Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

หลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษา ปวช

พิมพ์ PDF

 

เมื่อ 2 วันก่อน ได้รับโทรศัพท์จากท่านรองผู้อำนวยการวิทยาลัยพาณิชยการ ท่านหนึ่ง โทรมาปรึกษาว่า ท่านกำลังมีปัญหาเรื่องหาอาจารย์สอน English Program สำหรับนักศึกษา ปวช หลักสูตร 3 ปี แบ่งเป็น 2 แผนก

1. แผนกโรงแรม ประกอบด้วยวิชา

  • English for Hotel Operation 40 ชั่วโมง
  • Hotel Kitchen and Kitchen Equipment 30 ชั่วโมง
  • Food and Beverage Services 40 ชั่วโมง
  • Beverage and Mixing 30 ชั่วโมง
  • Bakery 40 ชั่วโมง
  • Art and Service 20 ชั่วโมง
  • Hotel Front Office 30 ชั่วโมง

2. แผนกการท่องเที่ยว ประกอบด้วยวิชา

  • Tourism Industry 30 ชั่วโมง
  • North-Eastern Tourism Resources 30 ชั่วโมง
  • Tour Guide 40 ชั่วโมง
  • Tour Operation 40 ชั่วโมง
  • Tourist Behavior 20 ชั่วโมง
  • Marketing for Tourism 20 ชั่วโมง
  • Southern Tourism Resource 30 ชั่วโมง

สอนเป็นภาษาอังกฤษทุกวิชา อาจารย์ที่มีอยู่ ถูกมหาวิทยาลัยดึงตัวไป จึงขอร้องให้ผมช่วยแนะนำหาอาจารย์ให้ด่วน

ผมฟังแล้วเป็นห่วงมากๆ เพราะต้องใช้อาจารย์ที่มีความรู้ในเรื่องของโรงแรม และการท่องเที่ยว แถมยังต้องสอนเป็นภาษาอังกฤษ แค่อย่างใดอย่างหนึ่งก็หาอาจารย์ที่มีคุณสมบัติที่จะสอนเด็กให้ได้รับความรู้จริงและนำไปใช้ในการทำงานได้ก็ยากแล้ว (สร้างปัญหาให้กับผู้ใหญ่และเด็ก)

นี่คือระบบการศึกษาของบ้านเรา ผู้หลักผู้ใหญ่ที่กำหนดนโยบาย ทำตามกระแส วันนี้ทุกหน่วยงานบ้าจี้เรื่องเปิดเสรีและเตรียมการพัฒนาทรัพยากรเพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียน ต่างคิดว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสำคัญที่สุด จึงผลักดันให้เด็กไทยเน้นภาษาอังกฤษจะได้ทำให้แข่งขันได้ โดยไม่ได้มองปัจจัยอื่นๆประกอบ

ผมไม่ได้คัดค้านในการเริ่มมีโปรแกรมภาษาอังกฤษในวิชาชีพ แต่ต้องมีขั้นตอนและการเตรียมความพร้อมด้านครูอาจารย์และสถานศึกษา ตลอดจนการเตรียมตัวของเด็กก่อนที่จะกระโดดเข้ามาเรียน นอกเหนือจากนั้นยังมีเรื่องของค่าตอบแทนทั้งอาจารย์ผู้สอน และของเด็กเมื่อจบออกไป

กลุ้มจริงๆครับ กับการทำงานแบบผักชีโรยหน้าของระบบการศึกษาของไทย ขอให้ได้ทำ ผลจะเป็นอย่างไร ไม่ได้คำนึง ผู้กำหนดนโยบาย กำหนดตามที่คิดอยากให้เป็น ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ต้องนำไปปฏิบัติ โดยไม่มีอาวุธ หรือให้การสนับสนุนใดๆทั้งสิ้น สร้างความกดดันและปัญหาให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา

แนวทางการพัฒนาคนแบบนี้ ไม่ใช่การสร้างคนให้มีคุณภาพ แต่เป็นการทำแบบไร้ทิศทาง เสียงบประมาณและเวลา ทำให้ขาดคุณภาพ ไม่มีมาตราฐาน

อย่างไรก็ตามผมได้แจ้งไปทางเพื่อนๆที่อยู่ในเครือข่ายของผม ก็ได้รับการตอบรับกลับมา 3 ท่าน ทั้งสามท่านคุณภาพคับแก้ว เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าท่านเหล่านั้นจะมีเวลาให้ได้เท่าไหร่ จะสามารถสอนได้ครบทุกวิชา และต่อเนื่องตลอดหลักสูตรได้หรือไม่

นี่แค่วิทยาลัยเดียว และถ้าวิทยาลัยพาณิชย์ทั้งหลายหันมาเปิดหลักสูตรภาษาอังกฤษให้กับนักศึกษา ปวช กันหลายๆโรงเรียน จะหาอาจารย์สอนได้จากที่ไหน เพราะแค่ภาษาไทยยังไม่สามารถหาอาจารย์ที่รู้จริงมาสอนได้เลย

 

 

แก้ไขล่าสุด ใน วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม 2012 เวลา 22:55 น.
 

