Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

มิติทางสังคมและการเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (มูลนิธิสถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)) (โพสต์ทูเดย์)

พิมพ์ PDF

การเปิดเสรีอาเซียนไม่เพียงก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเฉพาะในมิติทางเศรษฐกิจการค้าเท่านั้น แต่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมตามมาด้วย การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จึงไม่ควรจากัดอยู่แต่เพียงเรื่องการค้าเพียงอย่างเดียวแต่ต้องให้ความสาคัญกับการเตรียมการและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางสังคมเช่นกัน

งานวิจัย "Moving Towards ASEAN Single Community : Human Face Nexus of Regional Economic Development" โดยดร.สมชัย จิตสุชน นาเสนอมิติทางสังคมของประชาคมอาเซียน ที่จาเป็นต่อการวางแผนเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและความหลากหลายของสังคมอาเซียนในอนาคต งานวิจัยนาเสนอ 4 มิติสาคัญ ดังนี้

1. มิติด้านสถิติประชากร (Population Demographic)

ประเทศส่วนใหญ่ในแถบอาเซียนกาลังเผชิญกับอัตราขยายตัวของประชากรที่ต่าลงจากกราฟข้างล่างมีเพียงสิงคโปร์เท่านั้นที่มีอัตราขยายตัวของประชากรเกิน 5% ซึ่งมีสาเหตุมาจากการย้ายถิ่นฐานเป็นหลัก กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่มีอัตราขยายตัวของประชากรต่ากว่า 2% เท่านั้น

นอกจากนี้ ประชาคมอาเซียนกาลังเริ่มเข้าสู่สังคมสูงวัย ซึ่งจะกระทบต่อการพัฒนาสังคมและมนุษย์ต่อไปในอนาคต จากงานวิจัยประเทศที่มีจานวนอัตราประชากรวัยทางานสูงเมื่อเทียบกับประชากรสูงวัยคือ บรูไน กัมพูชา ลาว และฟิลิปปินส์ ซึ่งประเทศเหล่านี้จะสามารถพัฒนาสมรรถภาพด้านการผลิตและเศรษฐกิจจากประชากรวัยทางานได้ในอนาคต

2. มิติด้านสุขภาพ การศึกษา และความสามารถในการอ่านเขียน (Health Education and Literacy)

งานวิจัยพิจารณาตัวบ่งชี้สาคัญสองประการ คือ 1) อัตราการเสียชีวิตของทารกซึ่งเป็นตัวชี้วัดระดับสุขภาพโดยรวมของประเทศในบริบทของประชาคมอาเซียน ประเทศที่ร่ารวยกว่า (เช่น บรูไน มาเลเซีย สิงคโปร์) มีอัตราการเสียชีวิตของทารกน้อยกว่าประเทศที่ยากจนกว่า (เช่น กัมพูชา ลาว พม่า เป็นต้น)และ 2) การจ่ายเงินของครัวเรือนเมื่อไปใช้บริการสุขภาพ ซึ่งวัดประสิทธิภาพและการครอบคลุมของประกันสุขภาพ ค่าใช้จ่ายที่น้อยลงแสดงให้เห็นถึงระบบประกันสุขภาพที่ดีกว่าซึ่งข้อมูลจากกราฟข้อมูลแสดงให้เห็นว่าประเทศที่มีฐานะปานกลางและสูง มักจะมีระบบประกันสุขภาพที่ดีกว่าประเทศที่ยากจน(กัมพูชา พม่า และเวียดนาม)

มิติด้านการศึกษา

ประเทศในแถบอาเซียนมีความแตกต่างกันอย่างมากในเรื่องการศึกษาประเทศที่มีรายได้สูงกว่า มีการสมัครเข้าเรียนในระดับอนุบาลและอุดมศึกษามากกว่า แต่เมื่อเราเปรียบเทียบดูแล้ว แถบประเทศอาเซียนยังมีนักศึกษาเรียนในระดับอุดมศึกษาน้อยกว่าประเทศอย่างญี่ปุุนเกาหลีใต้และสหรัฐอยู่มาก

3. มิติด้านการจ้างงาน ความยากจนและความเหลื่อมล้า(Employment, Poverty and Inequality)

มิติทางด้านการจ้างงานเป็นมิติที่น่าสนใจมากในประชาคมอาเซียน โดยรวมแล้วประเทศในแถบนี้มีอัตราการว่างงานต่า (ยกเว้นอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์) แต่อัตราการจ้างงานในวัยรุ่นมีต่ากว่าประเทศที่พัฒนาแล้วอยู่มาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีความต้องการแรงงานอยู่สูงแต่วัยรุ่นในอาเซียนไม่สามารถสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานได้

ในขณะเดียวกันประชากรที่มีการศึกษาสูงในประเทศที่ยากจน (ลาว กัมพูชา เวียดนาม) จะเดินทางไปทางานนอกประเทศบ้านเกิดตนเอง แต่สถานการณ์นี้เริ่มดีขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศเหล่านี้ดีขึ้นมาก และทาให้ประชากรของประเทศเหล่านี้เลือกที่จะอยู่ทางานในประเทศบ้านเกิดมากขึ้น

ในเรื่องของมิติความยากจนและความเหลื่อมล้างานวิจัยได้วัดความเหลื่อมล้าจากอัตรารายได้ครอบครัวของผู้มีฐานะร่ารวยที่สุด 10% เทียบกับรายได้ของคนที่ยากจนที่สุด10% สิ่งนี้ทาให้เห็นว่า อาเซียนยังเป็นภูมิภาคที่มีความเหลื่อมล้าทางเศรษฐกิจสูงมาก(โดยเฉพาะในประเทศไทยและฟิลิปปินส์) ในขณะที่ความยากจนอาจจะลดระดับลงไปในภูมิภาคความเหลื่อมล้าอาจจะเพิ่มสูงขึ้นได้

4.มิติด้านสังคมอื่นๆ(สิ่งแวดล้อมและสถาบันทางการเมือง)

มิติด้านสิ่งแวดล้อม

งานวิจัยใช้ตัวบ่งชี้สองประการเพื่อเปรียบเทียบมิติด้านสิ่งแวดล้อมของประชาคมอาเซียนคือ 1) การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และ2) สัดส่วนพื้นที่ปุาในประเทศ ซึ่งประเทศที่ร่ารวยกว่าในอาเซียนมีสถิติทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่สู้ดีนัก สิงคโปร์และบรูไนมีอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 สูงกว่าประเทศอื่นๆและมีพื้นที่สัดส่วนของปุาในประเทศน้อยมาก

มิติด้านสถาบันการเมือง

งานวิจัยวิเคราะห์ตัวบ่งชี้สองประการ คือ1) สิทธิทางกฎหมาย และ 2) การมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้หญิงเป็นที่น่าสนใจที่ประเทศเวียดนาม ลาว และสิงคโปร์ มีอัตราส่วนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นสตรีอยู่ถึงร้อยละ 25 ซึ่งตัวเลขนี้สูงกว่าประเทศญี่ปุุนสหรัฐและเกาหลีใต้ แต่ในเรื่องของสิทธิทางกฎหมาย มีเพียงประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียที่ทาได้ดีกว่าประเทศพัฒนาแล้ว แต่ประเทศอื่นๆในอาเซียนยังทาได้ไม่ดีนัก

เมื่อเราพิจารณาตามมิติต่างๆทางสังคมของกลุ่มประเทศอาเซียน เราจะเห็นได้ว่าการพัฒนาทางเศรษฐกิจอาจจะส่งผลกระทบในทางบวกแก่มิติด้านสุขภาพ การศึกษา และความยากจน แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่คาตอบสุดท้ายของประชาคมอาเซียน เพราะเมื่อเทียบถึงการจ้างงานในวัยรุ่น ความเหลื่อมล้าทางเศรษฐกิจ การมีส่วนร่วมทางการเมืองของสตรี หรือมิติทางสิ่งแวดล้อม การพัฒนาทางเศรษฐกิจไม่ได้ก่อให้เกิดผลในทางบวกต่อประเทศในกลุ่มอาเซียนเสมอไป และปัจจัยหลักสาคัญที่จะทาให้เกิดความแตกต่างสูงในประชาคมอาเซียน คือ อายุของประชากรในประเทศต่างๆ ซึ่งจะมีผลต่อเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของประชาคมอาเซียนในอนาคตต่อไป

