Thaiihdc.org

  • เพิ่มขนาดตัวอักษร
  • ขนาดตัวอักษรปกติ
  • สดขนาดตัวอักษร
Thaiihdc.org

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์

พิมพ์ PDF

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์จัดตั้งเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ โดยการรวมตัวของคนไทยจำนวน 23 ท่าน โดยมีวัตถุประสงค์ให้มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ เป็นมูลนิธิของคนไทย เพื่อคนไทย คนไทยทุกคนสามารถเป็นเจ้าของมูลนิธิและมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทุนมนุษย์ให้มีคุณภาพ สร้างมูลค่าให้กับตัวเอง ครอบครับ สังคม และประเทศชาติ ไม่เป็นภาระให้ใคร

มูลนิธิศูนย์บรูณาการพัฒนามนุษย์ เป็นองค์กรที่บูรณาการสิ่งต่างๆเพื่อพัฒนาทุนมนุษย์ภายในประเทศให้มีประสิทธิภาพเสริมสร้างศักยภาพของประเทศไทย

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ทำงานร่วมกับ

๑.คนที่ต้องการพัฒนาตนเอง ต้องการเจริญเติบโตในหน้าที่การงาน ต้องการหางานที่เหมาะสมกับความสามารถและทำงานอย่างมีความสุข มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่มั่นคงและยั่งยืน

๒.องค์กรที่ต้องการอยู่รอดมีความมั่นคง  ต้องการเจริญเติบโต มีความสามารถในการแข่งขัน ต้องการที่ปรึกษา ต้องการบุคลากรที่มีความสามารถ มีปัญหาต้องการความช่วยเหลือ

๓.คนที่มีความพร้อมและมีความสามารถ มั่นคง ต้องการช่วยเหลือสังคม

๔.องค์กรที่มีความพร้อม มั่นคง ต้องการช่วยเหลือสังคม

หน้าที่ของมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์

๑.ส่งเสริม สนับสนุน และผลักดัน ให้มีการสร้างความเป็นเลิศโดยการพัฒนามนุษย์แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน

๒.เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้ และการสร้างความร่วมมือ เพื่อการพัฒนามนุษย์ทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ

๓.ส่งเสริมการพัฒนาองค์กรในสาขาวิชาชีพต่างๆ

๔.จัดให้มีการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรทั่วไป

๕.ให้คำปรึกษาเพื่อการพัฒนามนุษย์แก่องค์กรต่างๆ และบุคคลทั่วไป

๖.ศึกษา วิจัย เพื่อสร้างองค์ความรู้สำหรับการพัฒนามนุษย์

๗.ดำเนินการเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนศาสนา

๘.ดำเนินการเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนด้านสังคมสงเคราะห์

๙.ดำเนินการหรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลเพื่อการกุศลและองค์กรสาธารณะประโยชน์เพื่อสาธารณประโยชน์

๑๐.ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง

 

 

รายชื่อและตำแหน่งกรรมการก่อตั้งมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์

1.  ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์    ประธานกรรมการมูลนิธิ

2.  ดร.อนุชา เล็กสกุลดิลก  รองประธานกรรมการมูลนิธิ

3.  นายกิตติ คัมภีระ    รองประธานกรรมการมูลนิธิ

4.  น.สพ.สมชัย วิเศษมงคลชัย  รองประธานกรรมการมูลนิธิ

5.  นายธวัชชัย แสงห้าว  รองประธานกรรมการมูลนิธิ

6.  ดร.ธรรมชัย เชาว์ปรีชา  รองประธานกรรมการมูลนิธิ

7.  ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท  กรรมการและเลขาธิการ

8.  ดร.บันลือศักดิ์ ปุสสะรังษี    กรรมการและเหรัญญิก

9.  นายฉัตรชัย มงคลวิเศษไกวัล  กรรมการและกรรมการที่ปรึกษา

10.  นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล  กรรมการและกรรมการที่ปรึกษา