สัมมนาระดมความคิดฟรี

พิมพ์ PDF

ร่างกำหนดการสัมมนาระดมความคิดเห็น

เรื่องการพัฒนาขีดความสามารถในการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวและกีฬา

เพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)”

วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน 2555 ศูนย์วิจัยจุฬาภรณ์ กรุงเทพมหานคร

 

8.30 – 9.00 . ลงทะเบียน

9.00 – 9.20 . พิธีเปิดการสัมมนา

ประธานเปิดการสัมมนา

นายสุวัตร สิทธิหล่อ

ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

กล่าวรายงานโดย

รศ.ดร.ช่วงโชติ พันธุเวช

อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา

9.20 – 10.00 . นำเสนอประเด็น เรื่องการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยวและกีฬาอย่างไร ?”

โดย .ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ

10.00 – 10.15 . พักรับประทานอาหารว่างและเครื่องดื่ม

10.15 – 12.00 . การอภิปรายร่วมเรื่องการพัฒนาขีดความสามารถในการบริหาร จัดการด้านการท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)”

ทิศทางการท่องเที่ยวและกีฬาไทยกับการเตรียมความพร้อมเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)”

โดย ตัวแทนจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ศักยภาพทุนมนุษย์ไทยด้านการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

โดย .ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ

วิเคราะห์ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวไทย มาตรฐานการเชื่อมโยงสู่การเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

โดย นายภราเดช พยัฆวิเชียร

ที่ปรึกษาระดับ 11 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และประธานสถาบันการท่องเที่ยวโดยชุมชน

โดย ผู้บริหาร บริษัท สยามนิรมิต จำกัด

วิเคราะห์ศักยภาพด้านการกีฬาไทย มาตรฐานการเชื่อมโยงสู่การเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

โดย นายกนกพันธ์  จุลเกษม

ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย

นายสาธิต กรีกุล หรือ นายเอกราช เก่งทุกทาง

ร่วมดำเนินการอภิปรายโดย คุณสุภวัส วรมาลี

12.00 – 13.00 . พักรับประทานอาหารกลางวัน

13.00 – 15.00 . สัมมนาระดมความคิดเห็นกลุ่มย่อยเรื่องการพัฒนาขีดความสามารถไทยในการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)”

กลุ่มที่ 1 การพัฒนาขีดความสามารถไทยในการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวเพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)(ต่อยอดประเด็นองค์ความรู้โดย วิทยากรจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และผู้เชี่ยวชาญจากภาคการท่องเที่ยว)

- สถานการณ์ปัจจุบันของการท่องเที่ยวไทยเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน

- โอกาส และความเสี่ยง เมื่อเปิด AEC

- จุดแข็ง จุดอ่อนของการท่องเที่ยวเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน

- มาตรฐานที่ควรจะเป็นของการท่องเที่ยวเมื่อเปิด AEC

- แนวทางการพัฒนาเพื่อเตรียมความพร้อม ความร่วมมือ และแนวทางใหม่ ในด้านต่าง

ดำเนินการสัมมนากลุ่มย่อยโดย

..ชาญโชติ ชมพูนุท

กลุ่มที่ 2 การพัฒนาขีดความสามารถไทยในการบริหารจัดการด้านการกีฬาเพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) (ต่อยอดประเด็นองค์ความรู้โดย วิทยากรจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และผู้เชี่ยวชาญจากภาคการกีฬา)

- สถานการณ์ปัจจุบันของการกีฬาไทยเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน

- โอกาส และความเสี่ยง เมื่อเปิด AEC

- จุดแข็ง จุดอ่อนของการกีฬาไทยเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน

