคำถามว่า เวลานี้ระบบต่างๆ ในสังคม   สิ่งต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในสังคม กำลังพัดพาคนไทยสู่ทางวัฒนาหรือทางหายนะ

 

การเผยแพร่แนวความคิดดีๆ เช่นนี้ ถือเป็น CSR อย่างหนึ่ง    เมื่อนำเรื่องนี้ไปแจ้งในที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์    ท่านนายกกรรมการ อานันท์ ปันยารชุน ได้เพิ่มเติมปัจจัยสำคัญ ๒ ประการ คือ คอรัปชั่น กับความเข้มแข็งของระบบราชการ    เป็นการฝากให้กรรมการธนาคารท่านใหม่ ที่เป็นผู้แทนกระทรวงการคลัง คือ รศ. ดร. ทศพร ศิริสัมพันธ์ ที่เป็นเลขาธิการ กพร. อยู่ด้วย ให้ไปหาทางดำเนินการเพื่อบ้านเมือง

 

ดร. ทศพร บอกว่า เรื่องการศึกษานั้น สังคมไทยอยู่ในสภาพ ๒ : ๙๘   คือคนฐานะดี ๒% บนของสังคม ช่วยลูกหลานของตนได้ โดยส่งเข้าโรงเรียนที่คุณภาพดี   แล้วส่งไปเรียนต่างประเทศ    แต่อีก ๙๘% ต้องส่งลูกหลานเข้าเรียนโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งคุณภาพด้อยลงเรื่อยๆ    ที่ประชุมเห็นว่า การแก้ไขต้องทำจากภายนอกกระทรวงศึกษาธิการ  เป็นสภาพที่ผู้คนหมดหวังต่อกลไกภาครัฐ

 

จะเห็นว่าคนไทยเรามีความท้าทายใหญ่ในเรื่องการสร้างและพัฒนาคน   ที่เราต้องช่วยกัน

 

 

 

วิจารณ์ พานิช

๒๘ ส.ค. ๕๕

· เลขที่บันทึก: 504587
· สร้าง: 05 ตุลาคม 2555 10:56 · แก้ไข: 05 ตุลาคม 2555 10:56
· ผู้อ่าน: 62 · ดอกไม้: 7 · ความเห็น: 1 · สร้าง: ประมาณ 22 ชั่วโมง ที่แล้ว
· สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน
ดอกไม้
เลิกชอบ สมาชิกที่ให้กำลังใจ: Blank ชาญโชติ , Blank ...Dr. Ple , และ 5 คนอื่น.
Facebook
Twitter
Google

ความเห็น

บทความนี้สำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ไทยเป็นอย่างมากครับ ผมขออนุญาตินำไปเผยแพร่ในเคื่อข่ายของผมด้วยครับ

ร่วมแสดงความเห็นในหน้านี้
ชื่อ: ชาญโชติ
อีเมล: อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
ข้อความ:
เรียกเครื่องมือจัดการข้อความ เขียนแบบ Markdown ได้
แนบไฟล์:
ชื่อไฟล์ต้องใช้ตัวอักษร a-z, A-Z, 0-9 สัญลักษณ์ขีดกลาง (-) หรือขีดล่าง (_) และห้ามเว้นวรรค
ส่งอีเมลแจ้งด้วยเมื่อรายการนี้มีความเห็นเพิ่มเติม New!

เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดการความรู้  เน้นที่การปฏิบัติ


จำนวนผู้เยี่ยมชม Site Meter

Locations of visitors to this page
 

บทความของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

พิมพ์ PDF

การประชุมสัมมนาเรื่อง "การสร้างความเข้าใจการพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวเพื่อรองรับการเปิดเสรีการค้าบริการภายใต้กรอบอาเซียน (ASEAN) ศูนย์เครือข่ายการประเมินมาตรฐานบุคลากรการท่องเที่ยว (Tourism Professional Certification Network) ภาคตะวันตก ประจำปี 2555

กล่าวเปิดงานโดยดร.สมชาย ปัญญเจริญ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี

-               เน้นเรื่องของการพัฒนาบุคลากรอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อรองรับ การเปิดเสรีการค้าบริการภายใต้กรอบอาเซียน (ASEAN)  เรียนรู้เรื่องภาษาอังกฤษ และภาษาอาเซียน เน้นเรื่องกฎระเบียบต่างๆ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว

-               ภาครัฐดูแลเรื่อง Infrastructure ต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดทั้งแง่บวก และแง่ลบ

-               การประชุมครั้งนี้ หวังว่าจะสามารถเตรียมความพร้อมของบุคลากรด้านการท่องเที่ยว ในสถานบันการศึกษาด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยวเพื่อรองรับการเปิดเสรีการค้าบริการภายใต้กรอบอาเซียน (ASEAN)  ในภาคตะวันตกได้

การบรรยายเรื่อง ทุนทรัพยากรมนุษย์ (Human Capital)”

โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

-               การสร้างมูลค่าเพิ่มในการท่องเที่ยว เพิ่มโครงสร้างขั้นพื้นฐาน สร้างถนนหนทาง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับคนเป็นสิ่งสำคัญ นักธุรกิจต้องบริหารและพัฒนาคนในองค์กร

-               การท่องเที่ยวจะขับเคลื่อนทุนทางวัฒนธรรม

-               การท่องเที่ยว ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม   และความมั่นคง คนที่มาท่องเที่ยว ต้องการที่จะมาดูวิถีชีวิต วัฒนธรรมความเป็นไทย

-               คนที่เข้ามาประเทศไทย เพราะต้องการความสุข ต้องการความรู้ ต้องการเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมไทย

หลังจากจบการบรรยายให้ผู้เข้ารับการอบรมเขียน

1.         2 เรื่องที่คาดไม่ถึงเกี่ยวกับการพัฒนาทุนมนุษย์ในการท่องเที่ยว

2.         โครงการเพื่อรองรับอาเซียนเสรี

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ต้องมีสิ่งจำเป็นดังต่อไปนี้

1.Macro ไปสู่ Micro คิดเป็นวิเคราะห์เป็น ศึกษาสภาพแวดล้อมให้ดี มีคุณธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย

2. ต้องปลูก ต้องสร้าง  มหาวิทยาลัยสร้างให้คนมีโลกทัศน์กว้าง

3. เก็บเกี่ยว  ต้องบริหารคนอย่างไรให้มีความเป็นเลิศ ซึ่งเป็นข้อสำคัญของการพัฒนาทุนมนุษย์

4. ทำอย่างไรถึงจะเอาชนะอุปสรรคต่อการบริการจัดการ

สิ่งแรกที่ผู้บริหาร และนักธุรกิจต้องให้ความสำคัญ คือ คน  และมีการบริหารอย่าง ต่อเนื่อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง

Michael Hammer: โลกมีการเปลี่ยนแปลงเร็ว และไม่แน่นอน

Michael Porter : ปัญหาของเมืองไทยด้านการท่องเที่ยว คือเน้นทรัพยากรมากเกินไป เพราะควรเน้นเรื่องประสิทธิภาพในการทำงานมากกว่า

  • นักธุรกิจควรต้องดูแลเรื่องความยั่งยืนด้วย จึงจะทำให้การท่องเที่ยวอยู่รอด
  • จำนวนนักท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องมาก แต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพของนักท่องเที่ยว

ท่านพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา : คนเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดในองค์กร

-            ทุกวันนี้คนที่จบการศึกษาต้องมีความใฝ่รู้

-            ต้องรู้จักปลูกคน และบริหารคนให้เป็น

-            การจัดการคนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องยากที่สุด

-            การท่องเที่ยวต้องดูเรื่องสภาพแวดล้อมให้ดี  บุคคลกรต้องมีความไวแก้ปัญหาตลอดเวลา

วัตถุประสงค์วันนี้

-               สร้างความเข้าใจเรื่องทุนมนุษย์ หรือ Human Capital

-               จุดประกายให้ทุกคนมีปรัชญาและความเชื่อ เรื่องทุนมนุษย์

-               ค้นหาตัวเองเพื่อหาช่องว่างในการพัฒนา

-               ปลุกพลังให้เกิดการทำต่อเนื่อง เพื่อให้เกิด Values

-               สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้

ทฤษฎี 3 V : สำคัญมากหากปลูก เก็บเกี่ยว เข้าใจสภาพแวดล้อม และเอาชนะอุปสรรคเป็น

  • Value Added เพิ่มมูลค่าให้กับตนเอง
  • Value Creation การคิด และสร้างโปรเจคใหม่ๆ (Blue Ocean) ได้มาจากการแรงบันดาลใจ การอ่านหนังสือ
  • Value Diversity การเข้าสู่ ASEAN จะเกิดเป็นหลากหลาย เอาความหลากหลายมาเป็นพลัง