11.  ดร.วีรชัย วงศ์บุญสิน  กรรมการและกรรมการที่ปรึกษา

12.  รศ.ดร.อัศนีย์ ก่อตระกูล  กรรมการและกรรมการที่ปรึกษา

13.  นางโสทรินทร์ โชคคติวัฒน์  กรรมการ

14.  นายสยาม เศรษฐบุตร  กรรมการ

15.  นายสามารถ ดวงวิจิตรกุล    กรรมการ

16.  นายพัฒนศักย์ ฮุ่นตระกูล  กรรมการ

17.  นายวิสูตร เทศสมบูรณ์  กรรมการ

18.  นายกรพชร สุขเสริม  กรรมการ

19.  นายทำนอง ดาศรี    กรรมการ

20.  นายชนินท์ ธำรงวิทวัสพงค์  กรรมการ

21.  ผศ.ชัยธนัตถ์กร ภวิศพิริยะกฤติ    กรรมการ

22.  นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์    กรรมการ

Attachments:
FileคำอธิบายFile size
Download this file (Presentation iHDC 11 Thai 060865.pdf)Presentation iHDC 11 Thai 060865.pdf 2131 Kb
 

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์

พิมพ์ PDF

ขอแนะนำภาระกิจของมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ สนใจสมัครเข้าเป็นสมาชิก ติดต่อได้ที่ e-mail address: อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน

 

การเปลี่ยนแปลงของโลกและการปรับตัวของสังคม คัดลอกจากหนังสือ การศึกษาเพื่อสร้างพลเมือง

พิมพ์ PDF

ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าสังคมโลกและสังคมไทยได้มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและกว้างขวางหลายด้านทั้งเศรษฐกิจสังคม และการเมือง  โดยแต่ละด้านได้ส่งผลกระทบถึงกันและเชื่อมโยงกันตลอดเวลา โดยเฉพาะกระแสโลก หรือที่เรียกว่ากระแสโลกาภิวัตน์ที่กระตุ้นให้สมาชิกสังคมประเทศต่างๆ ได้เปิดตัวเองและตื่นตัวต่อการรับรู้กับสังคมภายนอกอันเป็นสังคมโลกมากขึ้น การเปิดดังกล่าวได้นำสู่การปรับตัว การยกระดับการเรียนรู้ และการพัฒนาของสมาชิกแต่ละสังคมเพื่อการรู้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงให้สามารถอยู่รอดปลอดภัย ไม่ให้ถูกพัดพาไปตามกระแสโลกภายนอกโดยไม่อาจปกป้องและสร้างภูมิคุ้มกันในบริบทของตนเองเพื่อการดำรงอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีและสันติสุขอันเป็นเป้าหมายสุดท้ายของสังคมมนุษย์

การที่เป็นแต่เพียงคนที่อ่านออก เขียนได้ หรือรู้วิธีการคำนวณและเข้าใจวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ย่อมไม่เป็นการเพียงพอเสียแล้วที่จะเป็นคนในสังคมระบอบประชาธิปไตย เพราะระบอบดังกล่าวต้องการพลเมืองที่เข้าใจและรู้จักความเป็นจริงของสังคม ของโลก และมีทัศนคติต่อคนอื่น ต่อสังคม และต่อสถาบันทางสังคม ซึ่งพลเมืองจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมให้ทำงานไปด้วยกัน พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ พลเมืองควรสามารถที่จะใช้เสรีภาพขั้นพื้นฐานที่สังคมให้การรับรองไว้ แล้วเต็มใจที่จะให้สิทธินี้แก่ผู้อื่นด้วย และพร้อมเผชิญกับเหตุการณ์ทางสังคมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งไม่อาจคาดเดาได้ "ความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย จึงหมายถึงการเป็นสมาชิกในสังคมที่มีอิสรภาพ ควบคู่ไปกับความรับผิดชอบ และมีเสรีภาพควบคู่กับหน้าที่ โดยมีความสามารถในการยอมรับความแตกต่าง เคารพกฎกติกาการอยู่ร่วมกัน พร้อมทั้งมีส่วนร่วมต่อความเป็นไปทางสังคมและร่วมแก้ปัญหาของสังคมด้วยสันติวิธี"

 

อธิบายการเรียนรู้แบบเปลี่ยนแปลงจากภายใน โดยอาจารย์วิจารณ์ พานิช

พิมพ์ PDF

ผมลงมติกับตัวเองว่า ที่เรียกว่า trans formative learning คือการเรียนรู้แบบลงมือทำ (learning by doing) หรือ action learning นั่นเอง