- มาตรฐานที่ควรจะเป็นของการกีฬาเมื่อเปิด AEC

- แนวทางการพัฒนาเพื่อเตรียมความพร้อม ความร่วมมือ และแนวทางใหม่ ในด้านต่าง

ดำเนินการสัมมนากลุ่มย่อยโดย

นายธงชัย วัฒนศักดากุล

ผู้สนใจเข้าร่วมสัมมนาฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น โปรด เขียน ชื่อ นามสกุล หน่วยงาน / องค์กร / บริษัท ตำแหน่งงาน ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ เบอร์โทรศัพท์ โทรสาร และ e-mail address ลงในกระดาษและส่งมาที่ โทรสารหมายเลข 02-273-0181 หรือ ส่ง e-mail มาที่ E-mail Address : อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน , อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน , อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2619-0512-3 คุณจงกลกร 0812072255  คุณภัทรพร 0818901801

 

จริงใจ เชื่อใจ ไว้ใจ

พิมพ์ PDF

 

ได้รับ e-mail จาก "มีน สสพ" อ่านแล้วเห็นว่าเป็นบทความที่ดี ให้แง่คิด จึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่

จริงใจ.....เชื่อใจ...ไว้ใจ...แล้วจะได้ใจ(จริงหรือ)

ความจริงใจ เชื่อใจ และไว้ใจ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของมนุษย์

หากชีวิตคนเราปราศจากสิ่งที่กล่าวมานี้สันติสุขคงไม่เกิดพขึ้นในใจของใครต่อ

ใครอย่างแน่นอน นั่นหมายความว่าความจริงใจ เชื่อใจ และไว้ใจ เป็นสิ่งที่คนส่วน

ใหญ่แสวงหา แล้วคุณล่ะ หามันเจอแล้วหรือยัง มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆหรอกที่ใครๆจะ

สามารถค้นพบ คำ 3 คำ ที่กล่าวในข้างต้น คนบางคนค้นหามาตลอดชีวิต ก็ยังล้มเหลว

ไม่สามารถเก็บสะสมไว้ได้ ครบทั้ง 3 คำ

ทั้งนี้เพราะมันหายากมาก ไม่มีขายในตลาดหรือห้างสรรพสินค้า ไม่ว่าคุณจะร่ำรวย

เงินทองสักกี่พันล้าน ถ้าคุณไม่ใช่คนดี ไม่ได้เป็นที่รักใคร่ของใครจะไม่มีโอกาสได้รู้

จักกับความจริงใจ ไม่สามารถ เชื่อใจและไว้ใจใครได้เลย

สาเหตุที่ความจริงใจนั้นหายากเหลือเกิน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนเราไม่กล้าที่จะแสดง

ความจริงใจต่อกัน เนื่องจากว่ากลัวจะผิดหวังและไม่มั่นใจว่า คนอื่นเขาจริงใจกันหรือ

ไม่ก็ความจริงใจ จึงถูกเก็บไว้ในใจ ไม่ได้แสดงออกมาให้ใครๆเห็น

ถ้าทุกคนคิดอย่างนี้แล้วจะหาความจริงใจได้จากที่ไหนกัน

ถึงเวลาแล้วที่ทุกๆคนจะต้องแสดงความจริงใจต่อกัน หยุดใส่หน้ากากกันได้แล้ว

เพราะถ้าคุณๆ ใส่หน้ากากเข้าหากันร่ำไป สิ่งที่คุณจะได้รับก็คือ ไม่รู้ว่าหน้าตาที่แท้จริง

ของคนๆนั้นเป็นอย่างไร หากทุกๆคน แสดงความจริงใจต่อกัน โดยไม่หวาดระแวง

ต่อกันความจริงใจก็จะเกิดขึ้น สิ่งที่จะตามมาก็คือ ความเชื่อใจและความไว้วางใจ สิ่งดีๆ

จะไม่เกิดขึ้นหากไม่มีใครกล้าที่จะหยิบยื่นความจริงใจให้กับคนอื่นๆ ก็เข้าใจอะนะ ว่ามัน

ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่ ใครสักคนจะมีคนที่สามารถไว้เนื้อเชื่อใจได้

เพราะความรู้สึกดังกล่าวมันจะต้องเริ่มต้นจากความจริงใจทั้งสิ้น ดังนั้น คนส่วนใหญ่จึง

ต้องใช้เวลาศึกษาซึ่งกันและกัน ค่อนข้างนานกว่าจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าใครจริงใจหรือไม่

แต่ถ้าคุณสามารถค้นพบแล้วว่าใครควรจะไว้ใจและเชื่อใจได้ เราคิดว่าคุณเป็นคนที่โชคดี

ที่สุดแล้วล่ะ เพราะต่อไปคุณจะสามารถพูดคุย ปรึกษา หรือแม้แต่ อยากจะบอกในสิ่งที่คุณ