-               สิ่งสำคัญในอาเซียนเสรี คือ การรู้เขารู้เรา

-               ฟิลิปปินส์ มีหมู่เกาะเยอะ ทำไมถึงอยู่เป็นประเทศได้ไม่ไม่แตกแยก

ปัจจุบันเรากำลังก้าวสู่ยุคที่ 4 หรือ Fourth Wave ซึ่งในอนาคตเราจะต้องเน้น

Ethics+  การเป็นคนดี ไม่โกง มีคุณธรรม จริยธรรม

Sustainability+  ต้องเป็นคนมองไกล อยู่รอดในระยะยาว

Wisdom+  มีปัญญา 1+1=3

Creativity+ มีความคิดสร้างสรรค์

Innovation+ ต้องมีนวัตกรรม นวัตกรรมการท่องเที่ยว เช่น Product การดูแลสิ่งแวดล้อม

intellectual capital

เรื่องทุนมนุษย์ต้องให้ความสำคัญกับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมภายนอกและภายใน สิ่งทีน่ากลัว คือ

-               โลกาภิวัตน์ + ASEAN

-               ภัยธรรมชาติและสภาพอากาศ

-               โรคภัยไข้เจ็บ

-               พลังงานหมดโลก

-               Technology

-               การเมืองและระบบพลังงาน

-               ค่านิยมผิด ๆ

-               สื่อ (ทั้ง Old Media และ New Media)

-               ฯลฯ

การท่องเที่ยวต้องเน้นความซื่อสัตย์ ค่านิยม ที่ไม่ใช่วัตถุ แต่ต้องเน้นความยั่งยืน

 

8 K’s : ทฤษฎีทุน 8 ประเภทพื้นฐานของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

Human Capital ทุนมนุษย์

Intellectual Capital ทุนทางปัญญา

Ethical Capital ทุนทางจริยธรรม

Happiness Capital ทุนแห่งความสุข

Social Capital ทุนทางสังคม

Sustainability Capital ทุนแห่งความยั่งยืน

Digital Capital ทุนทาง IT

Talented Capital ทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ

 

 

5 K’s (ใหม่) : ทฤษฎีทุนใหม่ 5 ประการเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในยุคโลกาภิวัตน์

Creativity Capital ทุนแห่งการสร้างสรรค์ ต้องอ่านหนังสือมากๆ

Knowledge Capital ทุนทางความรู้

Innovation Capital ทุนทางนวัตกรรม

Emotional Capital ทุนทางอารมณ์

Cultural  Capital ทุนทางวัฒนธรรม

การสร้างแรงจูงใจ ต้องสร้างด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น  คือ

ทฤษฎี HRDS

Happiness

Respect

Dignity

Sustainability

วิจัยโครงการวิจัยการพัฒนาขีดความสามารถในการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)

ข้อสรุปที่น่าสนใจจากการวิจัยฯ นี้ อาทิ

ü  การวิจัยต่อเนื่องเกี่ยวกับการมองภาพอนาคต ปี 2020 ด้านการท่องเที่ยวและการกีฬาของประเทศไทย

ü  การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทั้งในรูปแบบของ Learning / Training และ Coaching สำหรับกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่มที่สำคัญ คือ กลุ่มผู้นำท้องถิ่น นักธุรกิจ SMEs และข้าราชการ โดยจัดเป็นรูปแบบ Cluster กลุ่มจังหวัด

ü  กิจกรรม / โครงการต่าง ๆ โดยมุ่งไปสู่การสร้างให้เกิด 3 V (Value added, Value Creation & Value Diversity)

เป็นต้น


 

แก้ไขล่าสุด ใน วันศุกร์ที่ 28 กันยายน 2012 เวลา 14:44 น.
 


หน้า 525 จาก 558
Home

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5613
Content : 3053
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8642164

facebook

Twitter


บทความเก่า