Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

บันทึกที่มีคำสำคัญ: DuFour

พิมพ์ PDF

 

ผมได้คัดลอกบทความชุด "บันทึกชีวิตครูสู่ชุมชนการเรียนรู้" ของ อาจารย์วิจารณ์ พานิช ลงในบทความนี้ต่อเนื่องกันทั้งหมด ๑๒ ตอน แต่มีบางบทความที่ไม่สามารถคัดลอกมาได้ทั้งหมดจึงมีตกหล่นบ้าง ถ้าท่านใดต้องการอ่านเต็มแบบสมบูรณ์ โปรดเข้าไปที่ link ข้างล่าง

 

 

http://www.gotoknow.org/posts?tag=DuFour

 

บันเทิงชีวิตครูสู่ชุมชนการเรียนรู้ (๑๒) สรุป (จบ)

พิมพ์ PDF

บันทึกชุดนี้ ถอดความมาจากหนังสือ Learning by Doing : A Handbook for Professional Learning Communities at Work. 2nd Ed, 2010 เขียนโดย Richard DuFour, Rebecca DuFour, Robert Eaker, Thomas Many
ตอนที่ ๑๒ นี้เป็น AAR ของผม หลังอ่านหนังสือเล่มนี้จบทั้งเล่ม
ผมสรุปว่า PLC เป็นเครื่องมือของการเปลี่ยนชีวิตครู   เปลี่ยนจาก “ผู้สอน” (teacher) เป็น “นักเรียน” (learner)   เปลี่ยนจากโดดเดี่ยว เป็นมีเพื่อนมีกลุ่ม รวมตัวกันเป็นชุมชน  ทำงานแบบปรึกษาหารือและช่วยเหลือกัน  โดยมีเป้าหมายที่เด็ดเดี่ยวชัดเจนคือผลการเรียน 21st Century Skills ของศิษย์ทุกคน   มีการจัดการเรียนเสริมแก่ศิษย์ที่เรียนไม่ทัน ให้กลับมาเรียนทัน
โรงเรียนเปลี่ยนสภาพเป็น PLC   เขตพื้นที่การศึกษาเปลี่ยนเป็น PLC   ซึ่งแปลว่าเป็น Learning Organization นั่นเอง   การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นในระดับ transformation คือเปลี่ยนอย่างถึงรากถึงโคน เปลี่ยนระดับจิตวิญญาณและวัฒนธรรม   รายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงให้กลับไปอ่านตารางในตอนที่ ๑๑

 

โดยสรุป โรงเรียนจะเปลี่ยนไปเป็น Happy Workplace  และ Learning Organization   ซึ่งหมายความว่า PLC จะดำเนินการเปลี่ยนแปลงแก่นักเรียน ครู ผู้บริหาร และโรงเรียน อย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง

 

PLC จึงเป็นเครื่องมือเพื่อการบันเทิงชีวิตครู ตามหัวข้อของบันทึกชุดนี้ ที่มี ๑๒ ตอน
ชีวิตของครูเพื่อศิษย์ เป็นชีวิตที่บันเทิงรื่นเริงใจ และให้ความสุขทางใจอย่างหางานอื่นเปรียบได้ยาก  แม้ในบางช่วงจะมีคลื่นลมบ้างก็ตาม
วิจารณ์ พานิช 
๒๐ ส.ค. ๕๔  



 

คอรัปชั่น

พิมพ์ PDF

ได้อ่านบทความของอาจารย์ วิจารณ์ พานิช ทำให้เกิดความคิดที่อยากจะฝากให้สังคม ช่วยกันหาทางแก้ไข คอรัปชั่น ไม่ใช่ปล่อยไปตามยถากรรม จึงขอนำมาเผยแพร่ในที่นี้

"บ้านเมืองอยู่ไม่ได้ หากคอรัปชั่นเป็นที่ยอมรับคอรัปชั่นเต็มเมือง"

นสพ. บางกอกโพสต์ ลงข่าว http://www.bangkokbusinessbrief.com/2013/02/01/corruption-still-robust-in-2013/?utm_source=feedburner&utm_medium=feed&utm_campaign=Feed%3A+BangkokBusinessBrief+(Bangkok+Business+Brief)">Corruption still robust in 2013  ระบุว่า โครงการใหญ่ๆ คือแหล่งรั่วไหล  ได้แก่โครงการรับจำนำข้าว  โครงการจัดการน้ำท่วม ๓.๕ แสนล้าน  และโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ๒.๒ ล้านล้าน