ไม่สามารถบอกใครได้ เมื่อบางสิ่งบางอย่างไม่ได้ถูกเก็บไว้ในใจอีกต่อไป

เมื่อเห็นแล้วว่าสิ่งที่กล่าวมานั้นมีความสำคัญต่อคุณมากแค่ไหน ตัดสินใจเถอะที่จะแสดง

ความจริงใจต่อใครสักคน ไม่จำเป็นว่าจะเป็นเรื่องของความรักเท่านั้น การมอบความ

จริงใจให้กับเพื่อน หรือคนใกล้ชิด สิ่งที่คุณจะได้กลับคืนมาก็คือสิ่งที่ได้ให้ไปนั่นเอง

อย่าลืมนะว่า เมื่อใดก็ตามที่ คุณสร้างความจริงใจ คุณจะได้ รับความเชื่อใจ ในที่สุด

คุณก็จะกลายเป็น คนที่ได้รับความไว้วางใจ

สรุป.....สาเหตุที่ความจริงใจนั้นหายากเหลือเกิน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนเราไม่กล้าที่จะ

แสดงความจริงใจต่อกัน เนื่องจากกลัวว่าจะผิดหวังและไม่มั่นใจว่าคนอื่นๆเขาจริงใจกันหรือไม่

ความจริงใจจึงถูกเก็บไว้ในใจของทุกคน คิดอย่างนี้แล้วคุณจะหาความจริงใจได้จากที่ไหนกันค่ะ

ปล. พี่ๆน้องๆ คิดว่าไงครับ ยังไงมาแชร์ความคิดกันได้ครับ

 

แก้ไขล่าสุด ใน วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม 2012 เวลา 17:01 น.
 

บทความของ วสิษฐ เดชกุญชร

พิมพ์ PDF

หนังสือควรอ่านและควรแจก โดย วสิษฐ เดชกุญชร

เมื่อต้นเดือนนี้เอง ผมโทรศัพท์ไปเยี่ยมน้องสาวผมซึ่งอยู่ที่เชียงราย ทราบว่าขณะนั้นเธอ กำลังทำบุญถวายผ้าป่าอยู่ที่วัด เธอบอกด้วยว่า พระภิกษุรูปหนึ่งที่รับผ้าป่านั้น คือท่านอาจารย์ พระมหา วุฒิชัย วชิรเมธี หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ .วชิรเมธี พอได้ยินดังนั้นผมก็รีบบอก น้องว่าขอทำบุญด้วย เพราะผมรู้จักรักและเคารพท่านอาจารย์อยู่แล้ว

หลังจากนั้น - วัน น้องเดินทางมาพบผมที่กรุงเทพ นำหนังสือมาด้วยเล่มหนึ่ง บอก ว่าท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัยฝากมาให้ผม ผมรับหนังสือมาดูเห็นว่าเป็นหนังสือชื่อ กิเลส MANAGEMENT” ปกแข็งสีแดงเล่มไม่บาง (นับดูภายหลังได้ประมาณ ๓๐๐ หน้า) หุ้มปกด้วย กระดาษมัน พิมพ์สีเป็นภาพเขียนรูปท่อนบนของเด็กหญิงในเครื่องแบบนักเรียน นั่งหลับตาอยู่ใต้ กระท่อมหรือกุฏิ มีกรงเล็บของสัตว์ชนิดไหนก็ไม่รู้กำลังเอื้อมเข้าหาเด็กหญิงผู้นั้น ฝีมือเขียนรูปดู ก็รู้ว่าเป็นของชั้นศิลปินชั้นครู อ่านจากปกจึงรู้ว่าผู้เขียนคือ .วชิรเมธีและผู้เขียนภาพคือ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป (จิตรกรรม)

พอเอากลับมาบ้านและพลิกดูก็แล้ววางไม่ลง เพราะนอกจากจะพิมพ์ด้วยกระดาษมันและ หนาอย่างดี (อย่างที่เคยเรียกว่ากระดาษอาร์ต) แล้ว ในเล่มยังมีภาพเขียนสีฝีมือ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ แทรกอยู่ตลอดทั้งเล่มนับได้ ๓๘ ภาพ ส่วนเนื้อเรื่องนั้น ท่านอาจารย์มหาวุฒิชัย แบ่งออกเป็น บท และ ภาค คือบทนำซึ่งอธิบายความหมายของคำว่า กิเลสและเหตุผลที่ ต้อง manage หรือบริหารมัน ภาค ว่าด้วยการจัดการความโลก ภาค ว่าด้วยการจัดการ ความโกรธ ภาค ว่าด้วยการจัดการตัณหา มานะ และทิฎฐิ ภาค ว่าด้วยริษยา : หนามตำใจ จบลงด้วยบทส่งท้ายว่าด้วยการจัดการกิเลสตามแบบแผน คืออริยมรรคมีองค์