ความแตกต่างของมิติที่หลากหลาย ควรได้รับความสนใจจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อการพัฒนาของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของภูมิภาค ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมที่เท่าเทียมและเปิดโอกาสให้กับทุกคนได้เข้าถึงประโยชน์จากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

2. ติวเข้มบุคลากร รักษาแชมป์สหกรณ์อาเซียน (เดลินิวส์)

นายจิตรกร สามประดิษฐ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยถึงความพร้อมของขบวนการสหกรณ์ในประเทศไทยก่อนจะก้าวสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในวันที่ 1 มกราคม 2558 ว่า ณ วันนี้ยังมีเวลาในการเตรียมความพร้อมอีกสองปีเศษ ซึ่งเมื่อมีการเปิด AEC จะส่งผลให้ภูมิภาคอาเซียนกลายเป็นกลุ่มเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ที่มีฐานการผลิตรวมกัน มีการเคลื่อนย้ายปัจจัยทางการผลิตอย่างเสรี 3 ด้าน ได้แก่ ด้านแรงงาน มีเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างเสรี และประชากรแต่ละประเทศสามารถสมัครใจที่จะไปทางานในประเทศใดก็ได้ ด้านเงินทุน จะมีนักลงทุนจากประเทศอาเซียนนาเงินทุนมูลค่ามหาศาลไปลงทุนในประเทศต่าง ๆ ภายในกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย และด้านสินค้า จะมีการลดภาษีสินค้าต่างๆ ลงให้เป็น 0%

การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะส่งผลไปทั่วทุกภาคส่วนของประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ในขบวนการสหกรณ์ ซึ่งจาเป็นต้องเตรียมความพร้อมเพื่อตั้งรับกับการเปลี่ยนแปลงที่กาลังจะเกิดขึ้น และหาทางปูองกันผลกระทบจากสถานการณ์ที่เป็นวิกฤติต่อการดาเนินงานของสหกรณ์ได้ อย่างไรก็ตาม AEC ยังเป็นโอกาสที่ดีสาหรับสหกรณ์นอกภาคการเกษตรในการขยายธุรกิจ เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ที่มีเงินออมมากสามารถนาเงินไปลงทุนได้มากขึ้น สหกรณ์บริการ เช่น สหกรณ์เดินรถสามารถขยายบริการด้านการท่องเที่ยว เดินทางข้ามไปประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนและพัฒนาการให้บริการที่ครบวงจร แต่สาหรับสหกรณ์ภาคการเกษตร จะต้องเปลี่ยนแปลงการดาเนินการด้านการผลิตจากการดาเนินธุรกิจแบบเดิม ๆ ที่มีแค่การรวบรวมผลผลิตจากสมาชิกแล้วส่งขายให้บริษัทเอกชนหรือพ่อค้า ก็จะต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดให้สามารถดารงอยู่ได้เมื่อมีการเปิดการค้าเสรีอาเซียน โดยเฉพาะสหกรณ์การเกษตรที่อยู่ในจังหวัดที่ติดชายแดนระหว่างประเทศ จะต้องเตรียมรับมือกับผลผลิตทางการเกษตรที่จะทะลักเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งพม่า กัมพูชา หรือลาว ที่มีเปูาหมายเพื่อการแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าเช่น จากข้าวเปลือกมาเข้าโรงสีให้เป็นข้าวสารหรือแปูง ส่วนข้าวที่คุณภาพไม่ดีทาเป็นข้าวนึ่ง ประเภทถั่วก็นามาแปรรูปเป็นน้ามันพืช ข้าวโพดนามาใส่ปลาปุนและราข้าว กลายเป็นอาหารสัตว์ แล้วบรรจุลงหีบห่อที่ได้มาตรฐาน เพื่อยกระดับราคาให้กับสินค้า ก่อนจะส่งไปจาหน่ายได้ในทุกประเทศของอาเซียน

ดังนั้น สหกรณ์ไทยต้องดาเนินการเพื่อการรองรับโอกาส ต้องทาความเข้าใจในวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนในประเทศอาเซียน ต้องมองทุกประเทศอย่างเป็นมิตร ยึดหลักความร่วมมือที่มีความยุติธรรมและเกิดประโยชน์กับทุกฝุาย ส่วนการสร้างเครือข่ายสหกรณ์ในอาเซียนนั้นจะแบ่งเป็น 2 ด้านด้วยกันคือ ด้านวิชาการ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ จะให้ข้อมูลและความรู้ด้านสหกรณ์แก่ประเทศในภูมิภาคอาเซียน พัฒนาแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน ส่วนในด้านธุรกิจ ก็จะมีการนาผู้แทนสหกรณ์ของไทยเดินทางไปเรียนรู้ด้านการตลาดในประเทศต่าง ๆ เหล่านั้น เพื่อให้ได้รับทราบว่าตลาดเหล่านั้นมีความต้องการสินค้าประเภทใด บรรจุภัณฑ์แบบไหน ปริมาณความต้องการจานวนเท่าใด เพื่อนามาปรับปรุงการผลิตสินค้าก่อนส่งไปขายให้กับประเทศเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกัน ด้านภาษาก็มีส่วนสาคัญ ปัจจุบันทางกรมฯ ได้เปิดสอนภาษาอังกฤษ จีน เวียดนาม และพม่า ให้กับข้าราชการในสังกัดกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในช่วงวันหยุดราชการคือวันเสาร์และอาทิตย์ เพื่อให้รู้และเข้าใจภาษา และวัฒนธรรมของประเทศในอาเซียนได้มากยิ่งขึ้น เพื่อการสื่อสารที่มีคุณภาพ และสามารถนาไปปรับใช้กับการทางานติดต่อประสานงานกับต่างประเทศ และในอนาคตจะมีการอบรมให้กับสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้มีความรู้และความเข้าใจในด้านภาษาของประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย ทั้งนี้คาดหวังว่าสหกรณ์ไทยจะสามารถก้าวสู่การเป็นผู้นาและเป็นที่พึ่งของขบวนสหกรณ์ในประเทศอาเซียนได้ในที่สุด

 

จรรยาบรรณทางวิชาการ โดยอาจารย์วิจารณ์ พานิช

พิมพ์ PDF

จรรยาบรรณทางวิชาการเป็นเครื่องมือของพลังความดี พลังเชิงบวก ที่จะสร้างความวัฒนาถาวรให้แก่สังคม ดังนั้น พลังนี้จะเกิดผลจริง เมื่อสังคมยึดถือปฏิบัติจนกลายเป็นวัฒนธรรม เป็นคุณค่าของสังคม ยิ่งกว่าปฏิบัติเพราะเกรงกลัวโทษ

 

ในการประชุมประจำปี “นักวิจัยใหม่ ... พบ ... เมธีวิจัยอาวุโส สกว.”  ปี๒๕๕๕  ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๒ ต.ต. ๕๕ ที่ชะอำ  เช้าวันที่ ๑๒ มีการเสวนาเรื่องจรรยาบรรณทางวิชาการ โดยผมร่วมเสวนาด้วย  ทางผู้จัดขอเอกสารประกอบ ผมจึงเขียนให้ ดังต่อไปนี้



จรรยาบรรณทางวิชาการ[*]

วิจารณ์ พานิช

..................