 

อธิบายการเรียนรู้แบบเปลี่ยนแปลงจากภายใน

ที่จริงวงการศึกษารู้จักการเรียนรู้โดยการเปลี่ยนแปลงจากภายใน (trans formative learning) มานานแล้ว  ดังกรณี ปิระมิดแห่งการเรียนรู้ข้างล่าง

 

จะเห็นว่า ระบบการศึกษาที่ยึดถือการเรียนรู้แบบถ่ายทอดความรู้ (informative learning) จะจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการส่วนยอดของปิระมิด หรือส่วนสีชมพู

ส่วนระบบการศึกษาที่เชื่อในการเรียนรู้แบบเปลี่ยนแปลงจากภายใน  จะจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการที่ฐานปิระมิด หรือส่วนสีเหลือง

ผลการวิจัยเมื่อ 40-50 ปีมาแล้วบอกชัดเจน ว่าการเรียนรู้ด้วยวิธีการส่วนฐานของปิระมิด ให้ผลการเรียนรู้ดีกว่ามาก  แต่ก็แปลก ที่วงการศึกษาไทยไม่ตระหนัก  และไม่รู้จัก trans formative education/learning

ผมเคยเข้าใจผิด ว่า trans formative learning เป็นเรื่องของการภาวนา เพื่อขัดเกลาจิตใจ แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านในแบบถอนรากถอนโคน  บัดนี้ หลังจากอ่านหนังสือ The Heart of Higher Education : A Call to Renewal อย่างไตร่ตรองใคร่ครวญ ผมลงมติกับตัวเองว่า  ที่เรียกว่า trans formative learning คือการเรียนรู้แบบลงมือทำ (learning by doing) หรือ action learning นั่นเอง

ผมตีความว่า trans formative learning เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นช้าๆ ทีละเล็กละน้อย ภายในตน ของผู้เรียน  ผ่านการปฏิบัติ (ทำ และ คิด)  จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงปัญญา (intellectual), อารมณ์ (emotion), สังคม (social), และจิตวิญญาณ (spiritual)

ครูที่ทำหน้าที่ "ครูฝึก" เก่ง จะช่วยชี้ ชวน ช่วย เชียร์ ชม ให้การเรียนรู้มีชีวิตชีวา มีพลัง และตรงทาง  คือไปในทางสัมมาทิฐิ ไม่หลงไปทางมิจฉาทิฐิ  ครูจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง  แต่ไม่ใช่ทำหน้าที่ ครูสอน ที่เน้นถ่ายทอดวิชา  แต่ทำหน้าที่ ครูฝึก ที่เน้นหน้าที่ ๕ช  ซึ่งตีความได้ว่า ทำหน้าที่ “คุณอำนวย” (facilitator) ต่อการเรียนรู้ ของศิษย์

กล่าวให้เข้าใจง่าย ทำงาย การเรียนที่เน้น PBL ตามด้วย AAR/Reflection คือการเรียนรู้แบบ เน้นการเปลี่ยนแปลง งอกงาม จากภายใน (trans formative learning)

การเรียนรู้แบบเปลี่ยนแปลงจากภายในต้องมีส่วน เรียนรู้ด้วยใจอย่างใคร่ครวญ (contemplative learning) อยู่ด้วย  ส่วนนี้คือ AAR หรือ reflection นั่นเอง  ครูฝึก trans formative learning จึงต้องมีทักษะการเป็น คุณอำนวย ของกระบวนการ AAR

ผมตีความว่า ครูก็ต้องเรียนรู้ฝึกฝนตนเอง เพื่อให้เกิด trans formative learning ภายในตนเช่นกัน  และทำได้ไม่ยากโดย PLC (Professional Learning Community)  คือเรียนรู้จากการปฏิบัติหน้าที่ครู  และผลัดกันทำหน้าที่ “คุณอำนวย”  ต่อการเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของเพื่อนครูด้วยกันเอง