ใครที่เคยอ่านข้อเขียนของท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัยหรือ .วชิรเมธี หรือเคยฟังท่านพูด หรือแสดงธรรมมาแล้ว ย่อมทราบดีด้วยกันทุกคนว่า จะเขียนหรือพูดก็ตาม ท่านอาจารย์พระมหา วุฒิชัยท่านเก่งตรงที่ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย หรือถ้าจะพูดอย่างสมัยใหม่ก็ต้องว่า โดนใจผู้อ่านหรือผู้ ฟัง ในหนังสือ กิเลส MANAGEMENT” นี้ก็เช่นเดียวกัน ตั้งแต่บทต้นภาคต้นจนถึงภาคสุดท้าย บทสุดท้าย ท่านอาจารย์ผู้เขียนเขียนด้วยภาษาที่กระทัดรัดและอ่านเข้าใจง่ายเช่นเคย

เนื้อที่หน้ากระดาษนี้ไม่พอ จึงจะขอย่อยและยกเพียงบางตอนมาให้อ่านกัน

ในบทนำตอนที่ว่าทำไมต้องบริหารกิเลสนั้น ท่านอาจารย์ผู้เขียนอธิบายว่า สภาพจิตเดิม ของคนเรานั้นบริสุทธิ์ ผ่องใส แต่เศร้าหมองไปเพราะกิเลสที่จรมา (อาคันตุกะกิเลส) สถานภาพ ของกิเลสจึงเป็นเพียง แขกที่สัญจรมาชั่วครู่ชั่วคราว แต่ถ้าเรารู้ไม่เท่าทัน แขกแปลกหน้าที่เคย เป็นอาคันตุกะนี้อาจจะอยู่กับเราถาวรก็เป็นได้ ท่านบอกด้วยว่า กิเลสเหมือนไฟ ถ้ารู้จักใช้อย่าง มีปัญญา ก็เป็นประโยชน์ในการหุงหาอาหาร แต่ถ้าเราปล่อยปละละเลย ไฟที่เคยใช้หุงอาหารอันมี ประโยชน์นั่นแหละก็อาจลุกพรึบขึ้นไหม้บ้านไหม้เรือนได้

และแม้เราจะไม่สามารถจะตัดกิเลสได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้หมือนพระอริยบุคคล แต่เราก็ ไม่ควรจะมีชีวิตอยู่อย่างคนที่ยอมตกเป็นทาสของกิเลสจนเต็มเวลา ในแต่ละวันของเรานั้น ควรจะมี บางช่วงบางเวลา บางชั่วโมง บางนาทีหรือบางขณะจิต ที่เราเป็นฝ่ายประกาศอิสรภาพ ลุกขึ้นมา ปราบดาภิเษกเป็นนายเหนือกิเลสบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้กิเลสครอบงำเราชั่วนาตาปี

ในภาคอื่น ที่ตามมานั้น ท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัยท่านแยกแยะ และจัดการบริหาร กิเลสเอาไว้เป็นส่วน ผู้อ่านสามารถที่จะค้นหรือหยิบขึ้นมาประยุกต์กับสถานการณ์จริง ได้โดยง่าย