วันก่อน ผู้ใหญ่มากในบ้านเมือง บอกผมว่า ทราบข่าวมาว่า รมต. ที่เรานับถือท่านหนึ่งจ่ายเงิน ๓๐๐ ล้าน เพื่อตำแหน่ง รมต.  และเลขา รมต. จ่าย ๒๐ ล้าน  ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่  เป็นต้นตอคอรัปชั่นอย่างหนึ่ง

บ้านเมืองอยู่ไม่ได้ หากคอรัปชั่นเป็นที่ยอมรับ

วิจารณ์ พานิช

๒ ก.พ. ๕๖

ถ้าเป็นเรื่องจริง น่าเป็นห่วงมากครับ เราจะทราบได้อย่างไรครับว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องการกล่าวร้ายป้านสี คนไทยช่วยกันคิดครับ โดยเฉพาะคนที่รู้จริง ช่วยกันหาหลักฐาน และเหตุผลนำมาเฉลย ผมคิดว่ามี 2 ประเด็นที่เราต้องตั้งโจทย์ และช่วยกันหาทางแก้

 

 

1. รมต. ที่เรานับถือท่านหนึ่งจ่ายเงิน ๓๐๐ ล้าน เพื่อตำแหน่ง รมต.  และเลขา รมต. จ่าย ๒๐ ล้าน  ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่  เป็นต้นตอคอรัปชั่นอย่างหนึ่ง โจทย์ข้อนี้ ผมว่าไม่ผิด ถ้า รมต และเลขาท่านนั้น ยินดีบริจาคเงินอุดหนุนพรรค เมื่อได้เป็น รมต หรือ เลขา รมต เนื่องจากท่านมีเงินใช้เหลือแล้ว และมีความสามารถเข้ามาบริหารประเทศรับใช้ประชาชนด้วยความสุจริตใจ ข้อสำคัญจึงต้องหันไปดูว่าผู้มีอำนาจในการแต่งตั้ง รมต และ เลขา รมต คัดเลือกผู้มาเป็น รมต และ เลขา รมต ด้วยวัตถุประสงค์อะไร เพราะเห็นว่าเป็นคนมีความรู้และความสามารถในการเข้ามารับตำแหน่งเพื่อมาช่วยบริหารประเทศชาติด้วยความสุจริต หรือเพราะเป็นผู้ที่ประมูลให้ผลตอบแทนพรรคมากที่สุด หรือเป็นผู้ที่มีบุญคุณต่อกัน หรือเป็นผู้ที่อยู่ในโอวาส สั่งอะไรก็ได้ สรุปจึงขึ้นอยู่กับเจตนาของ รมต และ เลขา รมต ท่านนั้น และผู้มีอำนาจในการคัดเลือก

ดังนั้น ควรหาตัว รมต และเลขา รมต ให้ได้ และให้ท่านเป็นผู้ตอบคำถามนี้ และขณะเดียวกัน ท่านนายกรัฐมนตรี ก็ต้องอธิบายให้ชัดเจนว่าทำไมถึงเลือกท่าน รมต และ เลขา รมต ด้วยคุณสมบัติและเหตุผลใด

2.จับตาดูและหาข้อมูลในการบริหารจัดการของ รมต แต่ละท่าน โดยเฉพาะท่านที่มีข่าวว่าซื้อตำแหน่ง เมื่อพบเหตุที่น่าสงสัยว่าจะทำการทุจริต หรือ คอรับชั่น ก็ต้องนำออกมาแฉและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ณ.ปัจจุบันการทำอะไรไม่โปร่งใส หรือมีการทุจริต คอรัปชั่น แบบปิดๆไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อนครับ นอกจากคนที่คอรับชั่นจะทำแบบหน้าด้านๆ ไม่ยำเกรงผู้ใด สักวันเขาก็จะพบจุดจบ ตามกรรมที่เขาก่อไว้ ไม่มีใครหนี้กรรมชั่วที่ก่อไว้ได้ครับ โดยเฉพาะเป็นกรรมชั่วที่ทำต่อแผ่นดินเกิด และประชาชนของประเทศ

คนไทยทุกคนต้องช่วยกันมีส่วนร่วมในการดูแลประเทศชาติของเราครับ ทุกคนมีหน้าที่ต่อประเทศไทย ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นภาระของนักการเมืองและข้าราชการเท่านั้น