ครูที่มีความสามารถ จะช่วยทำให้ การเรียนรู้แบบเปลี่ยนแปลงจากภายใน ขับเคลื่อนจากความหมายทั่วๆ ไป  ไปสู่ความหมายพิเศษ  คือเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านใน ที่เกิดการละลดตัวตน ความเห็นแก่ตัว ไปสู่โพธิสัตว์ในความหมายทางพุทธ

ยิ่งฝึกปฏิบัติจิตตภาวนา สู่จิตตปัญญา ร่วมไปด้วย การเปลี่ยนแปลงสู่โพธิก็จะยิ่งสะดวกเด่นชัดขึ้น

วิจารณ์ พานิช

๒๖ ม.ค. ๕๖

 

 

ASEAN 2015 ประเทศไทยรอด ต้องทำ 3 อย่าง ปรับคุณภาพทุนมนุษย์, ปรับ Mindset และมุ่งมั่นภาษาอังกฤษ ใครจะทำ 3 เรื่อง นี้ให้สำเร็จ โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

พิมพ์ PDF

ASEAN 2015 ประเทศไทยรอด ต้องทำ 3 อย่าง ปรับคุณภาพทุนมนุษย์, ปรับ Mindset และมุ่งมั่นภาษาอังกฤษ ใครจะทำ 3 เรื่อง นี้ให้สำเร็จ

ผมขอขอบคุณ ผู้อ่านที่ส่งความคิดเห็นกลับมาทาง Web ของแนวหน้า ดังนี้

“ขอบคุณสำหรับบทความจากความจริง ที่ให้ความรู้ ข้อคิดเห็น เพื่อให้ผู้อ่านได้ตระหนักถึงภัยทางด้านเศรษฐกิจที่กำลังคืบคลานมาถึงตัว คนในสังคมส่วนหนึ่ง "รู้สึกรู้สา แต่มิได้นำพา" อีกส่วนหนึ่ง"ไม่รู้สึกรู้สา แต่นำพาได้ทุกเรื่อง" อยากให้คนที่รู้สึกรู้สา ออกมานำพาประเทศ ส่วนคนที่ไม่รู้สึกรู้สาก็อย่าทำให้ประเทศวุ่นวายมากไปกว่านี้”

“ต้องให้คนบริหารประเทศฉิบหายชดใช้ในสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปเพื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่ไม่มีปัญญาแต่อยากมีอำนาจทำให้ประชาชนเดือดร้อน”

ความคิดเห็นเหล่านี้ทำให้ผมมีกำลังใจในการทำงานเขียนมีความสุขที่ผู้อ่านนำไปใช้และถ้ากรุณากระจายข่าวไปในมุมกว้างด้วยก็จะขอบคุณมากครับ

สัปดาห์นี้ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวศิลปอาชาที่สูญเสีย คุณชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จากโรคหัวใจด้วยวัยแค่ 72 ปี

ผมรู้จักอาจารย์ชุมพลมากว่า 35 ปี เพราะเป็นอาจารย์ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อเจอกัน ท่านให้กำลังใจผมเสมอ ตอนที่ตั้งสถาบันทรัพยากรมนุษย์ท่านก็บอกว่า ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ ซึ่งก็เป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง

มีคนพูดเล่นๆว่า คุณชุมพลเป็นคนดีของครอบครัวศิลปอาชา น่าเสียดายคนดีตายเร็ว แต่คนไม่ดีมักจะอยู่นาน โลกก็เป็นแบบนี้แหละ “สองมาตรฐานหรือเปล่า?”

สัปดาห์นี้ ผมมีโอกาสไปทำงานเรื่อง อาเซียน 20152 แห่ง2 โรงเรียน คือ

§  วิทยาลัยการอาชีพกาญจนบุรี

§  โรงเรียนท่าม่วงราษบำรุง จ.กาญจนบุรี

วัตถุประสงค์ คือไปกระตุ้นให้นักเรียนและครูกว่า 150 คน 2 แห่ง เข้าใจอาเซียนและปรับตัว  ได้มอบหนังสือ 8K’s, 5K’s ให้กับห้องสมุด มีกลุ่มตัวแทนสโมสรไลออนส์ไปร่วมด้วย 5 - 6 คน