 

จรรยาบรรณทางวิชาการ เป็นคำกว้างๆ หมายถึงระเบียบที่ต้องประพฤติทางวิชาการ  ที่ควรพิจารณาว่ามีได้หลายระดับ  ได้แก่ระดับประเทศ  ระดับสถาบัน  ระดับสาขาวิชาการ  และระดับบุคคล  ควรมีการส่งเสริมหรือมีมาตรการเชิงบวก เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ  มีการประพฤติปฏิบัติ จนกลายเป็นวัฒนธรรมวิชาการ  ที่ก่อความเจริญก้าวหน้าทางวิชาการ  และได้รับการยอมรับนับถือจากสังคม

และในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีมาตรการเชิงลบ เพื่อป้องกันหรือป้องปรามการละเมิด  เพื่อประโยชน์ของสาธารณะ  และเพื่อความเจริญก้าวหน้าทางวิชาการ

นอกจากนั้น การปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาการ ที่ยึดถือร่วมกันในระดับสากล  ก็เป็นเกียรติภูมิและชื่อเสียงของประเทศ  ในทางตรงกันข้าม หากมีการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง และไม่มีการลงโทษอย่างจริงจัง  ก็เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงของประเทศได้

การจัดการจรรยาบรรณทางวิชาการ จึงน่าจะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการความเสี่ยง ของสถาบันวิชาการ  ซึ่งหมายความว่า จะต้องมีการจัดการเรื่องนี้บูรณาการอยู่ในขั้นตอนต่างๆ ทางวิชาการทุกขั้นตอน  ดังนั้นนอกจากมีเอกสารกำหนดจรรยาบรรณทางวิชาการ และเผยแพร่อย่างกว้างขวางแล้ว  สถาบันทางวิชาการจะต้องกำหนดขั้นตอนการจัดการจรรยาบรรณทางวิชาการ แทรกอยู่ในขั้นตอนของงานวิชาการทั้งหมด  ทั้งการทำงานวิชาการ  การผลิตผลงาน  และการให้การยกย่องให้คุณค่าแก่ผลงานวิชาการ  รวมทั้งควรมีข้อกำหนดเกี่ยวกับ “ผู้เปิดเผยพฤติกรรมไม่พึงประสงค์เกี่ยวกับการละเมิดจรรยาบรรณทางวิชาการ”(whistle blower) และขั้นตอนการดำเนินการ และระดับการลงโทษ ต่อผู้ละเมิดจรรยาบรรณนี้

การปลูกฝังจรรยาบรรณวิชาการ พึงกระทำตั้งแต่ยังเป็นเด็ก   การคัดลอกข้อเขียนหรือถ้อยคำของผู้อื่นโดยไม่อ้างอิง พึงได้รับการป้องกัน ห้ามปราม และลงโทษ  การเขียนรายงานแบบตัดปะพึงได้รับการห้าม และลงโทษ  โดยครูพึงอธิบายให้เด็กเข้าใจว่า การปฏิบัติเช่นนั้น ผู้ได้รับผลเสียหายที่สุดคือตนเอง  เพราะจะติดนิสัยการเรียนรู้แบบผิวเผินไปตลอดชีวิต  พ่อแม่ที่รักลูกพึงกวดขันลูกในเรื่องนี้

สื่อมวลชนไทยมีการคัดลอกโดยไม่อ้างอิงอยู่เสมอ  ควรมีการทำงานร่วมกับสมาคมต่างๆ ด้านสื่อมวลชน เพื่อทำความเข้าใจเรื่องนี้  และผู้ละเมิดแบบจงใจพึงได้รับโทษ โดยมาตรการทางสังคม และมาตรการทางกฎหมาย อย่างที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ

กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานวิชาการที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ  จึงควรพิจารณาระบบจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทุจริตในการเสนอผลงานเพื่อขอตำแหน่ง คศ.  ที่มีข่าวอยู่เสมอว่ามีการว่าจ้างให้ผู้อื่นทำให้

จรรยาบรรณทางวิชาการไม่ได้มีเฉพาะที่เกี่ยวกับผลงานทางวิชาการเท่านั้น  ยังมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างนักวิชาการด้วยกัน  ความสัมพันธ์ระหว่างนักวิชาการกับสถาบันที่ตนสังกัด  ระหว่างนักวิชาการกับแหล่งทุนสนับสนุน  ระหว่างสถาบันวิชาการกับแหล่งทุนสนับสนุน

ที่จริงหน่วยงานที่เป็นแหล่งทุนสนับสนุนก็เป็นหน่วยงานวิชาการ จึงพึงมีข้อกำหนดจรรยาบรรณของหน่วยงาน และของผู้ปฏิบัติงานด้วย  ประเด็นที่พึงพิจารณาคือความประพฤติของเจ้าหน้าที่ ที่แสดงอำนาจเหนือในฐานะ “ผู้ให้ทุน”  ขาดความเคารพและให้เกียรติผู้รับทุนตามสมควรรวมทั้งกรณีให้ทุนแล้วเจรจาผลประโยชน์แก่ตนเองในรูปแบบต่างๆเช่นขอให้พาไปต่างประเทศขอให้ซื้อคอมพิวเตอร์ให้เป็นต้น

วารสารวิชาการเป็นอีกแหล่งหนึ่งของการปกป้องรักษาและส่งเสริมจรรยาบรรณทางวิชาการ  วารสารควรประกาศข้อยึดถือและข้อปฏิบัติของวารสารในกรณีมีการกล่าวหาว่ามีการประพฤติผิดจรรยาบรรณทางวิชาการเกี่ยวข้องกับรายงานผลการวิจัยที่ได้ลงพิมพ์ในวารสารไปแล้วในกรณีที่พิสูจน์ได้ชัดเจนว่ามีการทุจริตทางวิชาการวารสารพึงถอนรายงานนั้นออกจากรายการในวารสารไม่ว่ารายงานนั้นจะได้ตีพิมพ์ไปนานเพียงใดแล้วประกาศให้วงการวิชาการรับทราบอย่างกว้างขวางทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องปรามนักวิชาการรายอื่นๆ

ในยุคสมัยทุนนิยม ที่วิชาการบางส่วนกลายเป็นธุรกิจ  มีการโฆษณาสินค้าวิชาการ  ตามแนวทางธุรกิจ  เป็นประเด็นที่หน่วยงานกำกับดูแลระบบวิชาการพึงเอาใจใส่  หากไม่มีการจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง  ในที่สุดระบบคุ้มครองผู้บริโภคจะเข้ามาดูแล  พลังของจรรยาบรรณทางวิชาการก็จะยิ่งอ่อนแอลงไป

จรรยาบรรณทางวิชาการเป็นเครื่องมือของพลังความดี  พลังเชิงบวก  ที่จะสร้างความวัฒนาถาวรให้แก่สังคม  ดังนั้น พลังนี้จะเกิดผลจริง เมื่อสังคมยึดถือปฏิบัติจนกลายเป็นวัฒนธรรม เป็นคุณค่าของสังคม  ยิ่งกว่าปฏิบัติเพราะเกรงกลัวโทษ

 

…………………………

 

ในวันประชุมไฟดับ เสียเวลาไปเกือบ ๑ ชั่วโมง  แต่การนำเสนอของ รศ. ดร. วริยา ชินวรรโณ, ศ. นพ. ยง ภู่วรวรรณ, และ ศ. ดร. ยอดหทัย เทพธรานนท์ ให้ทั้งความรู้และความสนุกสนาน  ใช้เวลา ๑ ชั่วโมงครึ่ง ได้อย่างทรงคุณค่า

ข้อเรียนรู้ของผมคือ ประเด็นทางจริยธรรมมันเกิดใหม่ตลอดเวลา  ที่ฮ็อตที่สุดเวลานี้ คือที่เกี่ยวกับการตีพิมพ์และเกี่ยวกับวารสารสามานย์ ที่ลงบันทึกเมื่อวันที่ ๒๓ ต.ค. ๕๕

 

 

วิจารณ์ พานิช

๒๑ ต.ค. ๕๕

 

บทความอาจารย์วิจารณ์ พานิช เรื่องกติกา

พิมพ์ PDF

วันที่ ๑๖ ต.ค. ๕๕ มีการประชุมคณะกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์ประจำเดือนตุลาคม  ผมอ่านแฟ้มซึ่งหนากว่า ๒ นิ้ว แล้วบอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของการกำกับดูแลที่ดี  ที่มีการปฏิบัติตามกติกาที่หน่วยงาน regulator (ในที่นี้คือ ธปท.) กำหนด  ที่เรียกว่ามี compliance

 

แปลกมาก ที่ในชีวิตของผม ต้องทำงานภายใต้กฎเกณฑ์กติกามากมาย  แต่ผมจะไม่บ่นแสดงความไม่พอใจกติกาเหล่านั้น  แต่ผมจะตีความกติกา ว่าจะมีวิธีปฏิบัติตามให้ได้ compliance ด้วย และก่อความเจริญให้แก่องค์กรหรือหน่วยงานที่ผมสังกัดด้วย อย่างไร  หากไม่แน่ใจ ผมก็จะหารือหน่วยกำกับดูแลเหล่านั้น  และชี้ให้เห็นว่า หากยืดหยุ่นให้ผมปฏิบัติตามที่ผมเสนอ  จะได้ประโยชน์หลายต่ออย่างไร (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประโยชน์ต่อส่วนรวม)  โดยที่ไม่ได้ขอลดหย่อนกติกา แต่ต้องการการตีความกติกาที่บางครั้งผู้ร่างไม่ได้คำนึงถึงบริบทที่แตกต่างหลากหลาย จึงเขียนไว้แคบหรือรัดรึงเกินไป