ขอแนะนำให้ประชาชนทุกคนทำการศึกษาเรื่องหน้าที่ของพลเมืองในสังคมประชาธิปไตย โดยการไปหาหนังสือ การศึกษาเพื่อสร้างพลเมือง โดย ทิพย์พาพร ตันติสุนทร มาอ่าน หนังสื่อนี้มีจำหน่ายที่ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ราคาเล่มละ 180 บาท  อย่างไรก็ตามกรณีที่หาซื้อหนังสืออ่านไม่ได้ หรือไม่สะดวกในการหาซื้อ ผมได้คัดลอกข้อความในหนังสือและได้นำลงในบันทึกของผม ใน gotoknpw โดยแบ่งออกเป็นตอนๆ เปิดอ่านได้ตาม link

http://www.gotoknow.org/dashboard/home#/blogs/104769

 

ลักษณ์ เรขานิเทศ โหรฟันธง โปรดติดต่อด่วน

พิมพ์ PDF

เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2555 ผมขับรถผ่านวัดบัวขวัญ  จังหวัดนนทบุรี  (วัดที่ หมอดูชื่อ ลักษณ์ เรขานิเทศ โปรโมช เรี่ยไรเงินจากประชาชน หลายวิธี) ผมเข้าไปc;tดูและได้ไปไหว้รูปหล่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายๆองค์ ไม่ว่าจะเป็น ท้าวมหาพรหม พระพิฆเนศ พระราหู และอื่นๆอีกมากมาย มีวิธีการให้คนทำบุญ เรี่ยไรเงิน มากมายหลายวิธี ผมเลือกทำบุญตามศรัทธาไปตามสมควร และได้ไปสั่งซื้อหนังสือฟันธงดวงชะตาปี 2556 โดยต้องชำระเงินเต็มจำนวน 120 บาทไว้ล่วงหน้าที่เจ้าหน้าที่ของวัด และทางสถาบันพยากรณ์ศาสตร์ จะเป็นผู้จัดส่งหนังสือให้  ผมจึงจ่ายเงินจำนวน 120 บาทให้กับคุณ นฤมล และคุณนฤมลได้ให้เอกสารรับเงินค่าจองหนังสือไว้เป็นหลักฐาน

ผมรอจนผ่านไป 2 อาทิตย์ก็ยังไม่ได้รับหนังสือ เมื่อโทรไปที่สถาบันพยากรณ์ศาสตร์ ตามเบอร์โทรศัพท์ที่แจ้งไว้ในใบจองหนังสือ ได้โทรคุยกับคุณกิ่ง คุณกิ่งแจ้งว่า หนังสือหมด จะต้องรอพิมพ์ใหม่ ประมาณกลางเดือนถึงปลายเดือนมกราคม จึงจะได้ หลังจากนั้นก็รอเรื่อยมาและไม่ได้รับการแจ้งข่าวใดๆทั้งสิ้น จึงได้โทรไปตามเบอร์โทรศัพท์เดิม แต่เป็นเทปบันทึกเสียงว่าให้กดหมายเลขที่ต้องการติดต่อ ถ้าไม่ทราบให้กด ๐ เพื่อติดต่อโอเปอเรเตอร์ เมื่อผมกด ๐ ก็รอสายอยู่เป็นเวลานาน และไม่มีคนรับ จนสายหลุดไป ทำแบบนี้หลายครั้งด้วยกัน จึงแวะไปติดต่อคุณนฤมล ผู้ที่รับเงินจากผม ที่วัดบัวขวัญ แจ้งว่าต้องติดต่อที่สถาบันพยากรณ์ศาสตร์ เท่านั้น ทางวัดไม่่ได้ยุ่งกับการจัดส่งหนังสือ ได้แจ้งว่าติดต่อไปแล้วแต่ไม่มีคนรับสาย เจ้าหน้าที่ซึ่งยืนอยู่หลายคนก็แสดงความไม่สนใจทั้งสิ้น มีคุณนฤมลคนเดียวที่เข้ามาพูดและอธิบายว่าทางนี้ก็ไม่มีหนังสือ จึงต้องให้ผมติดต่อกันเอง