บทที่ผมอยากจะให้อ่านกันเร็ว มาก และบ่อย โดยเฉพาะผู้รับผิดชอบในการบริหาร งานบ้านเมืองและนักธุรกิจอภิมหานายทุนนั้น คือภาค การจัดการความหลง โดยเฉพาะในหน้า ๑๕๕ ที่ว่าด้วยหลงเงินจนเงินกลายเป็นพระเจ้า และหน้า ๑๖๙ ที่ว่าด้วยหลงอำนาจจนต้องบูชา อำนาจ ในส่วนที่เกี่ยวกับการหลงเงินนั้น ท่านอาจารย์ผู้เขียนได้ยกเอาชีวิตจริงของ บิล เกตส์ และ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มาเป็นอุทาหรณ์ให้เห็นความไม่หลงเงินของมหาเศรษฐีทั้งสองคน ที่แม้จะ รวยแล้วอย่างมหาศาลเป็นอันดับที่ และที่ ของโลก แต่ลงท้ายก็ใช้เงินจำนวนมหาศาลของตน ก่อตั้งโครงการเพื่อมนุษยธรรมขึ้นหลายโครงการ ทั้งยังเชิญชวนมหาเศรษฐีทั่วโลก ให้ร่วมเป็นหุ้น ส่วนของความดีอีกด้วย ส่วนที่เกี่ยวกับการหลงอำนาจนั้น ท่านอาจารย์ผู้เขียนได้คัดเอาส่วนหนึ่ง ของบทความของพระอาจารย์ ไพศาล วิสาโล มาให้อ่าน ซึ่งว่าด้วยการขึ้นสู่อำนาจ และในที่สุดก็ สูญเสียอำนาจของ วลาดิเมียร์ เลนิน และ โจเซฟ สตาลิน ผู้นำคอมมิวนิสต์รัสเซีย ความหลง อำนาจของทั้งสองคนนั้นทำให้ชาวรัสเซียต้องตายไปกว่า ๒๐ ล้านคน และลงท้ายทั้งเลนินและ สตาลินก็จบชีวิตลงด้วยอาการอันน่าสมเพชและทนทรมาน

ตอนท้ายของภาค นั้น ท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัยแนะนำวิธีบริหารจัดการความหลง เอาไว้ วิธี คือ ) หมั่นศึกษาหาความรู้ทางโลกคู่ทางธรรมอยู่เสมอ ) รู้จักเกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง อย่างมีปัญญา และ ) หมั่นเจริญวิปัสสนากรรมฐาน

ขณะที่เขียนเรื่องนี้ ผมไม่ทราบว่านักเรียนชั้นประถมปีที่ และชั้นอื่น จะได้รับแจก แทเบล็ตฟรตามนโยบายของรัฐบาลไปแล้วหรือไม่เพียงใด แต่ผมขอเสนอแนะให้รัฐบาลของ ..ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซื้อหนังสือ กิเลส MANAGEMENTของท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี แจกรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา คนละหนึ่งเล่ม หนังสือนี้ ราคาตามปกเล่มละ ๓๐๐ บาท ถูกกว่าแทเบล็ตหลายสิบเท่า แต่ผมเชื่อว่า ประโยชน์ที่จะได้จาก การอ่านหนังสือเล่มนี้จะมากมายมหาศาลหลายร้อยหลายพันเท่า ยิ่งกว่าที่นักเรียนชั้นประถมจะได้ จากการใช้แทเบล็ต

และถ้าแม้ว่ากิเลสของผู้ที่ได้รับแจกบางคนจะหนาเสียจนเหลือวิสัยที่จะบริหารได้ และผู้ที่ได้ รับแจกเอาหนังสือเล่มนี้ไปขว้างทิ้ง แต่ผู้อื่นที่เก็บได้ก็ยังอาจจะได้อ่าน และสามารถบริหารจัดการ กิเลสของตนได้ไม่มากก็น้อย ผู้แจกก็ยังจะได้บุญอยู่วันยังค่ำ.

 

บทความของ วสิษฐ เดชกุญชร

พิมพ์ PDF

หนังสือควรอ่านและควรแจก โดย วสิษฐ เดชกุญชร

เมื่อต้นเดือนนี้เอง ผมโทรศัพท์ไปเยี่ยมน้องสาวผมซึ่งอยู่ที่เชียงราย ทราบว่าขณะนั้นเธอ กำลังทำบุญถวายผ้าป่าอยู่ที่วัด เธอบอกด้วยว่า พระภิกษุรูปหนึ่งที่รับผ้าป่านั้น คือท่านอาจารย์ พระมหา วุฒิชัย วชิรเมธี หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ .วชิรเมธี พอได้ยินดังนั้นผมก็รีบบอก น้องว่าขอทำบุญด้วย เพราะผมรู้จักรักและเคารพท่านอาจารย์อยู่แล้ว