กว่าถือโอกาสเสนอแนะให้แก่ผู้อ่านและสังคมไทยว่า การเข้าสู่ประชาคมอาเซียน 2015 ไม่ใช่เรื่องเล็กๆอีกต่อไป

กว่า 20 หน่วยงานที่ผมได้ไปช่วยสอนและผู้ฟังอีกกว่า 5,000 คน สรุปได้เป็น 3 เรื่องใหญ่ๆ ที่จะต้องนำไปปรับให้คนไทยอยู่รอดในอาเซียน 2015

เรื่องแรก คือ เรื่องภาษาอังกฤษ และภาษาอาเซียนซึ่งก็ต้องยอมรับว่า

§  ทุกหน่วยงานและผู้ฟังทุกคนมักจะเน้นเรื่องความอ่อนด้านภาษาอังกฤษและภาษาอาเซียน

§  แต่ยังไม่มีแผนงานที่ชัดเจนที่จะปรับปรุงการเรียนภาษาอังกฤษให้เป็นเลิศได้ ในช่วงเวลาที่จำกัดได้อย่างไร?

จึงขอตั้งข้อสังเกตดังต่อไปนี้

§  รัฐบาลควรมีนโนบายเรื่องภาษาอังกฤษและภาษาอาเซียนให้เป็นรูปธรรม

§  มีคณะกรรมการระดับชาติดูแลแบ่งปันกลุ่มเป้าหมาย นักเรียน คนวัยทำงาน อื่นๆ

§  มีงบประมาณที่พอเพียง

§  มียุทธวิธีที่แหลมคมเพื่อทำให้สำเร็จ

§  ไม่ใช่ทำเป็นแค่ไฟไหม้ฟาง พูดเยอะแต่ไม่ทำ

§  และในที่สุด ภาษาอังกฤษของเราก็ย่ำอยู่กับที่

§  ผมมั่นใจว่าถ้ารัฐบาลทำจริงๆก็อาจจะมีโอกาสสำเร็จสูง ต้องจัดงบประมาณและวิธีการที่เด่นชัด แต่ความหวังของผมก็ไม่สูงนัก เพราะทำแล้วรัฐบาลได้คะแนนหรือเปล่า? และรัฐบาลได้อะไรในระยะสั้น ต้องไปถามรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ดู

เรื่องที่ 2 เรื่องการพัฒนาทุนมนุษย์ ทุกครั้งที่ผมไปพูดจะยกคำพูดของคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ที่บอกว่า

“คน คือ ทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่ามากที่สุดขององค์กร”

ผู้ฟังส่วนใหญ่เริ่มคล้อยตาม ถ้าไม่พูดถึงความสำคัญของทุนมนุษย์ ผู้ฟังส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องอื่นๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน และผมก็ตามด้วย พื้นฐานของทุนมนุษย์ 8K’s และมุ่งไปที่ 5K’sเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม

ปรากฏว่าในหน่วยงานกว่า 20 แห่ง กว่า 5,000 คน ที่ผมได้ไปกระตุ้น เห็นด้วยอย่างมากและเชื่อว่าวิธีการปรับคุณภาพทุนมนุษย์รองรับอาเซียนสำคัญมากๆเป็นอันดับต้นๆ แต่คำถามก็คือ ใครจะเป็นผู้นำและทำอย่างไร?

ผมเชื่อว่า จะสำเร็จได้ก็ต้องเป็นรัฐบาลทำและมีพันธมิตรจากภาคธุรกิจ เอกชนและต่างประเทศช่วย แต่ต้องทำให้สำเร็จ

ส่วนประเด็นสุดท้ายก็คือ ปรับ Mindset หรือค่านิยมที่ฝังผิดๆมานานในการคิดและดำรงชีวิตแบบใหม่เพื่อการเข้าสู่อาเซียน

มีการวิจัยโดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่อง ข้าราชการและรัฐวิสาหกิจจะปรับตัวให้เข้าอาเซียนเสรีได้ต้องปรับทัศนคติหรือค่านิยม(Mindset)ของข้าราชการให้ได้

ปัญหาก็คือปรับทัศนคติของคนไทยเป็นการปรับที่ยากที่สุด ผมได้ทดลองทำมาแล้วที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยโดยให้อ่านหนังสือ Mindset ซึ่งพบว่า