แบบนี้เรียกว่าต้มตุ๋นหรือไม่ ถ้าผมไปแจ้งตำรวจว่าถูกฉ้อโกง ผมก็ย่อมทำได้ แต่ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ จึงขอฝากคนที่รู้จักคุณหมอดู ลักษณฺ เรขานิเทศ หรือเจ้าหน้าที่ๆรับผิดชอบของสถาบันพยากรณ์ศาสตร์ ช่วยดำเนินการโดยด่วน ถ้าไม่ได้รับการติดต่อหรือยังนิ่งเฉยอยู่ ผมจะนำเรื่องไปแจ้งความ

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

11 กุมภาพันธ์ 2556

 

ชีวิตพอเพียง : ทำการบ้านทุกวัน บทความของ อาจารย์วิจารณ์ พานิช VS ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

พิมพ์ PDF

“การบ้าน” ในที่นี้หมายถึงงานที่จะต้องนำส่งเวลานี้การบ้านของผมมี ๔ แบบ  คือ (๑) PowerPoint ประกอบการบรรยาย  (๒) คำนิยมหรือคำนำหนังสือ  (๓) บันทึกสำหรับลง บล็อก  อันที่ ๓ นี้ เป็นการบ้านที่กำหนดให้ตนเอง  (๔) อื่นๆ  เช่นมีคนมาขอให้ไปพูดในโอกาสพิเศษบ้างเป็นครั้งคราว

ผมเดาว่าคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องงานเหล่าคงจะไม่ทราบว่าผมใช้เวลามากแค่ไหน ในการเตรียมงานหนึ่งๆ  การบรรยายหนึ่งชั่วโมง ใช้เวลาเตรียมอย่างน้อย ๓ ชั่วโมง  บางกรณีที่ผมไม่คุ้น แต่ก็ยังอยากรับ (เพราะได้เรียนรู้ และมันท้าทายดี) อาจใช้เวลากว่า ๒๐ ชั่วโมง  ต้องไตร่ตรองแล้วไตร่ตรองอีก และต้องค้นคว้ามาก  โดยผมทำเองทั้งหมด ไม่ได้ใช้ผู้ช่วยเลย   ผมเคยคิดเหมือนกันว่า ที่ผมดำรงชีวิตโดยไม่มีเลขานุการจริงๆ จังๆ  ไม่มีผู้ช่วยงานแบบนี้อาจเป็นการคิดผิด  เพราะถ้ามีผู้ช่วยอาจทำประโยชน์ได้มากกว่านี้

ผมจึงเป็นคนมีการบ้านให้ทำมาก  เรียกได้ว่าล้นมือ  แต่ผมก็ชอบ เพราะสนุก และได้ถือโอกาสค้นคว้าตีความทำความเข้าใจเรื่องต่างๆ  โดยผมพยายามฝึก “มองต่างมุม” ในเรื่องต่างๆและถกเถียงกับตนเองถกเถียงกับตำราหรือข้อเขียนต่างๆเป็นชีวิตที่สนุกสนานและสร้างสรรค์อย่างยิ่ง

เดาว่าผู้คนเขาคงเห็นประโยชน์เขาจึงยังให้การบ้านคนแก่อย่างผมทำเราก็ภูมิใจที่ชีวิตยังพอจะมีประโยชน์อยู่บ้างในวัยสนธยาแต่ผมจะเตือนตัวเองและเตือนคนอื่นเสมอว่าอย่าเชื่อผมนักเพราะเวลานี้ผมอยู่ในฐานะ “ผู้ไม่รู้จริง” เพราะไม่ได้ลงมือทำเรื่องอะไรก็ตามหากไม่ได้ลงมือทำเองผมถือว่าไม่รู้จริงคือไม่มี tacit knowledge

คนที่เข้ามาอ่านบันทึกนี้เพราะเห็นหัวเรื่องแล้วคึกคัก คิดว่าผมจะเล่าเรื่องโป๊ เสียใจด้วยนะครับ

วิจารณ์  พานิช

๗  ม.ค. ๕๖


 

 