หลังจากนั้น - วัน น้องเดินทางมาพบผมที่กรุงเทพ นำหนังสือมาด้วยเล่มหนึ่ง บอก ว่าท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัยฝากมาให้ผม ผมรับหนังสือมาดูเห็นว่าเป็นหนังสือชื่อ กิเลส MANAGEMENT” ปกแข็งสีแดงเล่มไม่บาง (นับดูภายหลังได้ประมาณ ๓๐๐ หน้า) หุ้มปกด้วย กระดาษมัน พิมพ์สีเป็นภาพเขียนรูปท่อนบนของเด็กหญิงในเครื่องแบบนักเรียน นั่งหลับตาอยู่ใต้ กระท่อมหรือกุฏิ มีกรงเล็บของสัตว์ชนิดไหนก็ไม่รู้กำลังเอื้อมเข้าหาเด็กหญิงผู้นั้น ฝีมือเขียนรูปดู ก็รู้ว่าเป็นของชั้นศิลปินชั้นครู อ่านจากปกจึงรู้ว่าผู้เขียนคือ .วชิรเมธีและผู้เขียนภาพคือ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป (จิตรกรรม)

พอเอากลับมาบ้านและพลิกดูก็แล้ววางไม่ลง เพราะนอกจากจะพิมพ์ด้วยกระดาษมันและ หนาอย่างดี (อย่างที่เคยเรียกว่ากระดาษอาร์ต) แล้ว ในเล่มยังมีภาพเขียนสีฝีมือ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ แทรกอยู่ตลอดทั้งเล่มนับได้ ๓๘ ภาพ ส่วนเนื้อเรื่องนั้น ท่านอาจารย์มหาวุฒิชัย แบ่งออกเป็น บท และ ภาค คือบทนำซึ่งอธิบายความหมายของคำว่า กิเลสและเหตุผลที่ ต้อง manage หรือบริหารมัน ภาค ว่าด้วยการจัดการความโลก ภาค ว่าด้วยการจัดการ ความโกรธ ภาค ว่าด้วยการจัดการตัณหา มานะ และทิฎฐิ ภาค ว่าด้วยริษยา : หนามตำใจ จบลงด้วยบทส่งท้ายว่าด้วยการจัดการกิเลสตามแบบแผน คืออริยมรรคมีองค์

ใครที่เคยอ่านข้อเขียนของท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัยหรือ .วชิรเมธี หรือเคยฟังท่านพูด หรือแสดงธรรมมาแล้ว ย่อมทราบดีด้วยกันทุกคนว่า จะเขียนหรือพูดก็ตาม ท่านอาจารย์พระมหา วุฒิชัยท่านเก่งตรงที่ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย หรือถ้าจะพูดอย่างสมัยใหม่ก็ต้องว่า โดนใจผู้อ่านหรือผู้ ฟัง ในหนังสือ กิเลส MANAGEMENT” นี้ก็เช่นเดียวกัน ตั้งแต่บทต้นภาคต้นจนถึงภาคสุดท้าย บทสุดท้าย ท่านอาจารย์ผู้เขียนเขียนด้วยภาษาที่กระทัดรัดและอ่านเข้าใจง่ายเช่นเคย

เนื้อที่หน้ากระดาษนี้ไม่พอ จึงจะขอย่อยและยกเพียงบางตอนมาให้อ่านกัน

ในบทนำตอนที่ว่าทำไมต้องบริหารกิเลสนั้น ท่านอาจารย์ผู้เขียนอธิบายว่า สภาพจิตเดิม ของคนเรานั้นบริสุทธิ์ ผ่องใส แต่เศร้าหมองไปเพราะกิเลสที่จรมา (อาคันตุกะกิเลส) สถานภาพ ของกิเลสจึงเป็นเพียง แขกที่สัญจรมาชั่วครู่ชั่วคราว แต่ถ้าเรารู้ไม่เท่าทัน แขกแปลกหน้าที่เคย เป็นอาคันตุกะนี้อาจจะอยู่กับเราถาวรก็เป็นได้ ท่านบอกด้วยว่า กิเลสเหมือนไฟ ถ้ารู้จักใช้อย่าง มีปัญญา ก็เป็นประโยชน์ในการหุงหาอาหาร แต่ถ้าเราปล่อยปละละเลย ไฟที่เคยใช้หุงอาหารอันมี ประโยชน์นั่นแหละก็อาจลุกพรึบขึ้นไหม้บ้านไหม้เรือนได้

และแม้เราจะไม่สามารถจะตัดกิเลสได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้หมือนพระอริยบุคคล แต่เราก็ ไม่ควรจะมีชีวิตอยู่อย่างคนที่ยอมตกเป็นทาสของกิเลสจนเต็มเวลา ในแต่ละวันของเรานั้น ควรจะมี บางช่วงบางเวลา บางชั่วโมง บางนาทีหรือบางขณะจิต ที่เราเป็นฝ่ายประกาศอิสรภาพ ลุกขึ้นมา ปราบดาภิเษกเป็นนายเหนือกิเลสบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้กิเลสครอบงำเราชั่วนาตาปี