ถ้าจะปรับค่านิยม(Mindset)ให้สำเร็จได้ เรียกว่า Growth Mindset ซึ่งต้องเรียนรู้จากความล้มเหลวและความเจ็บปวด

ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็คือ Fixed Mindset คือ คิดว่าฉันแน่ ไม่ต้องเรียนรู้อะไร? ฉันเป็นของฉันแบบนี้ ใครจะทำไมในที่สุดก็จะล้มเหลวการปรับ Mindset ของคนไทยเพื่ออาเซียนก็คือ

§  ต้องไม่หยิ่งว่า “เราไม่เคยเป็นขี้ข้าใคร”

§  Positiveคิดในด้านดี

§  Open มีใจเปิดกว้าง

§  พร้อมจะเปลี่ยนแปลง

§  พร้อมจะเรียนรู้เกี่ยวกับอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจสังคม วัฒนธรรม วิถีชีวิตรู้เขามากขึ้น

มองว่าประโยชน์ของอาเซียนคือ ต้องอยู่ร่วมกันเพราะโลกปัจจุบันอยู่คนเดียวไม่ได้แล้ว พร้อมจะสื่อสารเรียนรู้ร่วมกันและกัน สร้างโอกาสร่วมกันไม่ใช่แค่แข่งขันเท่านั้น

การเปลี่ยน Mindset เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จำเป็นมากๆ

ใครจะเป็นผู้นำ ผมคงจะทำเรื่องเล็กๆ จำนวน500/1000 ได้ แต่ถ้าจะปรับ Mindset ของทั้งประเทศ คงจะต้องให้รัฐบาลทำ

“ปัญหาความอยู่รอดของคนไทยทั้ง 3 เรื่อง รอให้มีผู้นำของรัฐบาลทำต่อไป”

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ นำคณะจากสโมสรไลออนส์กรุงเทพ (รัตนชาติ)ไปจัดโครงการเผยแพร่ความรู้เรื่องประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ณ โรงเรียนท่าม่วงราษฎร์บำรุงและวิทยาลัยการอาชีพกาญจนบุรี และได้มอบหนังสือให้กับห้องสมุดของโรงเรียน  เมื่อวันที่  23 มกราคม 2556

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ

อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน

www.gotoknow.org/blog/chiraacademy

แฟกซ์0-2273-0181

 


หน้า 515 จาก 559
Home

About Us

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (ศบม.) เป็นองค์กรที่พัฒนาและจัดทำโครงการเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม เป็นองค์กรสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการภาคธุรกิจบริการที่ขาดแคลนบุคลากรที่มีมาตรฐานในการให้บริการ
อ่านเพิ่มเติม

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ ์

 iHDC Profile
บัญชีรายชื่อกรรมการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ
เอกสารประชาสัมพันธ์ โครงการ HMTC.pdf
เอกสารแนะนำโครงการ HMTC 1.pdf
เอกสารโครงการ HMTC 2 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ.pdf
iHDC นิติบุคคล.pdf
iHDC บุคคล.pdf
iHDC บุคคลเครือข่าย.pdf
รายงานการประชุม 6 มีนาคม 2560.pdf
ข้อบังคับมูลนิธิ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
Ihdc-Profile and Roadmap 2016-2019 Mar 23 2560.pdf
รายงานการประชุมใหญ่คณะกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ 2559.pdf
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สาขาวิชาชีพ.pdf
รายงานการประชุมใหญ่วันที่ 18 ธ ค 2558 v 3.pdf
รายงานการประชุม วันที่ 24 ธันวาคม 2557 updated 4 มีนาคม 2558.pdf
iHDC-invitation Letter.doc
iHDC-Member Form Thai.doc
iHDC-Member Form English.doc
รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ วันที่ 15 มกราคม 2556 ฉบับสมบูรณ์


thaibetter
พัฒนาประเทศไทยแบบทวีคูณ และยั่งยืน ( ททค )

Login


แบบสำรวจ

สถิติเว็บไซด์

สมาชิก : 5614
Content : 3057
เว็บลิงก์ : 26
จำนวนครั้งเปิดดูบทความ : 8661938

facebook

Twitter


บทความเก่า