 

ผมเดาว่าพฤติกรรมเช่นนี้ของผม ที่ถือปฏิบัติมาตั้งแต่อายุน้อยๆ คงจะส่งผลดีต่อชีวิตของผมในขณะนี้ อย่างที่ผมไม่เคยคิดฝันว่าชีวิตจะได้ดีถึงขนาดนี้  ขออนุญาตเอามาเล่าไว้ ว่าพลังแห่งความสร้างสรรค์ มีคุณต่อชีวิตของคนเราจริงๆ

 

กลับมาที่การประชุมคณะกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์  ในวันนี้มีการทบทวนนโยบายสำคัญๆ มากมาย  เช่น การทบทวนนโยบายการบริหารความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยใน บัญชีเพื่อการธนาคาร ประจำปี ๒๕๕๕, การทบทวนนโยบายการบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ประจำปี ๒๕๕๕, การทบทวนนโยบายการทดสอบภาวะวิกฤต ประจำปี ๒๕๕๕, การทบทวนนโยบายกระบวนการประเมินความเพียงพอของเงินกองทุน ประจำปี ๒๕๕๕, การทบทวนนโยบายบริหารความเสี่ยงด้านตลาดและนโยบายบริหารฐานะในบัญชีเพื่อการค้า ประจำปี ๒๕๕๕, การทบทวนนโยบายป้องกันการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย, การทบทวนระเบียบผลิตภัณฑ์สำหรับธุรกรรมอนุพันธ์ ประจำปี ๒๕๕๕

 

ผมตีความว่า นี่คือการทำหน้าที่ บอร์ด ที่เน้นกำกับดูแลอย่างระมัดระวัง และปฏิบัติตามกติกาของบ้านเมือง  โดยที่มีการดูแลอย่างพอเหมาะพอดี  คือ บอร์ด ไม่ได้ลงไปที่รายละเอียด  แต่ฝ่ายบริหารไปคิดรายละเอียดนำมาเสนอ  เพื่อให้ บอร์ด ได้พิจารณาในภาพใหญ่ ว่าธนาคารที่น่าเชื่อถือของสังคมจะต้องระมัดระวังอย่างไร

 

สิ่งที่ธนาคารไทยพาณิชย์ระวังอย่างยิ่ง คือกรรมการต้องไม่แสวงประโยชน์จากธุรกิจของธนาคาร  ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม  ซึ่งสำหรับผมสบายมาก เพราะผมแสวงประโยชน์ไม่เป็นไมว่าเรื่องใด

 

 

วิจารณ์ พานิช

๒๕ ต.ค. ๕๕


 

เที่ยวอัมพวากับอาจารย์วิจารณ์ พานิช

พิมพ์ PDF

เที่ยวสวนในที่นี้ หมายถึงสวนสมุทรสงคราม  ผมเคยบันทึกมาเที่ยวสมุทรสงครามเมื่อกว่า ๓ ปีมาแล้วไว้ถึง ๖ ตอน อ่านได้ที่นี่ คราวนั้นไปกับผู้พิพากษา และพักที่รีสอร์ทหรูคือบ้านอัมพวา

คราวนี้ไปกับนักวิจัย คือคณะ HITAP พักที่ เดอะเกรซอัมพวาเข้าตรงวัดช่องลม  พอเลยกำแพงวัดก็มีซอยเล็กๆ เป็นทางไป รีสอร์ท มากมาย  ระยะทางประมาณ ๒ ก.ม.  ถนนลาดยางเล็กๆ ผ่านสวนอันร่มรื่น

เช้าวันที่ ๖ ต.ค. ๕๕ เราขับรถออกจากบ้านแต่เช้ามืด  ข้ามสะพานพระราม ๔  ไปออกถนนกาญจนาภิเษก  เพื่อไปออกถนนพระราม ๒  แบบเดียวกับเมื่อ ๓ ปีก่อน  แต่คราวนี้ถนนซับซ้อนกว่าเดิมมาก  ทำให้เราคิดว่าหลงทาง  ป้ายบอกว่าถนน ๓๕ เข้าเขตจังหวัดสมุทรสาคร  ผมบอกให้สาวน้อยดูแผนที่ว่าถนน ๓๕ อยู่ตรงไหน  เธอดูแล้วบอกว่าไม่มี  ผมจึงคิดว่าเป็นถนนใหม่เข้าจังหวัดสมุทรสาคร  จึงเลี้ยวกลับ และหาทางใหม่  ทำให้เราเสียเวลาเกือบชั่วโมงครึ่ง วนเป็นวงใหญ่ ไปออกบางแค  วนผ่านบางบอน กลับไปที่ถนน ๓๕ ที่เดิม  ซึ่งถึงช่วงเวลานั้นสาวน้อยหาในแผนที่พบแล้วว่า ถนน ๓๕ ก็คือถนนพระราม ๒ นั่นเอง

เราจึงไปถึงตลาดสมุทรสงครามเวลาประมาณ ๘.๓๐ น.  เราเลี้ยวไปด้านหลังตลาด ได้ที่จอดรถโดยบังเอิญ  และเดินไปเพียงประมาณ ๑๐ เมตร ก็พบร้านก๋วยจั๊บเข้าพอดี  ตอนนี้ขึ้นราคาเป็นชามละ ๑๒ บาท  ผมเข้าไปขอซื้อชนิดชามละ ๒๐ บาท  อิ่มตื้อที่เดียว

เพื่อแก้ความเครียดที่เกิดจากหลงทาง ผมจึงรางวัลตัวเองด้วยข้าวเม่าทอด ๑ แพ  ๓ ลูก  และกล้วยแขกทอด ฟักทองทอด  ซื้อจากร้านที่เดินผ่าน  กล้วยแขกและฟักทองทอดเป็นของทอดใหม่ร้อนๆ  จึงอร่อยมาก  แต่โชคร้าย ข้าวเม่าทอดเป็นของเก่า  คงจะเหลือมาจากเมื่อวาน  ผมจึงได้เรียนรู้วิธีซื้อข้าวเม่าทอดตอนเช้า  ที่จะต้องสังเกตให้ดีว่าไม่ใช่ของเหลือค้างคืน

ตอนบ่ายเป็นการประชุม retreat และประชุมคณะกรรมการมูลนิธิ  ซึ่งท่านรองประธาน (นพ. สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ) ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมเราได้ให้คำแนะนำเชิงสร้างสรรค์มากมาย

เวลา ๑๖.๓๐ น. ทุกคนมาพร้อมกันตรงเวลา เพื่องลงเรือล่องชมวิวและไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา   จากแม่น้ำแม่กลอง เรือพาเราเข้าคลองผีหลอก  ไปจนถึงสี่แยก ทางขวาเป็นคลองหมาหอน ทางซ้ายเป็นคลองอัมพวา  เรือเลี้ยวเข้าคลองอัมพวา   ผ่านอาคารหลังใหญ่ที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จและเป็นกรณีขัดแย้งกับชาวบ้าน  ผมกลับมาค้นข่าวที่บ้านจึงรู้ว่าเป็นอาคารโรงแรมชูชัยบุรีศรีอัมพวา ดังข่าวนี้ เรือ พาเราไปชมชุมชนโบราณสองฝั่งคลอง  เขาชี้ให้เราดูบ้านเดิมของครูเอื้อ สุนทรสนาน  และพาเราทะลุปากคลองอัมพวาไปส่งเราขึ้นบกที่ฝั่งแม่น้ำแม่กลองตรงหน้าที่ว่าการอำเภออัมพวา  ให้เราเดินเล่นชมตลาด

ผมจึงได้ความสาวชมตลาด ระลึกชาติเมื่อ ๓ ปีก่อน ที่เคยมาเที่ยว เอารถไปจอดที่วัดฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ และนั่งเรือข้ามฟากไปเที่ยวตลาดแบบเดียวกัน

เย็นวันศุกร์ ตลาดเพิ่งเริ่มติด  คนพอมีแต่ไม่มากนัก  เขาบอกว่าวันเสาร์คนมากที่สุด   ผมสังเกตว่า เขาดูแลความสะอาดดีขึ้น  และตลาดส่วนใหญ่อยู่บนบก  ที่อยู่ริมน้ำบนบ้านเก่าก็มีด้วย  ที่เป็นเรือข้ายสินค้ามีแต่เรือขายก๋วยเตี๋ยวเรือและอาหารอื่นหย่อมเดียว