ในภาคอื่น ที่ตามมานั้น ท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัยท่านแยกแยะ และจัดการบริหาร กิเลสเอาไว้เป็นส่วน ผู้อ่านสามารถที่จะค้นหรือหยิบขึ้นมาประยุกต์กับสถานการณ์จริง ได้โดยง่าย

บทที่ผมอยากจะให้อ่านกันเร็ว มาก และบ่อย โดยเฉพาะผู้รับผิดชอบในการบริหาร งานบ้านเมืองและนักธุรกิจอภิมหานายทุนนั้น คือภาค การจัดการความหลง โดยเฉพาะในหน้า ๑๕๕ ที่ว่าด้วยหลงเงินจนเงินกลายเป็นพระเจ้า และหน้า ๑๖๙ ที่ว่าด้วยหลงอำนาจจนต้องบูชา อำนาจ ในส่วนที่เกี่ยวกับการหลงเงินนั้น ท่านอาจารย์ผู้เขียนได้ยกเอาชีวิตจริงของ บิล เกตส์ และ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มาเป็นอุทาหรณ์ให้เห็นความไม่หลงเงินของมหาเศรษฐีทั้งสองคน ที่แม้จะ รวยแล้วอย่างมหาศาลเป็นอันดับที่ และที่ ของโลก แต่ลงท้ายก็ใช้เงินจำนวนมหาศาลของตน ก่อตั้งโครงการเพื่อมนุษยธรรมขึ้นหลายโครงการ ทั้งยังเชิญชวนมหาเศรษฐีทั่วโลก ให้ร่วมเป็นหุ้น ส่วนของความดีอีกด้วย ส่วนที่เกี่ยวกับการหลงอำนาจนั้น ท่านอาจารย์ผู้เขียนได้คัดเอาส่วนหนึ่ง ของบทความของพระอาจารย์ ไพศาล วิสาโล มาให้อ่าน ซึ่งว่าด้วยการขึ้นสู่อำนาจ และในที่สุดก็ สูญเสียอำนาจของ วลาดิเมียร์ เลนิน และ โจเซฟ สตาลิน ผู้นำคอมมิวนิสต์รัสเซีย ความหลง อำนาจของทั้งสองคนนั้นทำให้ชาวรัสเซียต้องตายไปกว่า ๒๐ ล้านคน และลงท้ายทั้งเลนินและ สตาลินก็จบชีวิตลงด้วยอาการอันน่าสมเพชและทนทรมาน

ตอนท้ายของภาค นั้น ท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัยแนะนำวิธีบริหารจัดการความหลง เอาไว้ วิธี คือ ) หมั่นศึกษาหาความรู้ทางโลกคู่ทางธรรมอยู่เสมอ ) รู้จักเกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง อย่างมีปัญญา และ ) หมั่นเจริญวิปัสสนากรรมฐาน

ขณะที่เขียนเรื่องนี้ ผมไม่ทราบว่านักเรียนชั้นประถมปีที่ และชั้นอื่น จะได้รับแจก แทเบล็ตฟรตามนโยบายของรัฐบาลไปแล้วหรือไม่เพียงใด แต่ผมขอเสนอแนะให้รัฐบาลของ ..ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซื้อหนังสือ กิเลส MANAGEMENTของท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี แจกรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา คนละหนึ่งเล่ม หนังสือนี้ ราคาตามปกเล่มละ ๓๐๐ บาท ถูกกว่าแทเบล็ตหลายสิบเท่า แต่ผมเชื่อว่า ประโยชน์ที่จะได้จาก การอ่านหนังสือเล่มนี้จะมากมายมหาศาลหลายร้อยหลายพันเท่า ยิ่งกว่าที่นักเรียนชั้นประถมจะได้ จากการใช้แทเบล็ต

และถ้าแม้ว่ากิเลสของผู้ที่ได้รับแจกบางคนจะหนาเสียจนเหลือวิสัยที่จะบริหารได้ และผู้ที่ได้ รับแจกเอาหนังสือเล่มนี้ไปขว้างทิ้ง แต่ผู้อื่นที่เก็บได้ก็ยังอาจจะได้อ่าน และสามารถบริหารจัดการ กิเลสของตนได้ไม่มากก็น้อย ผู้แจกก็ยังจะได้บุญอยู่วันยังค่ำ.

 


หน้า 530 จาก 558
Home

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5607
Content : 3052
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8607058

facebook

Twitter


บทความเก่า