ผมก็อยู่ในกลุ่มผู้สูงวัยเช่นกัน ( 63 ปี )  เพียงแต่ยังน้อยกว่าอาจารย์ เมื่อ 3 ปีก่อน ผมเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัททำงานเหมือนเป็นเจ้าของบริษัทเอง มีเงินเดือนประจำ พอมีเวลาก็ศึกษาเรียนรู้โดยเข้ารับฟังสัมมนา และประชุม เรื่องที่เกี่ยวข้องกับบริษัทบ้าง และเป็นเรื่องของสังคมบ้าง ก็เคยมีเจ้าของบริษัทที่เป็นพี่สาวของเจ้านายโดยตรง โทรศัพท์ตามผมทุกวันว่าผมอยู่ที่ไหน เมื่อแจ้งว่าอยู่ในที่ประชุม ก็จะถามว่า ประชุมเรื่องอะไร เมื่อตอบไป ก็บอกว่าประชุมนั้นไม่เห็นเกี่ยวกับบริษัทเลย  ผมทำงานบริหารให้บริษัทนี้มามากกว่า 14 ปี ทำงานทุกวัน โรงแรมที่ผมบริหารงานอยู่ต่างจังหวัด แต่ผมอยู่ที่กรุงเทพ นานๆจะลงไปที่โรงแรมสักครั้ง แต่ผมควบคุมการบริหารงานด้านการตลาดทั้งหมด รวมถึงดูแลการทำงานของลูกน้องที่อยู่ในโรงแรมด้วย ผมบริหารงานโดยใช้ IT เป็นเครื่องมือ  การรายงานและติดต่องานทั้งภายในและภายนอกใช้ e-mail เป็นเครื่องมือ e-mail ทุกฉบับที่ใช้ในงานของโรงแรม จะต้องสำเนาถึงผม ผมต้องอ่าน e-mail วันละเป็นร้อยๆฉบับ  บริหารงานและสั่งงานทาง e-mail โดยเฉพาะ e-mail จากลูกค้า ถ้าเป็นเรื่องปกติ ผมก็จะให้ลูกน้องตอบแต่ต้องสำเนาให้ผมรับทราบ แต่ถ้าลูกน้องตอบช้า ผมก็อาจจะตอบเองหรือจี้ให้ลูกน้องตอบ

เมื่อผมอายุครบ 60 ปี จึงเริ่มเบื่อกับการไม่ให้เกียรติ ของเจ้าของบางคน ประกอบกับ มีสามีของคนที่ผมรู้จักมาชวนผมไปช่วยบริหารงานให้เขา ตกลงกันอย่างดี แต่พอผมไปทำงานด้วย ก็ไม่รักษาคำพูดและ พอถึงสิ้นเดือนก็ไม่จ่ายเงินเดือนให้ผม จนต้องทวงถาม พอเดือนที่สองผมจึงขอให้สิ้นสุดกัน และให้จ่ายเงินเดือนที่ติดค้างผมอยู่จำนวนสองเดือน เขาก็ยอมจ่ายโดยดี ทำให้ผมขาดรายได้ประจำ โดยที่ไม่ได้วางแผนไว้ก่อน แต่มีรายจ่ายประจำ

ตลอด 3 ปีที่ผมลาออกและไม่สนใจที่จะรับบริหารงานให้ใครอีก เนื่องจากประสบการณ์ที่ไม่ดีจากเจ้านายล่าสุดสองราย เจ้านายรายแรกผมทำกำไรให้เขามาตลอด ทำงานยิ่งกว่าเจ้าของ สามารถขึ้นเงินเดือนให้ลูกน้องทุกปี แต่ลืมขอขึ้นเงินเดือนตัวเอง ทำงาน 10 ปี โดยไม่ได้ขึ้นเงินเดือนเลย ผมก็ไม่ทันคิดเพราะสนกกับงาน วันที่ผมลาออก นอกจากเงินเดือนแล้วก็ได้รับแบบฟอร์มการโอนหุ้นเพื่อให้ผมเซ็นต์โอนหุ้นลอยไว้ โดยไม่มีการให้เงินค่าหุ้นแม้นแต่บาทเดียว  (ระหว่างที่ผมทำงานกับเขา เขาแจ้งว่าผมมีหุ้น แต่ไม่เคยทราบเลยว่ามีหุ้นเท่าไหร่ ได้แต่เซ็นต์เอกสารแต่ไม่ให้โอกาสได้อ่านรายละเอียด ไม่เคยได้รับเงินปันผลจากหุ้นแม้นแต่บาทเดียว เป็นกรรมการโดยไม่มีเงินค่ากรรมการ )