เราไปถ่ายรูปบนสะพานข้ามคลอง  และชื่นชมเพลงสุนทราภรณ์ที่มีวงดนตรีเล็กๆ มาร้องอยู่ริมคลอง  ไพเราะและได้บรรยากาศมาก

เราต้องรีบกลับ เพราะฝนตั้งเค้า  และระหว่างนั่งเรือกลับฝนก็ตกลงมา โชคดีที่ตกไม่หนักมาก  แต่ตอนกลางคืนฝนตกหนักมาก

หลังกินอาหารเย็นที่โรงแรม ผมกลับไปอาบน้ำที่ห้องพัก ซึ่งเป็นห้องที่ดีที่สุดริมน้ำชั้นบน  ตอนเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม  ได้มีโอกาสเห็นหิ่งห้อยที่ต้นลำพูต้นที่อยู่ริมน้ำหน้าห้องเยื้องไปทางซ้าย  มีหิ่งห้อยเกาะเป็นร้อยตัว และกระพริบแสงเป็นจังหวะพร้อมกัน สวยงามมาก  เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นหิ่งห้อยเกาะบนต้นลำพูมากเต็มต้น และกระพริบพร้อมกันอย่างนี้ เมื่อผมกลับจากการประชุมรอบค่ำ  มาดูใหม่ตอนสามทุ่มครึ่ง ไม่มีหิ่งห้อยที่ต้นนั้นแล้ว  มีที่ต้นอื่นไม่กี่ตัว

ที่ The Grace Resort มีจักรยานให้ขี่เล่น  หลังอาหารเช้าผมจึงขี่ไปชมสวน ทั้งใน รีสอร์ท ซึ่งมีบริเวณใหม่อยู่ตรงกันข้ามถนนซอยด้วย  แล้วขี่ไปชมสวนมะพร้าวที่ยกร่องปลูกแบบเดียวกับที่บ้านผมที่ชุมพรสมัยผมเป็นเด็ก  ทำให้ระลึกชาติสมัยเป็นเด็กไปเล่นที่สวนมะพร้าว และซ้อมกระโดดข้ามท้องร่อง  หรือเล่นกระโดดข้ามแข่งกัน  คนที่กระโดดไม่เก่งก็ตกท้องร่องไปตามระเบียบ

จากการนั่งเรือชมแม่น้ำและคลอง ผมสังเกตว่ามี โฮมสเตย์ เกิดขึ้นใหม่มากมาย  ทำให้คิดว่าทางจังหวัดได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบที่มีการกระจายรายได้  และเกิดความคิด ว่าการพัฒนาจังหวัด เปรียบเทียบระหว่างจังหวัดสมุทรสาคร ที่เน้นอุตสาหกรรม  กับจังหวัดสมุทรสงคราม ที่เน้นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม  ชาวบ้านของจังหวัดไหนได้ประโยชน์กว่ากัน  นี่คือโจทย์วิจัยที่ขอเสนอไว้

 

วิจารณ์ พานิช

๖ ต.ค.​ ๕๕

 

 

 

ภาวะผู้นำกับการคิดนอกกรอบโดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

พิมพ์ PDF

บรรยายเรื่อง ภาวะผู้นำกับการคิดนอกกรอบ

วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2555 ผมได้รับเกียรติจากสถาบันพัฒนาครูคณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ให้บรรยายเรื่องภาวะผู้นำกับการคิดนอกกรอบ ในหลักสูตรพัฒนานักบริหารการศึกษาระดับสูงกระทรวงศึกษาธิการ (นศส.ศธ.)

สาระสำคัญ คือ

1. การคิดคือพลังของผู้นำ

2.การพัฒนาการคิดนอกกรอบและการคิดสร้างสรรค์

3.การใช้เทคนิคการคิดนอกกรอบเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า

4. บทบาทของผู้นำในการคิดสร้างสรรค์เพื่อความสำเร็จขององค์การ

5. การคิดนอกกรอบที่สะท้อนภาวะผู้นำ

6. การพัฒนาความคิดเพื่อการบริหารจัดการศึกษาของประเทศให้ทันสมัย

7. อื่นๆ เช่น ประสบการณ์ หรือแนวคิดของวิทยากร
ที่เป็นประโยชน์ต่อนักบริหาร

วัตถุประสงค์ของการเรียนวันนี้

1. เรียนรู้ความสำคัญของภาวะผู้นำ

2. เรียนรู้บทบาทของผู้นำในการคิดสร้างสรรค์เพื่อความสำเร็จขององค์การ
3. จุดประกายสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกท่านเกิดพลังในการที่จะเป็นผู้นำความสำเร็จขององค์การด้วยการมีวิธีการคิดแบบสร้างสรรค์คิดนอกกรอบได้

4. สร้างความเข้าใจวิธีการพัฒนาภาวะผู้นำและวิธีการคิดแบบสร้างสรรค์และคิดนอกกรอบ

5. สร้างโอกาสจากการเรียนรู้ร่วมกัน

6. สร้างสังคมการเรียนรู้ร่วมกัน

ผมจึงอยากให้ใช้ Blog นี้ในการแลกเปลี่ยนความเห็นซึ่งกันและกันครับ




· เลขที่บันทึก: 507684 
· สร้าง: 05 พฤศจิกายน 2555 14:12 · แก้ไข: 05 พฤศจิกายน 2555 14:34
· ผู้อ่าน: 97 · ดอกไม้: 1 · ความเห็น: 5 · สร้าง: ประมาณ 19 ชั่วโมง ที่แล้ว
· สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง

ภาวะผู้นำกับการคิดนอกกรอบ

ศาสตราจารย์ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

และคุณพิชญ์ภูรี พึ่งสำราญ

 

วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน  2555 เวลา 13.00 – 16.00 น.

ณ ห้องอาคมจันทสุนทร อาคารเฉลิมพระเกียรติ สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา ตำบลไร่ขิง      อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม

 

การคิดนอกกรอบเป็นสิ่งที่สำคัญ บุคลากรของกระทรวงศึกษาต้องคิดนอกกรอบ ทำอะไรใหม่ๆเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

ไอนสไตร์ เป็นนักวิทยาศาสตร์ ของการคิดนอกกรอบ

สตีฟ จอฟส์  เป็นบุคคลที่สร้างการคิดนอกกรอบ และนวัตกรรม

 

วัตถุประสงค์ของการเรียนวันนี้

  1. เรียนรู้ความสำคัญของภาวะผู้นำ
  2. เรียนรู้บทบาทของผู้นำในการคิดสร้างสรรค์เพื่อความสำเร็จขององค์การ
  3. จุดประกาย สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกท่านเกิดพลังในการที่จะเป็นผู้นำความสำเร็จขององค์การด้วยการมีวิธีการคิดแบบสร้างสรรค์ คิดนอกกรอบได้
  4. สร้างความเข้าใจวิธีการพัฒนาภาวะผู้นำ และวิธีการคิดแบบสร้างสรรค์และคิดนอกกรอบ
  5. สร้างโอกาสจากการเรียนรู้ร่วมกัน
  6. สร้างสังคมการเรียนรู้ร่วมกัน

 

วิธีการเรียนรู้ของ ดร.จีระ

  • 4L’s
  • Learning Methodology  มีวิธีการเรียนรู้ที่ดี
  • Learning Environment  สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้
  • Learning Opportunities สร้าง/เกิดโอกาสจากการเรียนรู้
  • Learning Communities  สร้าง/เกิดชุมชนแห่งการเรียนรู้
    • 2R’s
  • Reality - มองความจริง
  • Relevance - ตรงประเด็น

 

  • 2I’s
  • Inspiration – จุดประกาย
  • Imagination - สร้างแรงบันดาลใจ
    • 3L’s
  • Learning from pain  เรียนรู้จากความเจ็บปวด หรือ ความล้มเหลว
  • Learning from experiences เรียนรู้จากประสบการณ์
  • Learning from listening  เรียนรู้จากการรับฟัง เช่น นางฮิลลารี คลินตัน เป็นคนทีรับฟังมาก
    • C – U – V
  • Copy
  • Understanding
  • Value Creation/Value added/ Value Diversity ในทางศึกษามีมากเพราะประเทศไทยกำลังเข้าสู่อาเซียน  ต้องเปลี่ยน Diversity ให้เป็น Harmony ให้ได้

 

วันนี้..เราเน้นเรื่องภาวะผู้นำ หรือ Leadership แต่จะเน้นเป็นพิเศษตามโจทย์ คือ ภาวะผู้นำ (Leadership) กับ การคิดนอกกรอบ หรือ Thinking outside the box

 

Leadership ในมุมมองต่าง ๆ ตามแนวทางที่ผมใช้อยู่ ดังต่อไปนี้

1. Leaders / Managers

  • อย่าทำตัวเป็น Manager แต่ต้องทำตัวเป็น Leader
  • และต้องเป็นผู้นำ เน้นที่คน ต้องมองระยะยาว เน้นนวัตกรรม มองอนาคต

2. การบริหารการเปลี่ยนแปลง  กรณีศึกษาจีน 5 รุ่น

รุ่นที่ 1 เมาเซอตุง

รุ่นที่ 2 เติ้ง เสี่ยว ผิง

รุ่นที่ 3 เจียง ซี มิน

รุ่นที่ 4 หู จิ่นเทา

รุ่นที่ 5 สิ จินผิง ต้องเก่งเรื่องเศรษฐกิจ+ ประชาธิปไตย ต้องมีการกระจายรายได้ ไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ

3 Leaders/Teachers ผู้นำต้องเป็นครูด้วย

4 Leaders ต้องสร้างผู้นำรุ่นใหม่  ขอแนะนำหนังสือที่น่าสนใจ คือ Leaders at all Levels ของ Ram Charan

5 Leadership กับ Creativity การที่จะสร้างความคิดสร้างสรรค์ให้กับลูกน้อง ลูกศิษย์เป็นสิ่งสำคัญ เป็นการสร้างประโยชน์ในทางศึกษาให้ดีขึ้น ซึงต้องกระตุ้นให้เด็กได้คิด วัฒนธรรมองค์กรต้องกล้าให้คนแสดงออก และต้องมีไอเดียใหม่ ได้มาจากการอ่านหนังสือมากขึ้น การมีโอกาสใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การออกนอกระบบ การออกไปเจอคนมากขึ้น  และประทะกับคนที่มีความสามารถ

จุดอ่อนของสังคมไทยในวันนี้
(1) เรายังไม่ได้สร้างบรรยากาศในการ Share ความรู้ร่วมกันในองค์กร

(2) การบริหารส่วนใหญ่ยังเป็นแบบ Top down อยู่ ซึ่งจะเน้น Command and Control หรือเป็นการทำงานแบบแนวดิ่ง Vertical
**Power มีไว้สำหรับ Participate ในทุกระดับ

(3) ส่วนใหญ่ทำงานเยอะ Working แต่ Think Strategies (คิดเชิงยุทธศาสตร์มีไม่มาก)

(4) การทำงานเป็นทีมมีแต่ในระดับ Function ได้ดีแต่ไม่ Cross Function  เพราะทำงานแบบ Silo มาก

Mind mapping และBlue Oceans เป็นวิธีที่สร้างความคิดสร้างสรรค์ที่ดี

 

6. Leadership กับ Thinking outside the box

 

ผู้นำกับการคิดนอกกรอบได้เพราะอะไร และต้องทำอะไร  แต่เท่านี้ไม่พอ เพราะแค่คิดไม่ได้ ต้องเอาไปทำด้วย Creativity + Thinking outside the box + Get things done

Inside the box คือ วิธีการทำงานแบบเดิม ทำงานซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งมีประโยชน์ในอดีต แต่ในปัจจุบันใช้ไม่ได้แล้ว หากกฎระเบียบทำให้ Performance ในการเรียนมีปัญหา จึงค่อยๆคิดให้ออกนอกกรอบ ขอแนะนำหนังสือ Break on the Rule และมีกฎ Paradigm Shift คล้ายกับการคิดนอกกรอบ การแหวกวงล้อมที่มองเห็น และมองไม่เห็น คือ intangible หรือ วัฒนธรรมองค์กร

การออกนอกกรอบ ต้องไม่ออกเร็วเกินไป ต้องมี Basic เป็นคนดี คิดเป็น วิเคราะห์เป็น เน้นเรื่อง  Inside the box ให้แน่นก่อน ศึกษาทุกอย่างก่อน ต้องเน้นทฤษฎี 2 R

Thinking outside the box คือ พยายามหลุดจากพันธนาการที่มีอยู่ แต่คิดอย่างเดียวไม่พอ ต้องคิดแล้วไปทำด้วย คือ ต้อง Realistic และ Practical

 

อุปสรรค คือ

  1. ไม่กล้าคิดนอกกรอบ กลัวจะถูกมองว่าผิด (Fear)
  2. วัฒนธรรมองค์กรไม่เอื้ออำนวย
  3. ตัวเองไม่รู้ตัวเอง ไม่ใฝ่รู้ ไม่เปิดกว้าง (Openness)
  4. ขาด Role Model ที่ดี
  5. ขาด Teamwork ที่ดี
  6. ขาด Incentives แรงจูงใจ ที่เหมาะสม

 

วิธีการทำให้เกิดขึ้น ก็คือ

  1. ผู้นำต้องเป็นผู้ฟังที่ดี และเป็น Gardener ที่ดี ต้องมีการพรวนดิน รดน้ำ เอาใจใส่
  2. สนับสนุนให้เกิดความคิดใหม่ ๆ เสมอ และยกย่องให้เกียรติ (respect)
  3. เน้นคุณค่า(Value) ของความคิดใหม่ ๆ ที่หลุดจากแนวเดิม ๆ และนำไปปฏิบัติ ส่วนใหญ่จะเกิดในบรรยากาศที่เอื้ออำนวย บรรยากาศสะดวกสบาย
  4. มีแนวทางใหม่ ๆ หรือ New Perspective ที่ไม่ใช่งานประจำ หรือ day to day หรือทำงานแบบเสมียน
  5. พร้อมจะนำเอาความคิดไปทำให้เกิดมูลค่าแบบ 3 V

Value added การทำอะไรแล้วได้มูลค่าเพิ่มขึ้น

Value Creation ความคิดใหม่ๆ เชื่อมโยงกับ Thinking outside the box

Value Diversity ความหลากหลายในระบบการศึกษา เช่น คนในระบบการศึกษา บทบาทของหญิง และชาย ความคิดที่แตกต่าง  ความแตกต่างทางเชื้อชาติ วัฒนธรรม

 

คุณพิชญ์ภูรี พึ่งสำราญ

1 where are we  สำรวจความเป็นผู้นำ ซึ่งหาได้จากทฤษฎี 8K 5K

  • ผู้นำต้องมีความฉลาดหลักแหลม
  • ผู้นำต้องมีความยุติธรรม และมีเหตุมีผล สั่งการได้
  • ผู้นำต้องมีความเสียสละ
  • ผู้นำต้องมีความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว
  • ผู้นำต้องมีความคิดริเริ่ม
  • ผู้นำต้องมีความมานะ บากบั่น
  • ผู้นำต้องมีความสนใจและใส่ใจการศึกษา
  • ผู้นำต้องผู้นำต้อง ความซื่อตรง
  • ผู้นำต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น

การคิดนอกกรอบ ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ เกิดจากความรู้ที่เรามี และ จินตนาการ

2. Where we want to go  แต่ละท่านมีจุดอ่อน จุดแข็งต่างกันไป

- บุคลิกดี

- ลีลาการพูดดี

- มีสมาธิ

- มีความสามารถในการจดจำ

ความคิดสร้างสรรค์ มาจากความคิดริเริ่ม

กลยุทธ์ในการบริหารความเป็นผู้นำ  คือ Reality และ Practical ต้องดู SWOT จุดอ่อน จุดแข็ง ดูเรื่องที่เราเชี่ยวชาญก่อน เลือกศึกษาเรื่องทีเป็นจริง และ เรื่องที่ตรงกับงาน

การกระจายรายได้ และใช้อินเตอร์เน็ตในการศึกษา เรื่องนี้กระทรวงศึกษาควรนำมาคิดต่อยอด เพื่อให้เกิดประโยชน์

ผู้นำ หากไม่มีความใฝ่รู้ จะเป็นผู้นำลำบาก

 

ให้แต่ละกลุ่มวิจารณ์ 1 ประเด็นหลังจากฟังการบรรยาย

 

กลุ่ม 1 มองว่าในปัจจุบัน หน่วยงานทางการศึกษา ซึ่งมีกฎระเบียบมากกมาย มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก ซึ่งเป็นกรอบที่ทำให้ปฏิบัติตาม การทำให้ออกนอกกรอบ ผู้บริหารต้องรับฟัง