จากประสบการณ์ของนายจ้างทั้งสอง ผมจึงตัดสินใจไม่เป็นลูกจ้างใครอีกแล้ว จึงหันมาทำงานอิสระ เป็นวิทยากร และเป็นที่ปรึกษา ครั้งแรกคิดว่าง่ายๆ ความรู้และประสบการณ์รวมทั้งผลงานมีมาก  คิดว่าถ้าผมรับงานเป็นที่ปรึกษาให้โรงแรม สัก 3 โรงแรมๆละ 20,000 บาท ผมก็อยู่อย่างสบายแล้ว แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น สองปีแรกไม่มีใครมาจ้าง มีแต่มาปรึกษาโดยไม่มีค่าตอบแทนให้ เป็นวิทยากร ก็ฟรีบ้าง ได้เงินบ้าง ไม่กล้าไปเรียกร้องจากใคร สรุปแล้วใน 2 ปีแรก มีรายได้ถั่วเฉลี่ยเดือนละ 12,000 บาท ไม่พอกับค่าใช้จ่ายประจำในแต่ละเดือน ก็ต้องนำเงินเก่าที่มีอยู่ไม่มากนักมาใช้ จะขายที่ทางที่พอมีบ้างก็ขายไม่ได้

เชื่อไหมครับช่วงที่ทำงานอิสระมีงานหนักกว่าเดิม ต้องทำการบ้านมากกว่าเดิม เพราะงานบริหารเดิมผมมีประสบการณ์ มองเห็นทุกอย่างและมีลูกน้องช่วยเหลือ แต่พอมาทำงานอิสระ ต้องทำงานเพียงคนเดียวทำทุกอย่าง เหมือนกับเปลี่ยนอาชีพใหม่ ที่อาจารย์แจ้งว่า ใช้เวลาเตรียมเอกสารการบรรยาย 3 ชั่วโมง หรือบางครั้ง 20 ชั่วโมง แต่สำหรับผมยิ่งแล้วใหญ่ ต้องใช้เวลาอย่างต่ำๆ หนึ่งวัน หรือบางครั้ง สามวัน สำหรับการไปบรรยาย หรือร่วมในเวทีสัมมนา 1-3 ชั่วโมง แถมบรรยายฟรี ค่ารถก็ไม่มี บางแห่งมีค่าตอบแทนให้แต่ก็ไม่มากนัก นานๆจะได้ค่าบรรยายดีๆสักครั้ง ปีที่แล้วไปรับเป็นที่ปรึกษา 1 ราย และได้งานวิจัยมางานหนึ่ง ก็ทำให้มีรายได้มากกว่า 2 ปีก่อน แต่ก็ยังห่างไกลกับรายได้เก่าที่ได้เป็นประจำทุกเดือนมาก

พออาจารย์กล่าวถึงการบ้าน จึงอยากจะแลกเปลี่ยนข้อมูลกับอาจารย์ ว่า การบ้านของอาจารย์สบายกว่าผมเยาะครับ ผมมาจากนักปฎิบัติ แต่มากลับลำเป็นนักวิชาการ เมื่ออายุมากแล้ว แถมไม่มีกระดาษ มาเป็นการันตี ความสามารถของตัวเอง  ผมเลือกงานและเลือกนาย  ให้คำปรึกษาหรือแนะนำใครก็แนะนำตรงๆ เอาความจริงมาบอก ไม่เหมือนที่ปรึกษาบางคนที่แค่คอยตามใจนายจ้าง หาความผิดจากคนอื่นและรายงานเพื่อความชอบของตัวเอง

ผมต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆมากกว่าเดิม แต่โชคดีที่ผมเป็นนักปฎิบัติมาตลอดชีวิต จึงมีประสบการณ์มากและสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม สำหรับทฤษฎี ผมก็เรียนรู้ศึกษาเช่นกัน แต่เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่รู้เพื่อนำมาใช้ในงาน ไม่ได้เรียนเพื่อเอากระดาษ ความจริงผมก็มีกระดาษมากเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยเอาใจใส่และนำมาเป็นหลักฐานแสดงตัว อาจารย์ไม่ต้องเดือดร้อนเรื่องหาเงิน เพราะเชื่อว่ามีรายได้ประจำอยู่ แต่ผมไม่มีรายได้ประจำก็เหมือนกับคนหาเช้ากินค่ำ การที่ผมมาอยู่ในฐานะนี้ทำให้เข้าใจถึงอีกหลายๆคนที่ลำบากกว่าผมในการหาเงินเพื่อมาเลี้ยงชีพและครอบครัว ผมจึงทุ่มเทอย่างเต็มที่กับมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ เพื่อเป็นที่พึ่งของผู้ด้อยโอกาส

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖


 


หน้า 513 จาก 559
Home

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5614
Content : 3057
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8661468

facebook

Twitter


บทความเก่า