 

กลุ่ม 2 เห็นด้วยกับการคิดนอกกรอบ แต่ในราชการตอนนี้เป็นการคิดก้าวกระโดดเร็วไป เพราะในกรอบก็ยังไม่พร้อม

 

กลุ่ม 3 การคิดนอกกรอบเป็นเรื่องที่ดี ภาคของโรงเรียนทำได้เยอะ ไม่จำเป็นต้องทำในกระทรวงเท่านั้น อยากให้มีคำว่า ต้องทำได้จริง และลงมือทำ  และต้องแสวงหาโอกาสที่จะทำด้วย เพื่อให้มีประโยชน์กับสังคม ต้อง Outside in และ Inside out

 

กลุ่ม 4 การคิดนอกกรอบต้องดูความเหมาะสมกับบริบทของทั้งองค์กร มีความละเอียดอ่อน และผู้ที่ตัดสินความถูกต้องจะมีคุณธรรมเพียงพอหรือเปล่า

 

กลุ่ม 5 สนใจเรื่องการเปลี่ยนผ่านยุคผู้นำของจีน แต่วัฒนธรรมการศึกษาของไทยมักจะอิงทางการเมือง คนคิดนอกกรอบมักจะโต แต่คนที่โตคือคนที่ทำตามคนอื่น

 

กลุ่ม 6 ทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งการคิดนอกกรอบมีทั้งบวกและลบ ทางบวกคือเกิดให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ และสังคมยอมรับ

 

Workshop

  1. ลองสำรวจระดับภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบเพื่อการพัฒนาในกลุ่มของท่านอยู่ในระดับใด (ให้คะแนน 0 – 10)
  2. ปัญหาและอุปสรรคที่พบจากการที่ขาดภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบคืออะไร (3 เรื่อง) และต้นเหตุของปัญหาและอุปสรรคเหล่านั้น คืออะไร? ยกตัวอย่างกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว อย่างละ 1เรื่อง
  3. เสนอโครงการเพื่อพัฒนาภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบที่เหมาะสมกับกลุ่มของท่าน 1 โครงการที่ปฏิบัติได้ พร้อม Action Plan

Workshop

กลุ่ม 1

  1. ลองสำรวจระดับภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบเพื่อการพัฒนาในกลุ่มของท่านอยู่ในระดับใด (ให้คะแนน 0 – 10)

ระดับ 5.8 คะแนน

  1. ปัญหาที่พบจากการที่ขาดภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบคืออะไร (3 เรื่อง)

และต้นเหตุของปัญหาเหล่านั้น คืออะไร? ยกตัวอย่างกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว อย่างละ  1เรื่อง

ปัญหา

1.นโยบายที่ไม่เอื้อต่อการคิดนอกกรอบ

2. ไม่มีแรงจูงใจ

3. ไม่กล้าที่ตะคิดนอกกรอบ

สาเหตุ

1. ภาวะที่ขาดองค์ความรู้

2. วัฒนธรรมที่ให้คิดนอกกรอบไม่มีการเอื้อ

3. ความตั้งใจในการกำหนดเป้าหมายไม่เพียงพอ

ตัวอย่างที่ล้มเหลว

1. การปฏิรูประบบราชการ เนื่องจากการทำงานทีซ้ำซ้อน

ตัวอย่างที่สำเร็จ

การจัดหลักสูตรที่เป็นไปตามบริบทของกลุ่มชาติพันธุ์นั้นๆ เช่น ชาวเขา มอร์แกน

 

3. เสนอโครงการเพื่อพัฒนาภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบที่เหมาะสมกับกลุ่มของท่าน 1 โครงการที่ปฏิบัติได้ พร้อม Action Plan

โครงการจอมยุทธ์ไร้เทียมทาน ต้องการพัฒนาคนในองค์กรทังหมดเพื่อให้ทักษะ และความสามารถในการคิดนอกกรอบทั้งผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติ

ดร.กระจ่าง: ที่ท่านบอกว่าขาดแรงจูงใจ แต่แรงจูงใจเกิดจากภายใน

โครงการของท่านรกว้างเกิดไป ผิดธรรมชาติขิง Creativity

คนแรกจะจุดประกาย คนที่ 2 เป็นทำ คนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่ 3 ประเทศไทยต้องเอาที่คิดแล้วและจึงนำมาต่อยอด

คุณพิชญ์ภูรี:  กลุ่มนี้มีความกล้าหาญเพราะดึงปัญหา และหาต้นเหตุเจอ ความซ้ำซ้อนทางภารกิจ ต้องบูรณาการระหว่างหน่วยงาน ต้องทำการบริหารเครือข่าย ต้องอย่าเอาคนเก่งเรื่องเดียวกันมาไว้กลุ่มเดียวกัน และสังเคราะห์ให้เกิดประโยชน์

ศ.ดร.จีระ: ต้องสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานข้างนอกถึงจะดี

กลุ่ม 2

  1. ลองสำรวจระดับภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบเพื่อการพัฒนาในกลุ่มของท่านอยู่ในระดับใด (ให้คะแนน 0 – 10)

คะแนนเฉลี่ย 7 คะแนน

  1. ปัญหาที่พบจากการที่ขาดภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบคืออะไร (3 เรื่อง) และต้นเหตุของปัญหาเหล่านั้น คืออะไร? ยกตัวอย่างกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว อย่างละ  1เรื่อง

ปัญหา

1.กฎระเบียบจำกัด

2.ผลการประเมิน

3. เวลาเข้างาน

  1. เสนอโครงการเพื่อพัฒนาภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบที่เหมาะสมกับกลุ่มของท่าน 1 โครงการที่ปฏิบัติได้ พร้อม Action Plan

พัฒนาความรู้ และดูว่าต้องมีความมุ่งมั่น

การคิดนอกกรอบเป็นรางวัลของความภาคภูมิใจ และประสบความสำเร็จ ซึ่งต้องเริ่มจากตัวเราเองก่อน

ดร.กระจ่าง: กลุ่มนี้ไม่ได้คิดนอกกรอบเลย

คุณพิชญ์ภูรี: ปัญหาการเข้างานเลือนเวลาเข้างาน เป็นตัวอย่างที่ดี ซึ่งใกล้กับการคิดนอกกรอบ  ต้องเริ่มที่ตนเอง ต้องทำให้สำเร็จ

ศ.ดร.จีระ: ขอให้กำลังใจในการพยายามเอาชนะอุปสรรค ขอให้มีความมุ่งมั่นต่อไป และทำงานเพื่อส่วนรวม  เรียกว่าทฤษฎี  3 ต  คือ ต่อเนื่อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง

กลุ่ม 3

  1. ลองสำรวจระดับภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบเพื่อการพัฒนาในกลุ่มของท่านอยู่ในระดับใด (ให้คะแนน 0 – 10)

ระดับ 6 คะแนน

  1. ปัญหาที่พบจากการที่ขาดภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบคืออะไร (3 เรื่อง) และต้นเหตุของปัญหาเหล่านั้น คืออะไร? ยกตัวอย่างกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว อย่างละ  1เรื่อง

ปัญหา

กฎระเบียบข้อบังคับ

ตัวผู้บริหารสั่งการแต่ไม่รับฟัง

สาเหตุ

วัฒนธรรมองค์กร

ล้มเหลว

การกระจายอำนาจให้กับสถานศึกษาเพื่อให้โรงเรียนเป็นนิติบุคคล

สำเร็จ

การปฏิบัติงานของกศน. เพราะสามารถสร้างศูนย์การเรียนรู้ชุมชน

การบรรจุพนักงาน 8000 อัตรา

  1. เสนอโครงการเพื่อพัฒนาภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบที่เหมาะสมกับกลุ่มของท่าน 1 โครงการที่ปฏิบัติได้ พร้อม Action Plan

โครงการสรรหาครูผู้ช่วยเองได้  ต้องสอบที่ส่วนกลาง และให้อำนาจกับโรงเรียนอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นการแก้ไขกฎระเบียบ  ยึดเป้าหมายเป็นหลัก อุปสรรคไม่มี

ดร.กระจ่าง: เป็นการริเริ่ม และควรต่อยอดวิธีการใหม่

คุณพิชญ์ภูรี: กลุ่มนี้ขอชื่นชมเรื่องกศน. เพราะเป็นการศึกษาที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติ เพราะเป็นการเรียนรู้นอกระบบ ต้องคิดนอกกรอบออกไป  จุดแรงบันดาลใจในการนำไปคิดต่อ

ศ.ดร.จีระ: แผนพัฒนาแห่งชาติ 11 เป็น Life- long learning society  ในอนาคต กศน.จะมีความสำคัญมาก และควรศึกษา  Educational Strategic Plan

ต้องมีความมุ่งมั่น และพึ่งตนเอง

ประเด็นที่สำคัญ Life- long learning เมื่อถึงอายุ 45 ปี จะประสบความสำเร็จจริงหรือไม่ และจะ Survive ได้หรือไม่

กลุ่ม 4

  1. ลองสำรวจระดับภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบเพื่อการพัฒนาในกลุ่มของท่านอยู่ในระดับใด (ให้คะแนน 0 – 10)

ระดับ 6 คะแนน

  1. ปัญหาที่พบจากการที่ขาดภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบคืออะไร (3 เรื่อง) และต้นเหตุของปัญหาเหล่านั้น คืออะไร? ยกตัวอย่างกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว อย่างละ  1เรื่อง

ปัญหา

1. ระเบียบปฏิบัติ

2. วัฒนธรรมองค์กร

3, ความไม่กล้า ความกลัว

อุปสรรค

- การจัดสรรงบประมาณ การคิดและการได้มาต่างกัน

- การจัดสรรไม่สามารถคิดต่อเนื่องได้

  1. เสนอโครงการเพื่อพัฒนาภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบที่เหมาะสมกับกลุ่มของท่าน 1 โครงการที่ปฏิบัติได้ พร้อม Action Plan

องค์กรต้นแบบคิดนอกกรอบ ต้องแสวงหาองค์ความรู้ของการคิดนอกกรอบ  อ่าน สังเคราะห์ หาข้อสรุป ศึกษาดูงาน  และสังเคราะห์ว่าเป็นอย่าวงไร และสร้างอาสาสมัคร

ดร.กระจ่าง: เป็นโครงการที่ดี แต่ความคิดสร้างสรรค์จะคิดจากคนที่กล้าทำ อย่ารอ

คุณพิชญ์ภูรี: ชอบกลุ่มนี้เพราะสามารถคิดได้ในระยะเวลาที่สั้น มีความรอบคอบในการนำเสนอโครงการ และยอมรับในการใฝ่หาองค์ความรู้ และสังเคราะห์ข้อมูล และเชิญชวนให้คนเข้ามาร่วม

ศ.ดร.จีระ: กลุ่มนี้แสดงให้เห็นถึงความคิดนอกกรอบ มีศักยภาพ แต่สภาพแวดล้อมมักจะไม่เอื้ออำนวย มักจะเกิดเป็นความเคยชิน อยากให้เกิดความหลากหลายของความคิด

 

กลุ่ม 5

  1. ลองสำรวจระดับภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบเพื่อการพัฒนาในกลุ่มของท่านอยู่ในระดับใด (ให้คะแนน 0 – 10)

ระดับ  5.5 คะแนน

  1. ปัญหาที่พบจากการที่ขาดภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบคืออะไร (3 เรื่อง) และต้นเหตุของปัญหาเหล่านั้น คืออะไร? ยกตัวอย่างกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว อย่างละ  1เรื่อง

ปัญหา

1. ผู้นำที่ขาดภาวะผู้นำ

สาเหตุ ตอนนี้มีปัญหาเรื่องการที่ครูที่จ้างเป็นครูชั่วคราวเงินกู้หมด ใช้เกินงบประมาณมาเป็นเงินจ้าง ตั้งหน่วยงานกลาง โดยทำสัญญาจ้างโดยสหวิทยาเขต

ล้มเหลว การที่มีครูอัตราจ้างมี คุณวุฒิต่ำกว่าเกณฑ์

  1. เสนอโครงการเพื่อพัฒนาภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบที่เหมาะสมกับกลุ่มของท่าน 1 โครงการที่ปฏิบัติได้ พร้อม Action Plan

โครงการ อบรมครูผู้บริหารให้มีภาวะผู้นำมาขึ้น

อ.กระจ่าง ท่านต้องรู้เก่าให้ทะลุก่อนถึงจะเริ่มใหม่ได้ และต้องกล้าทำ

คุณพิชญ์ภูรี: ต้องบูรณาการกันเอง

อ.จีระ Creativity และ Think outside the box เป็นเรื่องเดียวกัน ต้องทีความคิดทางวิทยาศาสตร์ต้องมาก่อน ต้องคิดเป็นเหตุเป็นผลก่อน ถึงจะมองเห็นภาพทางความคิดสร้างสรรค์

ปัญหาเด็กไทยที่คิดไม่เป็นระบบมากกว่า 50% เพราะเข้าไปในระดับมหาวิทยาลัยแล้วมีปัญหา แต่เราสารถเรียนตลอดได้เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่เราขาด การที่กล่าวว่า Imagination Important

กลุ่ม 6

  1. ลองสำรวจระดับภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบเพื่อการพัฒนาในกลุ่มของท่านอยู่ในระดับใด (ให้คะแนน 0 – 10)

ระดับ   5.9 คะแนน

  1. ปัญหาที่พบจากการที่ขาดภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบคืออะไร (3 เรื่อง) และต้นเหตุของปัญหาเหล่านั้น คืออะไร? ยกตัวอย่างกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว อย่างละ  1เรื่อง

1.สาเหตุที่เราขาดภาวะผู้นำเพราะเราไม่ได้ฝึกมา ได้แต่ทำตามตำรา เราไม่ได้ถูกฝึกเลย โดยมาเกิดจากการทำงานแล้วพัฒนาไปเอง

2. ขาดความรอบรู้ในเรื่องที่ทำงานไม่แตก กฎระเบียบยังรู้ไม่ทั่ว

3. กลัวความผิดพลาด

สาเหตุ ไม่ได้ฝึกเรื่องภาวะผู้นำตั้งแต่เด็ก แต่การมาทำงานกลับต้องมีภาวะผู้นำ

สำเร็จ โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง เป็นโรงเรียน Bi lingual

  1. เสนอโครงการเพื่อพัฒนาภาวะผู้นำกับการใช้ความคิดนอกกรอบที่เหมาะสมกับกลุ่มของท่าน 1 โครงการที่ปฏิบัติได้ พร้อม Action Plan

โครงการ วิธีการที่มีส่วนร่วมแบบใหม่โดยการที่ให้ทุกส่วนมาพัฒนาเยาวชนให้มีความใฝ่รู้ใฝ่เรียน

อ.กระจ่าง: ความคิดใหม่อยู่ใต้จิตสำนึก  และต้องเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน เอาใจใส่ต่อคำพูด

คุณพิชญ์ภูรี: เรียนรู้ว่าต้องเสียสละ ในการที่จะให้คนพูดเก่งพูด และได้ใช้ความคิดริเริ่มในการใช้จิตใต้สำนึก จากองค์ความรู้ จากจินตนาการ ต้องสนใจในข้อมูลต่างๆ ใช้ความซื่อตรง ต่อตนเองและผู้อื่น ต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี

ศ.ดร.จีระ: ทำอย่างไรให้ทรัพยากรมนุษย์ของประเทศดีขึ้น

วันนี้มีบรรยากาศการเรียนรู้ทีดี สิ่งที่เรียนรู้วันนี้ไปทำเป็นมูลค่าเพิ่มได้อย่างไร  สิ่งที่เอาชนะอุปสรรคได้ ต้องทำให้คนกลุ่มนี้เกิดความร่วมมือกัน

อ.สมโภช:  เมื่อคิดนอกกรอบในระบบราชการ ต้องมีความกล้า และอาจจะมีความกลัว จึงไม่กล้าทำอะไร  ที่สำคัญใจของท่านต้องคำถึงกาทำงานให้ประสบความสำเร็จ และไม่ผิดระเบียบ เวลาทำงานอะไรต้องเริ่มที่ 1 2 3ทำแล้วได้อะไร และผลงานให้กลับใครแต่หลังจากฟังบรรยายแล้วความคิดก็เปลี่ยนไป ควรทำเป็น 3 2 1 ทำให้ทำงานประสบความสำเร็จ

 

 


หน้า 519 จาก 559
Home

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5614
Content : 3057
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8661746

facebook

Twitter


บทความเก่า